บทที่ 1103 ฟังออกแค่ภาษาคน
พอได้ยินเธอรับประกันอย่างนั้น กงซวี่จึงวางสายอย่างสบายใจ
เยี่ยหวันหวั่นทำเวลาด้วยการบรรยายบทให้เจียงเยียนหรานฟังต่อ
การออดิชั่นครั้งนี้มีทั้งนักแสดงละครโทรทัศน์และนักแสดงหนังที่ยอดเยี่ยมในเมืองหลวงมากมาย การแข่งขันดุเดือดมากทีเดียว
แม้เจียงเยียนหรานจะทำคะแนนได้ดีในมหาลัย แต่เทียบกับนักศึกษาที่เดบิวต์ และมีชื่อเสียงตั้งนานแล้วพวกนั้น ถือว่าเธอเสียเปรียบในด้านนี้
เพียงไม่นาน เยี่ยหวันหวั่นก็เห็นศิลปินหน้าใหม่ของโกลบอลกับหวงเทียนหลายคนแล้ว แถมยังเห็นเหลียงซือหานด้วย
เหลียงซือหานได้เซ็นสัญญากับหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ด้วยเส้นสายของเหลียงเหม่ยเซวียนกับเยี่ยอีอีแล้ว
ท่ามกลางผู้คน เหลียงซือหานเหลือบเห็นเยี่ยหวันหวั่นจากหางตา เธอเบิกตากว้าง จากนั้นก็สาวเท้าเดินมาหาด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง และพูดด้วยน้ำเสียงเสียดสี “แหม นี่ใครกันเนี่ย! เยี่ยหวันหวั่น! เธอคงไม่ได้มาออดิชั่นหรอกนะ?”
เพราะว่าต้องไปรับประกาศนียบัตรจบการศึกษาหลังจากส่งเจียงเยียนหรานออดิชั่น เยี่ยหวันหวั่นจึงสวมชุดนักศึกษาเพื่อความสะดวกสบาย
“เหอะ ไม่รู้จักเจียมตัวซะบ้าง เธอคิดว่าแค่สวยก็จะทำอาชีพนี้ได้งั้นเหรอ? นี่มันสคริปต์ของผู้กำกับเผิงหย่วนหูเชียวนะ! น้ำหน้าอย่างเธอยังกล้ามาออดิชั่นอีกนะ!” เหลียงซือหานพูดเองเออเอง พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นไม่พูดอะไร ก็กระทืบเท้าด้วยความโมโห “นี่ ทำไมไม่พูดอะไรบ้างล่ะ?”
เยี่ยหวันหวั่นจึงกระดกคิ้ว แล้วหันไปมองหน้าเหลียงซือหาน “ต้องขออภัย ฉันฟังออกแค่ภาษาคนเท่านั้น”
“เธอ!” เหลียงซือหานโกรธ “เป็นเพราะเธอ ป้าเหม่ยเซวียนก็เลยต้องโดนลงโทษ! แต่เยี่ยหวันหวั่น เธออย่าเพิ่งได้ใจไป ไม่นานบริษัทห่วยๆ ของพี่ชายเธอต้องล่มไม่เป็นท่าแน่นอน!”
เยี่ยหวันหวั่นขี้คร้านจะสนใจคนสมองไม่สมประกอบอย่างเธอ
ครอบครัวของลุงเธอ เห็นเหลียงเหม่ยเซวียนที่เป็นเมียน้อยเป็นคนในครอบครัว แล้วก็ไม่สนใจใยดีพ่อแม่เธอที่เคยช่วยพวกเขาเอาไว้ เธอจึงไม่นับญาติกับพวกเขาตั้งนานแล้ว
เจียงเยียนหรานก้าวออกมาด้วยความโมโห “เธอเป็นใคร? ทำไมถึงได้พูดจาอย่างนี้ หวันหวั่นมาส่งฉันออดิชั่นต่างหาก”
เหลียงซือหานมองด้วยสายตาเหยียดหยัน “ฉันเป็นหลานสาวของภรรยาประธานเยี่ยกรุ๊ป ลูกพี่ลูกน้องของเยี่ยอีอี ผู้อำนวยการฝ่ายผู้ดูแลนักแสดงของบริษัทหวงเทียนเอนเตอร์เทนเมนต์ บทนี้ต้องเป็นของฉันแน่นอน คุณผู้หญิงเจียง ฉันว่าเธออย่าเสียเวลาเลย รีบกลับบ้านไปดีกว่า!”
