บทที่ 1351 ดื่มเหล้าไหม
เยี่ยหวันหวั่นได้แต่พยักหน้ารับการเตือนด้วยความหวังดีของเจ้าสวะหมา
เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่อยากพัวพันมากเกินไป จุดประสงค์ดั้งเดิมที่เธอมารัฐอิสระก็แค่เพื่อตามหาซือเยี่ยหาน จากนั้นถามความจริงของเรื่องราว แล้วก็พาซือเยี่ยหานกลับประเทศจีน แต่ใครจะนึกถึงว่ หลังมาถึงรัฐอิสระ เรื่องทั้งหมดกลับเหนือการควบคุมของเธอ ยิ่งถลำตัวยิ่งจมลึก ไม่อาจถอนตัวได้
“ท่านหมาไม่ได้สร้างกองกำลังไหนเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นมองเจ้าสวะหมา เธอค่อนข้างสงสัย
ผู้ชายตรงหน้านี้ว่ากันว่าครองพลังอันเด็ดขาด โดยเฉพาะในสถานที่อย่างรัฐอิสระที่ไม่สามารถใช้อาวุธปืน อีกทั้งยังไม่มีกฎหมายผูกมัดมากมาย ค่าพลังต่อสู้เทียบเท่ากับทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยตัวตนระดับนี้ ทำไมเจ้าสวะหมาไม่สร้างกองกำลังของตัวเอง สร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมา?
ได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น เจ้าสวะหมาชะงักเล็กน้อย หลังไตร่ตรองชั่วครู่ก็เอ่ยปาก “ทำไมต้องสร้างกองกำลัง…ดึงดูดพวกขยะไร้ประโยชน์เข้ามามีความหมายตรงไหน”
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูดเมื่อเจ้าสวะหมาเอ่ยออกมาเช่นนี้ เกรงว่าในสายตาของเจ้าสวะหมา นอกจากตัวเองแล้ว ทุกคนก็ต่างล้วนคือขยะ…
หลงตัวเองเข้ากระดูกดำจริงๆ…
“ดื่มเหล้าไหม” ผ่านไปชั่วครู่ เจ้าสวะหมาก็เอ่ยถามกับเยี่ยหวันหวั่น
ได้ยินดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นอยากปฏิเสธโดยจิตใต้สำนึก แต่คิดดูอีกทีจึงค้นพบว่าเวลานี้ไม่มีคนคอยสนใจเธอ หลังใจลอยครู่หนึ่งเยี่ยหวันหวั่นก็พยักหน้า “ก็ได้…”
เจ้าสวะหมาลุกขึ้นไปหยิบเหล้ามารินให้เยี่ยหวันหวั่นหนึ่งแก้วทันที “เหล้านี้ฉันหมักเอง อยู่ข้างนอกคุณไม่มีทางได้ดื่มแน่นอน”
“โอ้?” เยี่ยหวันหวั่นสนใจทันทีทันใด
เยี่ยหวันหวั่นเทเหล้าเต็มแก้วเข้าปากอย่างรวดเร็ว
“รสชาติเป็นไง” เจ้าสวะหมามองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยถาม
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ
เจ้าสวะหมา “?”
“รสชาติไม่เลว…แต่ นี่ไม่เหมือนรสเหล้านะ…” เยี่ยหวันหวั่นวางแก้วเหล้าในมือ สีหน้ายากบรรยาย
เธอยังไม่เคยดื่มเหล้าที่ไม่มีรสชาติเหล้ามาก่อน
“อืม” เจ้าสวะหมาพยักหน้า “ไม่มีแอลกอฮอล์ แต่มีรสหวาน”
เยี่ยหวันหวั่นมองเจ้าสวะหมาด้วยสีหน้าว่างเปล่า “ท่านหมา…งั้นฉันขอทำความเข้าใจได้หรือเปล่า นี่คือเครื่องดื่ม?”
“จะเข้าใจแบบนั้นก็ได้เหมือนกัน” เจ้าสวะหมาเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด
งั้นนายถามฉันหาพระแสงอะไรว่าดื่มเหล้าหรือเปล่า…เครื่องดื่มก็คือเครื่องดื่ม ตั้งใจย้อมกวางเป็นม้าเรอะ!
