บทที่ 1109 คนหน้าตาดี พูดอะไรก็ถูก
สามคนพ่อแม่ลูกเลือกที่จะฉลองในร้านหม้อไฟแห่งหนึ่ง
“ฮิๆ ฉันได้ประกาศนียบัตรจบการศึกษาแล้ว เจียงเยียนหรานก็ออดิชั่นผ่าน วันนี้ถือว่ามีโชคสามชั้น! มาๆ ชนแก้ว!” เยี่ยหวันหวั่นยกน้ำส้มในมือขึ้นอย่างเบิกบาน
ซือเยี่ยหานได้ยินก็มองหน้าหญิงสาว “โชคสามชั้น?”
ถังถังที่อยู่ข้างๆ เองก็กะพริบตาปริบๆ แล้วถามว่า “แม่ครับ ไม่ใช่โชคสองชั้นเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นเท้าคางเหล่มองซือเยี่ยหาน แล้วบอกว่า “สามชั้นน่ะถูกแล้ว แม่เรียนจบ เจียงเยียนหรานออดิชั่นผ่าน แล้วก็อีคิวพ่อของลูกก็มีพัฒนาการด้วย ไม่มีข้อบกพร่องแล้ว!”
ซือเยี่ยหานเงียบ
ซือเยี่ยหานมองหญิงสาว แล้วถามว่า “อีคิวฉันต่ำเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ “บอกตามตรง คุณหน้าตาอย่างงี้ ถ้ายังอีคิวสูงอีก ฉันคงจะตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกพบแล้วล่ะค่ะ!”
ยังต้องลำบากตรากตรำเหมือนตอนนั้นเสียที่ไหน…
ความจริงเธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าตอนนั้นตัวเองคิดยังไง ถึงได้หลงผิด ปล่อยผู้ชายอย่างซือเยี่ยหานไป แล้วไปหลงรักคนเลวๆ อย่างกู้เยว่เจ๋อหัวปักหำปำอย่างนั้น
ทั้งที่เธอชอบคนหน้าตาดีถึงขนาดนี้ ถึงแม้ซือเยี่ยหานจะมีจุดที่น่ากลัวไปบ้าง แต่เธอก็ไม่น่าจะเกลียดเขาขนาดนั้นนี่?
เพราะถึงยังไงสำหรับคนที่มองคนที่หน้าตา มักจะยึดหลักที่ว่า “หน้าตาดี พูดอะไรก็ถูกไปหมด” …
ขอแค่ตอนนั้นเธอมีท่าทีอ่อนลงหน่อย ซือเยี่ยหานก็คงไม่โมโหจนทำรุนแรงขนาดนั้น แล้วก็คงไม่เกิดวงจรอุบาท จนทำให้กลายเป็นโศกนาฏกรรมในที่สุด…
ซือเยี่ยหานที่ถูกเมียพูดแทงใจดำทำได้แค่เงียบ
พอได้ยินเยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างนั้น สีหน้าของซือเยี่ยหานก็สับสนวุ่นวายอยู่นาน จากนั้นก็จ้องหน้าเธอนิ่งๆ แล้วถามขึ้นว่า “เธอรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้ตกหลุมรักฉันตั้งแต่แรกพบ?”
เยี่ยหวันหวั่นอึ้งงัน “หา? ฉันตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกพบเหรอ? ทำไมฉันจำไม่เห็นได้เลยล่ะ?”