เหลียงซือหานบอก แล้วหมุนกายเดินจากไปอย่างได้ใจ
นักศึกษาหลายคนที่มาออดิชั่นต่างล้อมวงประจบประแจงเธอ…
เจียงเยียนหรานขมวดคิ้ว “เขาคือลูกพี่ลูกน้องคนนั้นของเธอน่ะเหรอ?”
“ไม่ต้องไปสนใจหล่อน จดจ่อกับการออดิชั่นก็พอ ฉันลองสันนิษฐานดูแล้ว มีหลายฉากที่อาจทำให้ออดิชั่นผ่าน เธอโฟกัสหน่อย…” เยี่ยหวันหวั่นพูด แล้วชี้ไปที่ข้อมูลที่ตัวเองจัดเตรียมมา
ถึงแม้เจียงเยียนหรานจะโมโห แต่ก็รวบรวมสมาธิ แล้วเริ่มฟังเยี่ยหวันหวั่นบรรยายบท
เธอจะต้องสร้างชื่อเสียงให้หวันหวั่นให้ได้!
ไม่นาน การออดิชั่นก็เริ่มต้นขึ้น พนักงานให้ทุกคนจับฉลากเรียงลำดับการออดิชั่น
เพราะคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปด้วยไม่ได้ ฉะนั้นเยี่ยหวันหวั่นเลยทำได้แค่รออยู่ข้างนอก
นักศึกษาที่มาออดิชั่นทยอยเดินออกมา แทบทุกคนที่เดินออกมาในสภาพคอตก ดูท่าแล้วคงไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เหลียงซือหานก็เดินออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ ก่อนจะกลับยังมองเยี่ยหวันหวั่นอย่างท้าทาย “ได้ยินมาว่าพี่ชายเธอยังคิดจะใช้เรื่อง ‘เป็นหรือตาย’ คว้ารางวัลจินหลานด้วย? แต่ขอโทษด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมหรือนักแสดงยอดเยี่ยม เกรงว่าพวกเธอคงไม่มีวาสนากับรางวัลจินหลานในปีนี้หรอก!”
เยี่ยหวันหวั่นมองแผ่นหลังของเหลียงซือหานที่เดินจากไป มุมปากกระตุกเล็กน้อย พวกเธอไร้วาสนางั้นเหรอ?
ถ้างั้นก็รอดูต่อไปก็แล้วกัน…
……………………………
บทที่ 1104 มากประสบการณ์
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้กังวลว่าจะมีปัจจัยอื่นส่งผลกระทบต่อการออดิชั่นในครั้งนี้
ชาติก่อนจะต้องมีหลายบริษัทที่อยากให้ศิลปินของตัวเองได้เป็นนางเอกแน่ๆ แต่เผิงหย่วนหูกลับยอมไม่ถ่ายทำถึงสองปี โดยไม่ยอมเลือกศิลปินที่ตัวเองไม่ชอบ
ด้วยฐานะของเผิงหย่วนหูในวงการนี้ เขามีอำนาจในการเลือกนักแสดง นอกจากความสามารถของตัวศิลปินเอง ก็ไม่มีปัจจัยใดที่สามารถส่งผลกระทบต่อการเลือกของเขาได้อีกแล้ว…
เจียงเยียนหรานจับฉลากได้ลำดับหลังๆ ศิลปินคนอื่นทยอยกลับบ้านหลังจากออดิชั่นเสร็จ
เยี่ยหวันหวั่นนั่งรอเกือบสองชั่วโมงแล้ว เจียงเยียนหรานก็ยังไม่ออกมา
เธอก้มดูนาฬิกาข้อมือ ในตอนนั้นเอง จู่ๆ พนักงานสวมหมวกแก๊ปก็วิ่งออกมาอย่างเร่งรีบพร้อมกับสคริปต์ในมือ กวาดมองรอบๆ ด้วยสีหน้าตื่นเต้นระคนร้อนใจ จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “คุณเยี่ยหวันหวั่นคือคนไหนครับ?”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยิน ก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ฉันเองค่ะ”
พนักงานมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสายตาพิจารณาและแปลกใจ จากนั้นก็ขมวดคิ้วถามว่า “คุณคือเยี่ยหวันหวั่น?”
“ใช่ค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นตอบอีกครั้ง
พนักงานได้ยินก็ตะลึง “คุณไม่ได้มาออดิชั่นเหรอ?”