“จริงสิ ท่านหมา ฉันก็อยู่ข้างบ้านคุณนี่แหละ…มีเวลาก็มาเยี่ยมเยียนได้” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยกับเจ้าสวะหมา
“ข้างบ้าน?” เจ้าสวะหมาเงยหน้า “ข้างบ้านฉันก็มีแค่บ้านผีสิงหลังเดียว”
เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าจนใจเต็มเปี่ยม “นั่นอย่างมากก็เป็นบ้านอัปมงคล…บ้านผีสิงก็เกินไปหน่อยนะ…”
“คุณหนูเยี่ยอยู่ในบ้านผีสิงหลังนั้น?” เจ้าสวะหมาค่อนข้างแปลกใจ
“ใช่ ฉันอยู่ในบ้านผีสิงนั้น…” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
เจ้าสวะหมาไม่สนิทกับผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยแม้แต่น้อย เลยไม่รู้ที่อยู่เก่าของผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย ดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นพูดว่าตัวเองอยู่ข้างบ้านก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้
“โอ้…ระวังหน่อยนะ ด้านในนั้นมีผี” เจ้าสวะหมาพูดลอยๆ หนึ่งประโยค จากนั้นก็ลุกขึ้นเริ่มเก็บโต๊ะ
เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุกน้อยๆ เจ้าสวะหมานี่คงไม่ได้จงใจหรอกนะ!
“จริงสิ ท่านหมา…” ฉับพลันนั้น เยี่ยหวันหวั่นขวางด้านหน้าเจ้าสวะหมา “ช่วงนี้ฉันได้ข่าวหนึ่งมา มีคนเตรียมไปกวาดล้างอาชูร่า แถมรางวัลที่ให้ยังก้อนโตมาก ท่านหมาสนใจหรือเปล่า…”
———————————————————————————————-
บทที่ 1352 พูดโม้ก็อันตรายขนาดนี้
ถ้าเจ้าขยะหมาเต็มใจลงมือจัดการอาชูร่า งั้นตัวเธอก็ไม่ใช่นั่งสบายๆ หรอกเหรอ
ถึงตอนนั้นสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ์ให้เงินสามเท่า เธอให้เจ้าสวะหมาหนึ่งเท่า ก็ยังเหลืออีกสองเท่า…
“ไม่สนใจ” เจ้าสวะหมาเอ่ยเสียงเรียบ
“ได้เงินเยอะมากๆ เลยนะ!” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างกระตือรือร้น
“เท่าไร” เจ้าสวะหมามองเยี่ยหวันหวั่น
“ราวๆ เท่านี้…” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยเสียงเบา
“ฉันไม่สนใจกองกำลังภายนอก แล้วก็จะไม่สอดมือยุ่ง ไม่งั้นคุณคิดว่าพันธมิตรอู๋เว่ยจะอยู่รอดจนถึงวันนี้ได้เหรอ” เจ้าสวะหมามองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
กลายเป็นว่าไม่ใช่ว่าเจ้าสวะหมาออมมือให้ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย แต่คนเขาไม่สนใจลงมือเลยต่างหาก!