เธอจำได้ว่าตัวเองถูกคนของซือเยี่ยหานนำตัวไปที่สวนจิ่นหยวน เจอกันครั้งแรกในฐานะคนแปลกหน้า ซือเยี่ยหานไม่พูดพร่ำทำเพลงก็สั่งให้เธออยู่ที่นี่ ไม่อนุญาตให้ไปไหน ฉะนั้นการพบกันครั้งแรกของพวกเขา จึงไม่ถือว่าน่าประทับใจนัก…
สายตาของซือเยี่ยหานขรึมลงเล็กน้อย แต่ไม่นานก็รีบกลบเกลื่อนสายตาผิดปกติ แล้วบอกว่า “ตัดเค้กเถอะ มูสเค้กปล่อยไว้นานจะละลาย”
“อ้อๆ ถังถังรีบดันเค้กมาเร็วเข้าลูก!” เยี่ยหวันหวั่นคิดว่าซือเยี่ยหานแค่พูดเรื่องรักแรกพบไปเรื่อยเปื่อย เลยไม่ได้คิดอะไรมาก จึงหันไปตัดเค้กอย่างมีความสุข
ขณะเดียวกัน ที่หวงเทียนเอนเตอร์เทนเมนต์
ในห้องประชุม เยี่ยอีอี เหลียงซือหาน รวมถึงผู้ช่วยของเหลียงซือหานต่างก็อยู่พร้อมหน้ากัน
ผู้ช่วยเอ่ยปากด้วยความระมัดระวัง “พี่อีอี ฉันเพิ่งได้รับการตอบรับจากทางกองถ่าย ซือหานออดิชั่นไม่ผ่าน แถมทางนั้นยังบอกว่าหานางเอกที่เหมาะสมได้แล้วด้วย…”
เหลียงซือหานออดิชั่นไม่ผ่าน เยี่ยอีอีไม่ได้แปลกใจ เพราะถึงอย่างไรในวงการนี้ทุกคนต่างก็รู้ว่าเผิงหน่วนหูเข้มงวดขนาดไหน ขนาดนักแสดงใหญ่หลายคนยังออดิชั่นไม่ผ่าน
แต่คนที่มาจากมหาลัยมีแต่หน้าใหม่ทั้งนั้น นึกไม่ถึงว่าจะหานางเอกที่เหมาะสมได้เร็วขนาดนี้ ทำให้เธอประหลาดใจเล็กน้อย
ไม่รอให้เยี่ยอีอีเอ่ยปาก เหลียงซือหานรีบถาม “หาคนที่เหมาะสมได้แล้ว ใครกัน? ศิลปินบริษัทไหน? คนของโกลบอลเหรอ?”
หวงเทียนส่งเธอไปแค่คนเดียว ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นศิลปินต่ายไหนกัน?
ผู้ช่วยได้ยนิก็บอกว่า “ฉันสืบดูแล้ว ได้ยินว่าเป็นนักศึกษาปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยภาพยนตร์ ยังไม่ได้เซ็นสัญญากับค่ายไหนเลย ขนาดสัญญาเธอก็เป็นคนเซ็นเอง เดาว่าคงเพราะโชคดีน่ะสิ!”
เหลียงซือหานได้ยินก็สีหน้าไม่ดี “เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยภาพยนตร์เหมือนกันงั้นเหรอ? ใครกัน ฉันรู้จักไหม?”
……………………..
บทที่ 1110 หน้าตาดีขนาดนี้ อันตรายเกินไป
“ฉันนึกก่อนนะ เหมือนจะแซ่เจียง ชื่อเจียงเยียนหราน…” ผู้ช่วยตอบ
“เป็นเธองั้นเหรอ!” พอนึกได้ว่าเจียงเยียนหรานสนิทกับเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าของเหลียงซือหานยิ่งแย่ลง
“พี่อีอี หาวิธีอีกหน่อยไม่ได้เหรอ? ฉันอยากแสดงหนังของผู้กำลังเผิงมากจริงๆ เจียงเยียนหรานที่ไม่มีสังกัดยังทำได้ ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะทำไม่ได้นี่นา” เหลียงซือหานดึงมือเยี่ยอีอีแล้วเอ่ยอย่างขอร้อง
เยี่ยอีอีขมวดติ้ว “ซือหาน ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วยเธอ ถ้าหากเป็นผู้กำกับคนอื่น บริษัทเราก็ยังหาเส้นสายได้ แต่เวลาผู้กำกับเผิงเลือกนักแสดง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขาคนเดียว ไม่มีใครทำอะไรได้ทั้งนั้น ในเมื่อนักแสดงของเรื่องนี้ถูกกำหนดตัวแล้ว เธอก็อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย บริษัทเราจะหาหนังที่ดีกว่าให้เธอแน่นอน”
พอเห็นว่าเยี่ยอีอีไม่ยอมออกหน้าช่วยเหลือ เหลียงซือหานก็ไม่พอใจ จนกระทั่งได้ยินประโยคสุดท้าย สีหน้าจึงดีขึ้นหน่อย “จริงเหรอ? ขอบคุณนะคะพี่อีอี พี่ดีกับฉันที่สุดเลย!”