เมื่อกี้ตอนเห็นผู้หญิงคนนี้ เขายังนึกว่าเธอเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่มาออดิชั่นเสียอีก
“ฉันมาส่งเพื่อนค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
“เพื่อนของคุณคือคุณเจียงเยียนหรานใช่ไหมครับ?” พนักงานถาม
เยี่ยหวันหวั่นตอบ “ใช่ค่ะ”
“ถ้างั้นเชิญคุณข้างในครับ!” พนักงานเองก็ไม่มีเวลาถามอะไรมาก ทำได้เพียงเชิญเธอเข้าไปข้างใน
เยี่ยหวันหวั่นได้ยินอย่างนั้นก็แววตาไหวระริก “ค่ะ”
พนักงานเดินนำเยี่ยหวันหวั่นเข้าไปอย่างเร่งรีบ
ในห้องออดิชั่น ทั้งผู้กำกับ รองผู้กำกับ ผู้ผลิต นักเขียนบท และฝ่ายลงทุนต่างอยู่พร้อมกันหมด เจียงเยียนหรานยืนอยู่หน้าโต๊ะตัวยาวด้วยท่าทางนอบน้อม ผู้ผลิตกำลังถามคำถามต่างๆ กับเธอมากมาย
“คุณเจียง คุณต้องการค่าตัวเท่าไหร่?”
“คุณเจียง ทางเราต้องการให้คุณเข้ากลุ่มในอีกสามวัน คุณติดปัญหาอะไรไหมคะ?”
“คุณเจียง คุณน่าจะรู้สถานการณ์คร่าวๆ ของหนังเรื่องนี้ดี พวกเราเสียเวลามามากแล้ว หวังว่าคุณจะอ่านสัญญาฉบับนี้โดยเร็ว…”
เห็นได้ชัดว่าเจียงเยียนหรานไม่ถนัดรับมือกับสถานการณ์อย่างนี้ สีหน้าเธอดูอึดอัด “ขออภัยค่ะ เรื่องพวกนี้ฉันไม่ค่อยมีประสบการณ์ ช่วยรอให้เพื่อนฉันมาแล้วค่อยคุยกับเธอโดยตรงได้ไหมคะ?”
หลังได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลัง เจียงเยียนหรานก็เหมือนเห็นดาวช่วยชีวิต เธอรีบเงยหน้าด้วยความดีใจ “หวันหวั่น!”
เยี่ยหวันหวั่นเดินไปเจียงเยียนหราน แล้วกอดปลอบเธอ
“หวันหวั่น ฉันทำสำเร็จแล้ว!” เจียงเยียนหรานตื่นเต้นจนใบหน้าน้อยๆ แดงก่ำไปทั้งดวง
ถึงแม้เมื่อกี้ตอนที่ได้ยินฝ่ายผู้ผลิตยิงคำถามใส่เธอ เยี่ยหวันหวั่นจะเดาได้แล้ว แต่พอได้ยินเจียงเยียนหรานพูดออกมากับปากตัวเอง เยี่ยหวันหวั่นก็ยังอดตื่นเต้นดีใจไม่ได้ “ยินดีด้วยนะเยียนหราน!”
ด้วยอิทธิพลจากครอบครัวบวกกับพรสวรรค์ เดิมทีเจียงเยียนหรานก็ไม่เลวอยู่แล้ว เธอมีพื้นฐานดีมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ไม่มีประสบการณ์ด้านเดบิวต์ แต่เรียกได้ว่าเธอสั่งสมประสบการณ์มามากมาย และรอเวลาที่จะได้แสดงมันออกมา
“หวันหวั่น เธอเดาถูกหมดเลย! ฉันจับฉลากได้บทที่นางเอกเต้นรำอยู่ใต้แสงจันทร์หลังจากที่ความจำเสื่อม!” เจียงเยียนหรานพูดอย่างตื่นเต้น
เวลานี้เอง ผู้ผลิตที่อยู่ข้างๆ มองเยี่ยหวันหวั่น เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณเจียง คุณคนนี้คือเพื่อนคุณเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ผู้ผลิตหวัง!” เจียงเยียนหรานพยักหน้า เพราะเยี่ยหวันหวั่นอยู่ด้วย ตอนนี้เธอเลยกลับมามั่นใจอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะ ผู้ผลิตหวัง!” เยี่ยหวันหวั่นกล่าวทักทายผู้ผลิตอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็พูดว่า “เรื่องเกี่ยวกับสัญญาและการถ่ายทำ คุณคุยกับฉันโดยตรงได้เลยค่ะ”
……………………..