บทที่ 1297 น่าจะเป็นคนที่กำลังตามจีบ
เช้าของวันต่อมา เยี่ยหวันหวั่นถูกเสียงเคาะประตูเบาๆ ปลุกตื่น
ตลอดคืนที่ผ่านมาที่เอนตัวลงบนเตียงบ้านผีสิง เยี่ยหวันหวั่นแทบไม่ได้หลับตาเลย มีแค่ตอนที่ฟ้าเพิ่งสางเท่านั้นที่เธอทนไม่ไหวจนต้องแอบงีบพักผ่อนไปแป๊บหนึ่ง
พอได้ยินเสียงเคาะประตู เยี่ยหวันหวั่นยังนึกว่าเป็นเป่ยโต่ว จึงรีบใส่รองเท้าแล้วออกจากห้องนอนไปเปิดประตูบ้าน
แต่ภาพที่เห็น กลับไม่ใช่เป่ยโต่ว ทว่าเป็นชายหนุ่มที่กำลังฉีกยิ้มมุมปากเล็กน้อยคนหนึ่งยืนอยู่
ชายหนุ่มแต่งกายสบายๆ แต่กลับทำให้สัมผัสได้ถึงราศีของความเป็นผู้นำของเขา
เยี่ยหวันหวั่นระแวดระวังทันที
ขณะเดียวกัน ไม่รู้เพราอะไร จู่ๆ ภาพบางอย่างก็โผล่ขึ้นมาในสมองของเยี่ยหวันหวั่น ผู้ชายหน้าตาดีคนนี้…ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
นัยน์ตาของเยี่ยหวันหวั่นไหวระริก จากนั้นก็นึกขึ้นได้ เขาก็คือผู้ชายในรูปที่อยู่ในห้องของแบดเจอร์ที่เธอเห็นเมื่อคืนไม่ใช่เหรอ ไม่น่าล่ะถึงได้ดูคุ้นๆ
“จะไม่เชิญฉันเข้าไปนั่งหน่อยเหรอ” ชายหนุ่มยิ้มบอก
ชายหนุ่มพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นถึงเพิ่งได้สติ มาถึงที่นี่ได้…น่าจะเป็นคนในพันธมิตรอู๋เว่ยเหมือนกันสินะ…
ไม่นาน เยี่ยหวันหวั่นก็หลีกทางให้ชายหนุ่มเดินเข้าไปในบ้านพัก
“เสี่ยวเฟิง หลายปีมานี้ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกสบายดีไหม” ชายหนุ่มจ้องเยี่ยหวันหวั่น แล้วถามอย่างอ่อนโยน
“ก็ดี” เยี่ยหวันหวั่นตอบ
ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นทั้งตกใจและสับสน ผู้ชายคนนี้เรียกเธอว่าเสี่ยงเฟิง…
ซึ่งหมายความว่า สายสัมพันธ์ระหว่างเขากับแบดเจอร์ไม่ธรรมดา…เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ลูกน้องกับหัวหน้า
ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้เยี่ยหวันหวั่น นัยน์ตาคู่นั้นที่ลึกซึ้งดุจดวงดาวสบประสานกับดวงตาของเยี่ยหวันหวั่น
“เสี่ยวเฟิง เธอเปลี่ยนไป ใจเย็นขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก หน้าตาก็เหมือนจะสวยกว่าแต่ก่อน” ชายหนุ่มเอ่ย ขณะพูดเขายังคงยิ้มน้อยๆ อยู่ตลอด
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มรับตามมารยาทเล็กน้อย
จะไม่เปลี่ยนได้ไง ยังไม่พูดถึงเรื่องที่เธอไม่ใช่แบดเจอร์ ถึงจะเป็นแบดเจอร์ตัวจริง หายตัวไปตั้งหลายปี กลับมาอีกครั้งยังไงหน้าตาก็ต้องเปลี่ยนไปมากอยู่แล้ว
ได้ยินมาว่าตอนแบดเจอร์หายตัวไปยังอายุสิบกว่าปีอยู่เลย ช่วงที่หญิงสาวหน้าตาเปลี่ยนไปมากที่สุด ก็คือช่วงอายุระหว่างสิบกว่าปีจนถึงยี่สิบกว่าปีนี่แหละ ผู้หญิงเมื่อโตแล้วหน้าตาจะเปลี่ยนไปสิบแปดแบบ [1]ไม่เคยได้ยินหรือไง…
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันพูดอะไร จู่ๆ ก็ได้กลิ่นหอมชวนน้ำลายไหล เธอรีบยกมือขึ้นกุมท้องที่กำลังหิวโหยของตัวเอง
“หิวเหรอ?” ชายหนุ่มยิ้ม “ข้าวกล่องที่เธอชอบกินที่สุด ฉันทำเอง”
เอ่ยจบ ชายหนุ่มก็ยื่นข้าวกล่องให้เยี่ยหวันหวั่น
“ทำเองเหรอ…” เยี่ยหวันหวั่นยิ่งประหลาดใจ ผู้ชายคนนี้กับแบดเจอร์เป็นอะไรกันกันแน่ ทำข้าวกล่องให้แบดเจอร์กินเอง…แล้วยังเรียกแบดเจอร์ว่าเสี่ยวเฟิงอีก?