เยี่ยอีอียิ้ม “ครอบครัวเดียวกัน จะเกรงใจกันทำไม”
เหลียงซือหานทำหน้าประจบ “พี่อีอี พี่วางใจเถอะ พี่ต่างหากที่เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเยี่ย แล้วก็เป็นคุณหนูเพียงคนเดียวด้วย ครอบครัวของเยี่ยหวันหวั่นที่ไม่มีหน้าไม่มีตาอย่างนั้น ถึงพวกเขาจะดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่มีวันเบ่งบานหรอก! หนังเรื่อง ‘เป็นหรือตาย’ อะไรนั่น แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าไม่มีวันดังหรอก ขาดทุนแน่นอน!”
……
ร้านหม้อไฟ
เยี่ยหวันหวั่นกินจนไม่สามารถกินได้อีก จึงยอมหยุดอย่างพึงพอใจในที่สุด
หลังจากจ่ายเงิน เพราะเยี่ยหวันหวั่นอิ่มเกินไป ซือเยี่ยหานจึงไม่ได้ไปขับรถมาทันที แต่เดินเล่นเป็นเพื่อนเธอพร้อมกับถังถัง
“ยังแน่นท้องอยู่ไหม?” ซือเยี่ยหานเห็นหญิงสาวเอาแต่ลูบท้อง ได้แต่นึกเอือมระอา
“อื้อ…อึดอัดมากเลย…” เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าบึ้ง “ทำไมพวกคุณไม่เตือนฉันเลย น่าจะบอกให้ฉันกินน้อยๆ หน่อยสิ!”
ซือเยี่ยหานพูดไม่ออก
ถังถังเอ่ย “แม่ครับ ถังถังผิดเอง…”
สองพ่อลูกที่ถูกตำหนิต่างก็คิดเหมือนกัน เห็นเธอกินอย่างมีความสุขขนาดนั้น ใครจะทำใจห้ามได้ลงคอล่ะ?
ซือเยี่ยหานหันไปมองร้านขายยา จากนั้นก็หันไปพูดกับเยี่ยหวันหวั่นว่า “รอฉันเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันไปซื้อยาช่วยย่อยให้เธอ”
“อ่า…โอเคค่ะ…” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าอย่างว่าง่าย พูดจบก็กำชับเหมือนไม่ค่อยสบายใจ “ถ้างั้นคุณรีบกลับมาล่ะ…นี่ก็ดึกมาแล้ว…มันอันตราย…คุณหล่อขนาดนี้…ถ้าโดนผู้หญิงฉุดเข้าจะทำยังไง…”
ซือเยี่ยหานมุมปากกระตุก สีหน้ายากอธิบาย “ไม่มีใครน่ากลัวกว่าเธอแล้วล่ะ”
เยี่ยหวันหวั่นเม้มปากอย่างไม่พอใจ “ฉันน่ากลัวตรงไหน…”
ทำไมพักนี้ซือเยี่ยหานถึงได้ชอบใส่ร้ายเธอนัก! จริงๆ เลย!
“แม่ครับ ยังไหวไหมครับ? เดี๋ยวถังถังช่วยแม่นวด!” เด็กน้อยช่วยเยี่ยหวันหวั่นนวดท้องด้วยความเป็นห่วง
“ขอบคุณมากนะเบบี๋ของแม่ มั๊วะ~~~”
เยี่ยหวันหวั่นกำลังเดินเล่นรอบน้ำพุ ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินก้มหน้าก้มตาตรงมาหาเธอ
หญิงสาวก้มหน้างุด มือถือของกองพะเนิน ท่าทางเหมือนคนใจลอย เพราะเดินไม่ดูทาง เลยชนเยี่ยหวันหวั่นเข้า ของในมือตกกระจายเต็มพื้นทันที…
“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ! คุณคะ ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เยี่ยหวันหวั่นเห็นก็รีบช่วยหญิงสาวเก็บของบนพื้น
“ไม่เป็นไรค่ะๆ…ขอโทษนะคะ…ขอโทษที่เดินชนค่ะ…” หญิงสาวรีบขอโทษขอโพย
เยี่ยหวันหวั่นช่วยหญิงสาวเก็บของได้ครู่หนึ่ง หางตาก็เหลือบเห็นเนื้อหาบนกระดาษพวกนั้น สายตาพลันสะดุดเล็กน้อย ที่แท้กระดาษที่กระจายอยู่เต็มพื้นก็เป็นประวัติส่วนตัวของหญิงสาวนี่เอง
หญิงสาวคนนี้ทำงานสายเดียวกับเธอ นั่นก็คือผู้จัดการส่วนตัว…
………………………………