บทที่ 1175 หรือว่าอยากตกเธอ
เยี่ยหงเหวยมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด เมื่อวานมีคนไม่น้อยมาแลกเปลี่ยนคำทักทายกับเขา ยกย่องเยี่ยมู่ฝานต่อหน้าเขา อิจฉาที่เขามีหลานยอดเยี่ยม เขาย่อมอารมณ์ดีพอตัว
ลูกชายคนโตล้มเหลว แถมหลายชายคนเดียวยังน่าผิดหวัง ครั้งหนึ่งเคยเป็นปมใหญ่สุดในใจเขา
เยี่ยหงเหวยพูดพลางมองเยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ข้างเยี่ยมู่ฝานพลาง “นี่ก็คือผู้อำนวยการฝ่ายผู้จัดการนักแสดงคนนั้นของบริษัทพวกหลาน เยี่ยไป๋?”
เยี่ยหงเหวยจ้องเยี่ยหวันหวั่นหลายที สีหน้าสงสัยอยู่บ้าง คงเพราะรู้สึกคุ้นเคยกับอีกฝ่ายนิดหน่อย แต่ก็แค่พริบตาเดียวเท่านั้น จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
เยี่ยมู่ฝานกระแอมไอ ในใจทอดถอนใจที่การปลอมตัวและทักษะการแสดงของน้องสาวตัวเองก็เยี่ยมยอดเช่นกัน แม้แต่ปู่แท้ๆ ยังจำเธอไม่ได้
“ใช่ครับ คุณปู่!” เยี่ยมู่ฝานรีบแนะนำ “เยี่ยไป๋ นี่คือปู่ของฉัน เป็นประธานกรรมการของหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์”
เยี่ยหวันหวั่นตามคำพูดของเยี่ยมู่ฝาน เอ่ยทักทายอย่างสง่างาม “ประธานกรรมการเยี่ย สวัสดีครับ”
เยี่ยหงเหวยพยักหน้ารัว แววตาเต็มไปด้วยความนับถือ “คนรุ่นใหม่แซงหน้าคนรุ่นเก่า คุณเยี่ยยังหนุ่มยังแน่นก็ก้าวหน้าได้ถึงขันนี้ น่านับถือจริงๆ ”
เยี่ยหวันหวั่นเปิดโหมดต่างฝ่ายต่างยกยอ “ประธานกรรมการเยี่ยชมเกินไปแล้ว คุณหนูอีอีต่างหากถึงจะเป็นยอดอัจฉริยะ”
เยี่ยหงเหวยเหลือบมองหลานสาวที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง แววตาแสดงความผิดหวังเล็กน้อย
เยี่ยอีอีนับว่าไม่เลวก็จริง แต่เทียบกับคนหนุ่มผู้นี้ก็ไม่เท่าไรจริงๆ
อีอีอาศัยหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ บวกกับตัวตนของคุณหนูใหญ่ตระกูลเยี่ยจึงได้ดำรงตำแหน่งประธานนี้ ส่วนเยี่ยไป๋นั้นไม่เหมือนกัน…
“ผู้อำนวยการเยี่ยถ่อมตนเกินไปแล้ว อีอีจะเทียบกับคุณได้ยังไง คุณไร้อิทธิพลไร้อำนาจ เริ่มต้นจากมือเปล่า แต่กลับก้าวหน้าอย่างมั่นคงทุกๆ ก้าวในเวลาสั้นๆ ตลอดทางจากผู้จัดการเล็กๆ มาถึงก้าวนี้ในวันนี้ สายตาวางแผนการระดับนี้คนธรรมดาไม่อาจเอื้อมถึง”
เยี่ยหงเหวยถอนหายใจเอ่ย “ถ้าเด็กสองคนของผมได้สักหนึ่งในสิบของเขา ผมก็วางใจได้แล้ว!”
เยี่ยเส่าอันที่อยู่ด้านข้างได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งมีสีหน้าน่าเกลียด เด็กเวรนี่โผล่มาจากไหนไม่รู้ แต่พ่อเขากลับชื่นชมอีกฝ่ายขนาดนี้ ถึงขั้นว่าลดคุณค่าอีอี
อีอีกดความอาฆาตในใจ ยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ย “คุณปู่พูดถูกแล้วค่ะ หนูมีหลายจุดที่ต้องเรียนรู้จากผู้อำนวยการเยี่ยจริงๆ ไม่รู้ว่าจากนี้จะมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนกับผู้อำนวยการเยี่ยมากขึ้นหรือเปล่านะคะ”
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มกล่าว “ไม่กล้าๆ ผมแค่โชคดีก็เท่านั้น”
เยี่ยหงเหวยเห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ทระนงตนไม่ใจร้อน ก็พึงพอใจอย่างชัดเจน “ผู้อำนวยการเยี่ย มู่ฝานโชคดีจริงๆ ที่ได้คุณคอยช่วยเหลือ! ฉันขอดื่มคารวะหนึ่งแก้ว!”