จากสัญชาตญาณของเยี่ยหวันหวั่น ผู้ชายคนนี้ น่าจะเป็นคนที่กำลังตามจีบแบดเจอร์แน่ๆ!
“ขอบคุณ ไม่เป็นไร” เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้าด้วยความระแวง
ชายหนุ่มกลับไม่พูดอะไรมาก เพียงค่อยๆ เก็บข้าวกล่องอย่างระมัดระวัง
“เสี่ยวเฟิง…เธอเพิ่งกลับมา พันธมิตรอู๋เว่ยไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทำอะไรก็ควรระวังตัว วู่วามไม่ได้เด็ดขาด” เอ่ยจบ ชายหนุ่มด็แตะปลายจมูกของเยี่ยหวันหวั่นเบาๆ จากนั้นไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นได้สติเขาก็หมุนตัวเดินออกจากบ้านพักไปแล้ว
ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว ถึงแม้เธอจะเดาว่าผู้ชายคนนี้อาจเป็นคนที่ตามจีบพี่หัวเกรียนอยู่ แต่ก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ อยู่
จากแววตาของผู้ชายคนนั้น เธอมองไม่เห็นความรักเลยแม้แต่น้อย แต่เหมือน…ความเอ็นดูของพี่ชายที่มีต่อน้องสาวมากกว่า…
ผู้ชายคนนี้…เป็นใครกันแน่?!
————————————————————————————-
บทที่ 1298 ผู้ชายที่อันตรายที่สุดในรัฐอิสระ
“พี่เฟิง~~~”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นกำลังยืนเหม่ออยู่หน้าประตู จู่ๆ เป่ยโต่วก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เรียกหาพระแสงอะไร” เยี่ยหวันหวั่นตกใจ แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์สุดๆ
ตอนนี้เธอทำตัวผ่อนคลายได้เล็กน้อยก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าเป่ยโต่วเท่านั้น เด็กคนนี้คงจะสมองช้า เลยหลอกไม่ยากเท่าไร
“เปล่าๆ…พี่เฟิง พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?!” เป่ยโต่วขมวดคิ้วแล้วมองเยี่ยหวันหวั่นขึ้นลงอย่างละเอียด
พูดจบเป่ยโต่วก็หันไปมองทางที่ผู้ชายคนนั้นเดินออกไป อารมณ์เดือดพล่าน พูดกัดฟันว่า “พี่เฟิง ผู้ชายคนนั้น…ทำไมถึงหาที่นี่เจอได้ล่ะ…แม่ง ต้องเป็นเพราะพันธมิตรอู๋เว่ยของเรากวาดล้างตระกูลที่อยู่ภายใต้อำนาจของจี้หวง…พวกมันเลยคิดจะมาแก้แค้นแน่ๆ…”
เยี่ยหวันหวั่นแปลกใจ เป่ยโต่วพูดอย่างงี้หมายความว่าไง ผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นใครแน่…
“นึกไม่ถึง…ผมนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจี้หวงจะมาด้วยตัวเอง…พี่เฟิง จี้หวงมาต่อรองกับพี่ใช่ไหม?! ผู้ชายคนนั้นเป็นหนึ่งในผู้ชายที่อันตรายที่สุดในรัฐอิสระ พี่เฟิง พี่ห้ามประมาทเด็ดขาดเลยนะ!” เป่ยโต่วกำหมัดแน่น แล้วเตือนเธอด้วยสีหน้าตระหนกสุดขีด
จี้หวง?!