“คุณหนูเยี่ย…คุณคงไม่ได้ขายประตูอย่างเดียวสินะ” จู่ๆ ดวงตาลึกล้ำของเจ้าสวะหมาก็มองมาที่เยี่ยหวันหวั่น
ได้ยินแบบนั้นเยี่ยหวันหวั่นพลันใจฝ่อเล็กน้อย นี่หรือว่าถูกมองทะลุแล้วเหรอ…
“นอกจากขายประตู คุณน่าจะยังเป็นคนกลางแจกจ่ายภารกิจ มีกองกำลังใหญ่ปล่อยภารกิจออกมา แล้วคุณก็รับหน้าที่หาคนทำภารกิจ จากนั้นก็หักเปอร์เซ็นต์ ฉันพูดถูกสินะ” เจ้าสวะหมาพูดต่อ
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
คะ…คนกลาง…เธอดูเหมือนคนกลางเหรอ
“ใช่ ท่านหมาเก่งกาจจริงๆ ดูออกหมดเลย คนต้องหาเลี้ยงปากท้อง ทำไงได้” เยี่ยหวันหวั่นรีบยิ้มเอ่ย
“พรุ่งนี้มาช่วยฉันเปลี่ยนประตูแล้วกัน ส่วนภารกิจฉันไม่รับ” เจ้าสวะหมาเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ
ได้ คุณเป็นพี่ใหญ่พูดอะไรก็ถูกทั้งนั้นแหละ…
…
ตอนออกจากบ้านของเจ้าสวะหมาก็เป็นช่วงดึกมากแล้ว
หลังกลับมาถึงบริษัท เป่ยโต่วเริ่มทำการวางแผนปรับปรุงชั้นเจ็ดแล้ว ส่วนกลุ่มผู้อาวุโสที่ชั้นเจ็ดก็ไม่ได้พูดอะไรมาก พวกเขาย้ายไปอยู่ชั้นอื่นแทน
ในห้องทำงาน ต้าไป๋กับบีรุสกำลังนอนกรน กรงเล็บของบีรุสวางบนท้องของต้าไป๋อย่างสบายใจเฉิบ
“พี่เฟิง ผมจองที่แล้ว!”
เวลานี้เป่ยโต่วเดินเข้ามาในห้องทำงาน เขายิ้มเอ่ยปาก
“รอเดี๋ยว…” เยี่ยหวันหวั่นมองเป่ยโต่ว “นายซ่อมประตูเป็นไหม”
“ซ่อมประตู?” เป่ยโต่วชะงักหนึ่งที จากนั้นก็เหยียดยิ้ม “ไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้ พี่เฟิง ประตูห้องทำงานพี่ ผมก็เป็นคนติดตั้ง”
“ดีมาก” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าอย่างชื่นชม อย่างที่คนเขาว่าเลี้ยงกองทัพพันวันใช้กองทัพหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดเป่ยโต่วนี่ก็ได้เป็นประโยชน์แล้ว
เยี่ยหวันหวั่นส่งที่อยู่ของเจ้าสวะหมาให้เป่ยโต่วทันทีแล้วเอ่ย “พรุ่งนี้สวมชุดคนงานแล้วไปตามที่อยู่ที่ฉันให้ ไปติดประตูนิรภัยหนึ่งบาน”
“อ่า ให้ผมเป็นคนงานติดตั้งประตูเหรอ” เป่ยโต่วเหมือนยากจะรับได้อยู่บ้าง ไหนเลยเขาจะติดประตูเป็น เมื่อกี้ก็แค่โม้ตามอำเภอใจก็เท่านั้นเอง!
“อย่าไร้สาระ ให้นายไปก็ไปซะ” เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเป่ยโต่วหนึ่งที
“ก็ได้…” เป่ยโต่วได้แต่ตอบรับด้วยความจนใจ สมัยนี้พูดโม้ก็อันตรายขนาดนี้เลยเหรอ…
“พี่เฟิง พวกชีซิงกำลังรออยู่ พวกเราไปกันเถอะ”
เป่ยโต่วมองเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยเร่ง
เยี่ยหวันหวั่นไม่อยากไปสถานที่ที่เป่ยโต่วว่าแม้แต่น้อย แต่ในเมื่อเมื่อก่อนแบดเจอร์ชอบไป ตัวเธอจะปฏิเสธก็ไม่ค่อยสะดวก
เยี่ยหวันหวั่นได้แต่ลุกขึ้นด้วยความจนใจ แล้วตามเป่ยโต่วออกจากพันธมิตรอิสระ
นอกจากเป่ยโต่วแล้ว พวกชีซิงกับชิวสุ่ยก็มาร่วมด้วย
ราวครึ่งชั่วโมงผ่านไป เยี่ยหวันหวั่นจึงค่อยเข้าใจว่าสถานที่ที่เป่ยโต่วว่า ที่แท้ก็คือไนต์คลับขนาดใหญ่ประเภทสุดแสนจะหรูหรา…
มารดาเถอะ เธอไม่เคยมาสถานที่อย่างนี้มาก่อนนะ ต้องทำยังไงถึงจะแสร้งเหมือนคนเจนประสบการณ์ละเนี่ย!?