เยี่ยมู่ฝานรีบพูดขึ้น “คือว่านะครับคุณปู่ เขาดื่มเหล้าไม่ได้ แพ้แอลกอฮอล์ ครั้งก่อนดื่มนิดเดียวก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด”
เกือบทำให้พวกผมทุกคนเอาชีวิตไม่รอด…
เยี่ยหงเหวยเอ่ย “งั้นเหรอ…”
เยี่ยมู่ฝานพูดพลางรีบให้พนักงานเปลี่ยนเป็นน้ำชามา
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเยี่ยมู่ฝานที่คร่ำเครียดจัดอย่างจนใจแวบหนึ่ง ได้แต่รับชามา “ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ ผมใช้ชาต่างเหล้าแล้ว”
เยี่ยอีอีสบสายตากับเยี่ยเส่าอันโดยไร้สุ้มเสียง จากนั้นก็ขยับเข้าไป ย้ายสายตามาสนใจเยี่ยหวันหวั่น จากนั้นเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ผู้อำนวยการเยี่ย ฉันก็ดื่มคารวะคุณหนึ่งแก้ว! ผู้อำนวยการเยี่ยเก่งกาจจริงๆ อีอีอยากไปหาคุณขอคำชี้แนะมาตลอด วันนี้ในที่สุดก็มีโอกาสได้พบหน้าแล้ว ไม่สู้พวกเราไปนั่งค่อยๆ คุยตรงนั้นเป็นไงคะ”
เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้วเล็กน้อย เยี่ยอีอีคิดอะไรอยู่ คงไม่ได้คิดจะตกเธอหรอก
ในสายตาเยี่ยอีอี เยี่ยมู่ฝานมีวันนี้ได้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะมีเยี่ยไป๋อยู่ ถ้าดึงตัวเยี่ยไป๋ไปได้ งั้นเยี่ยมู่ฝานก็จบสิ้นแล้ว
ก็เป็นเรื่องที่เยี่ยอีอีกับเยี่ยเส่าอันพ่อลูกน่าจะทำจริงๆ นั่นแหละ…
——————————————————————————
บทที่ 1176 มีความสามารถก็แย่งไป
เมื่อได้ยินเยี่ยมู่ฝานก็ตั้งป้อมระวัง ดึงเยี่ยหวันหวั่นมาปกป้องไว้ที่ด้านหลังทันที “ขอโทษที เขาไม่ว่าง!”
พูดจบก็หันไปขอคำอนุญาตจากปู่ “คุณปู่ ผมกับเยี่ยไป๋ไปทักทายเพื่อนที่ตรงนั้นนะครับ”
เยี่ยหงเหวยพยักหน้า “ไปเถอะ!”
เยี่ยมู่ฝานพูดจบก็รีบพาเยี่ยหวันหวั่นจากไปอย่างรีบร้อนทันที
“คุยกับผีสิ! ทำดีหวังผลชัดๆ! ยัยเยี่ยอีอีนั่น แค่ดูก็รู้ว่าคิดจะตกแก!” เยี่ยมู่ฝานพูดไปด้วยก่นด่าไปด้วย
เยี่ยหวันหวั่นชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง “พี่จะเครียดขนาดนั้นทำไม หรือว่าฉันยังจะถูกตกได้เหรอ”
เยี่ยมู่ฝานชะงัก คิดเล็กน้อย นั่นก็จริง
เยี่ยอีอีคิดว่าตัวเองฉลาด อยากเจาะมุมกำแพง แต่กลับไม่รู้ว่าเยี่ยไป๋ไม่ใช่มุมกำแพง แต่เป็นบ้านทั้งหลัง
มีความสามารถก็แย่งไปเลย!
งานเลี้ยงครั้งนี้ ทางผู้จัดงานจองบาร์เฉียหลานทั้งบาร์ ทั่วทั้งบาร์จึงถูกตกแต่งอย่างหรูหราเหมือนภาพฝัน
บนเวที แขกผู้มีเกียรติจับกลุ่มสามถึงห้าคนดื่มเหล้าพูดคุยกัน ในโถงใหญ่ทุกคนเสวนากันอย่างครื้นเครง เมื่อเสียงดนตรีพลันดังขึ้นมา ทุกคนก็ต่างเชื้อเชิญกันไปเต้นรำบนฟลอร์
ฝั่งเยี่ยไป๋ถูกรายล้อมไปด้วยชายหญิงหนุ่มสาว มีหญิงสาวไม่น้อยคอยอยู่ด้านข้างกระตือรือร้นอยากลองให้ฝ่ายตรงข้ามออกตัวมาชักชวนเธอไปเต้นรำ
กงซวี่เบียดก้นเข้าไป “พี่เยี่ยๆ! พวกเราไปเต้นรำกันเถอะ!”
ถังซิงหั่วที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้ารังเกียจ “ขอละ ผู้ชายตัวโตอย่างนาย ใครเขายินดีเต้นรำกับนายกัน!”
กงซวี่ทำสีหน้าก็แหงอยู่แล้ว “ผู้ชายแล้วทำไม ใครบอกว่าผู้ชายสองคนเต้นรำด้วยกันไม่ได้ อย่างแย่สุดฉันเลือกเป็นฝ่ายหญิงก็เท่านั้น!”
เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุก เมินเฉยกงซวี่เจ้าเด็กนี่โดยตรงแล้วก้าวเดินไปตรงหน้าเจียงเยียนหราน ยื่นมือเยี่ยงสุภาพบุรุษ “May I? ”
หัวใจสาวน้อยของเจียงเยียนหรานใกล้จะกระเด้งออกมาแล้ว เธอพยักหน้ารัววางนิ้วมือลงบนมือของเยี่ยหวันหวั่น แล้วเดินตามเยี่ยหวันหวั่นเข้าฟลอร์เต้นรำ
ที่ด้านหลัง กงซวี่โกรธจนแทบวิญญาณหลุดออกจากร่าง “เห็นแต่รอยยิ้มคนใหม่ ไหนเลยฟังเสียงร้องไห้คนเก่า!”
ถังซิงหั่วหัวเราะเสียงดัง “ทำไมนายทำตัวเหมือนมเหสีขี้บ่นในตำหนักเย็นเลยเนี่ย”
กงซวี่รอเขา “เธอสิมเหสีขี้บ่น ทั้งบ้านเธอเป็นมเหสีขี้บ่น คุณชายเป็นมเหสีตำหนักหลวงเหอะ!”
กงซวี่ถลึงตาใส่ถังซิงหั่วก่อนวิ่งไปหาหานเซี่ยนอวี่ขอคำวินิจฉัย “พี่เซี่ยนอวี่ พี่ช่วยวินิจฉัยดูหน่อย พี่เยี่ยลำเอียงเกินไปใช่ไหม”
หานเซี่ยนอวี่ถือไวน์แดงในมือ มองทางฟลอร์เต้นรำด้วยสายตาเลื่อนลอย
“พี่เซี่ยนอวี่ๆ พี่ดูอะไรน่ะ พี่ได้ฟังที่ผมพูดหรือเปล่า”
หานเซี่ยนอวี่เพิ่งหันมามองเขา “นายพูดอะไรนะ”
กงซวี่หน้าคล้ำเล็กน้อย “ช่างเถอะๆ ไม่พูดกับพี่แล้ว วันนี้สภาพพี่ตลอดคืนดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย!”
หานเซี่ยนอวี่ได้ยินแบบนั้นก็เลิกคิ้วเล็กน้อย “คืนนี้ฉันดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหรอ”
เฟยหยางที่อยู่ด้านค้างถือแก้วไวน์ ผงกหัวเหมือนลูกเจี๊ยบจิกข้าว “ไม่อยู่น่ะสิ! เซี่ยนอวี่ นายไม่เป็นไรนะ”
มักรู้สึกแปลกๆ อยู่เรื่อย…
เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นกับเจียงเยียนหรานเต้นจบเพลงกลับมาแล้ว
ทั้งสองเพิ่งกลับมา ก็มีสาวน้อยหน้าตาน่ารักวิ่งมาหาเยี่ยหวันหวั่นทันที
เด็กสาวก็คือหานชิงหลิงหนึ่งในผู้ได้รับเสนอชื่อชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมของรางวัลจินหรานคราวนี้
“สะ…สวัดีค่ะผู้อำนวยการเยี่ย…” หานชิงหลิงเอ่ยอย่างเอียงอาย
เยี่ยหวันหวั่นหันมองเด็กสาว “สวัสดี!”
หานชิงหลิงพวงแก้มแดง เหลียวมองด้านหลังตรงจุดที่อยู่ไม่ไกลแวบหนึ่ง
เห็นแค่ว่าที่ด้านหลังมีศิลปินสองสามคนยืนอยู่ด้วยกัน กำลังมองเธออย่างหยอกล้อแกมล้อเลียนไปด้วย
หานชิงหลิงสูดหายใจลึก ผ่านไปนานจึงค่อยอัญเชิญความกล้าเอ่ยปาก “คะ…คือว่า…ผู้อำนวยการเยี่ย ฉันขอ…ขอเบอร์โทรส่วนตัวของคุณได้ไหมคะ”
………………………….