พอได้ยินสองคำนี้ เยี่ยหวันหวั่นตื่นตกใจ…
เยี่ยหวันหวั่นที่พอจะรู้จักโครงสร้างของรัฐอิสระบ้างแล้ว มีหรือจะไม่เคยได้ยินชื่อจี้หวง
ผู้สืบทอดตระกูลจี้ หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของรัฐอิสระ…อีกอย่าง อำนาจของตัวจี้หวงเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลจี้เลย เขาเป็นราชาแห่งอำนาจมืดของแถบยุโรป ตำแหน่งที่ซึ่งไม่มีใครสามารถทำให้สั่นสะเทือนได้
นอกจาก…
ผู้ชายคนเมื่อกี้…ไม่นึกเลยว่าจะเป็นจี้หวงผู้โด่งดัง…
เพียงแต่เยี่ยหวันหวั่นกลับรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ในเมื่อเป็นอย่างงี้แล้วทำไมจี้หวงถึงเรียกเธอว่าเสี่ยวเฟิง แล้วยังทำข้าวกล่องให้เธอเองกับมืออีก
หรือจี้หวงก็ชอบแบดเจอร์เหมือนกัน หรือว่ามีเหตุผลอื่นอีก?
แต่ถ้าหากจี้หวงกำลังตามจีบแบดเจอร์ ทำไมเป่ยโต่วถึงไม่รู้ล่ะ เป่ยโต่วถึงขั้นคิดว่าจี้หวงมาเจรจาต่อรองกับเธอด้วยซ้ำ
ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นจิตใจสับสนว้าวุ่น ความสัมพันธ์นี้ช่างยุ่งยากซับซ้อนจริงๆ
“ฉันไม่เป็นไร อย่าโอเวอร์” เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเป่ยโต่ว
“อ้อ…งั้นก็ดีแล้ว” เป่ยโต่วยักไหล่ เจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นไร เขาย่อมไม่พูดอะไรมาก
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นเตรียมตัวเสร็จก็นั่งรถของเป่ยโต่วมุ่งหน้าไปยังบริษัท
พอถึงบริษัท เยี่ยหวันหวั่นแยกมาที่ห้องทำงานส่วนตัว
เพิ่งจะเช้า แต่เอกสารที่ต้องเคลียร์ก็มีเป็นกองพะเนินแล้ว
พออ่านเนื้อหาในเอกสารเยี่ยหวันหวั่นก็อดแค่นหัวเราะไม่ได้ เอกสารพวกนี้หากเธอเดาไม่ผิด ถ้าไม่ใช่ชีซิงก็คงเป็นพวกตาเฒ่านั่นจงใจใช้มันมาหยั่งเชิงเธอ
โชคดีที่ตอนอยู่จีนเยี่ยหวันหวั่นเคยดูแลเรื่องที่คล้ายๆ กันให้ซือเยี่ยหาน เลยยังพอรับมือได้
เอกสารพวกนี้เกี่ยวข้องกับข้อมูลอย่างละเอียดของพวกที่หักหลังพันธมิตรอู๋เว่ย และการประเมินความสัมพันธ์ระหว่างพวกที่เป็นศัตรู แล้วยังมีโครงการบางส่วนที่ร่วมมือกับแก๊งใหญ่ซึ่งชะงักไปชั่วคราว
“พี่เฟิง นี่คือข้อมูลของตาแก่พวกนั้น” ผ่านไปครู่หนึ่ง เป่ยโต่วเดินเข้ามาในห้องทำงานโดยไม่เคาะประตู
“คราวหน้าเคาะประตูก่อนเข้ามาด้วย” เยี่ยหวันหวั่นรับเอกสารไป แล้วเอ่ยเสียงเรียบ
เป่ยโต่วเกาหัวแกรกๆ “อ้อ…”
พอเป่ยโต่วออกไป เยี่ยหวันหวั่นก็พิจารณาข้อมูลของตาแก่พวกนั้นที่เป่ยโต่วพูดถึง
จากข้อมูลที่เป่ยโต่วเอามาให้ ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็รู้จักพันธมิตรอู๋เว่ยอย่างละเอียด
……………………………………………………….
[1] หมายถึง รูปร่างหน้าตาของผู้หญิงเมื่อโตแล้วจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา