บทที่ 1373 เป็นคนไร้ศีลธรรมขนาดนั้นเลยเหรอ
ใช้เงินของพันธมิตรอู๋เว่ยสร้างอำนาจของตัวเอง ความรู้สึกอย่างนี้ยากจะบรรยายอย่างแท้จริง
ได้ยินแบบนั้นแล้ว เหล่าเจียงก็หัวเราะเจ้าเล่ห์ “เจ้านาย เรื่องนี้ผมเชี่ยวชาญ ขอแค่มีเงินก็ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น…แต่ว่า พวกเราจะใช้ชื่ออะไรไปรับสมัครคนดี พันธมิตรอู๋เว่ยเหรอครับ?”
เยี่ยหวันหวั่นอดครุ่นคิดไม่ได้ แน่นอนว่าใช้ชื่อพันธมิตรอู๋เว่ยรับสมัครกำลังพลไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อพันธมิตรอู๋เว่ย แบบนั้นจะยังเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ สิ่งที่เธอต้องการคือกองกำลังที่เป็นของตัวเองโดยสมบูรณ์ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพันธมิตรอู๋เว่ย!
ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเยี่ยหวันหวั่นก็สว่างวาบ เธอเอ่ยปากว่า “ใช้ชื่อเดธโรส…”
…
หลังจากปรึกษารายละเอียดกับพวกเหล่าเจียงและหลิวอิ่งเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นก็พาคนไปที่ฝ่ายการเงินเพื่อเอาเงินที่กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ส่งมาวันนี้ไปทั้งหมด
หลังจากนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็กลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง
ในห้องทำงาน เป่ยโต่วที่ใส่ชุดคนงาน สวมหมวกกันแดดสีส้ม กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ทำงานของเยี่ยหวันหวั่น เขากินแอปเปิลที่เยี่ยหวันหวั่นซื้อมาวางไว้ในห้อง ปากก็ฮัมทำนองที่เยี่ยหวันหวั่นฟังไม่เข้าใจไปด้วย
“เก้าอี้ทำงานของฉันนั่งสบายดีไหม” เมื่อเข้ามาในห้องทำงาน เยี่ยหวันหวั่นมองเป่ยโต่วพร้อมเอ่ยถาม
พอเห็นเยี่ยหวันหวั่นปรากฏตัว เป่ยโต่วลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกระอักกระอ่วน
“ติดประตูเสร็จแล้วเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นมองเป่ยโต่วพลางถาม
ได้ยินแบบนั้น เป่ยโต่วก็พยักหน้ารัวๆ “ติดเสร็จแล้ว…พี่เฟิง…ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เช้าวันนี้ผมไปติดประตู…แล้วจู่ๆ เจ้าสวะหมาก็โผล่หน้ามา”
เยี่ยหวันหวั่นหน่ายใจเล็กน้อย ก็นั่นเป็นบ้านของอี้สุ่ยหาน เขาไม่โผล่มาสิถึงจะแปลก
“แม่งเอ๊ย ตอนที่ผมไปเจ้าสวะหมาดันหลับอยู่บนโซฟา ผมไม่ระวังเผลอทำเขาตื่นด้วย…เจ้าหมานั่น อารมณ์โกรธตอนตื่นนี่สุดๆ ไปเลย พอลุกขึ้นมาก็จะฆ่าผม ยังดีที่ผมสวมชุดคนงาน แบกประตูอยู่ พอเขารู้ว่าผมมาติดตั้งประตูถึงค่อยเบาอารมณ์ลงมาบ้าง ไม่อย่างนั้นผมถูกเขาอัดตายทั้งเป็นจริงๆ แน่” เป่ยโต่วบ่นเล็กน้อย งานนี้อันตรายเกินไปแล้ว
“กุญแจ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
เป่ยโต่วล้วงกุญแจออกมาจากในกระเป๋าเสื้อแล้วส่งให้เยี่ยหวันหวั่นทันที
“พี่เฟิง…พี่จะเอากุญแจของเจ้าสวะหมาไปทำอะไร…” เป่ยโต่วทำหน้าสงสัย “คงไม่ใช่…พี่กับเจ้าสวะหมา…เป็นชู้กันหรอกนะ!”
เยี่ยหวันหวั่นเก็บกุญแจแล้วก็กลอกตาใส่เป่ยโต่ว พลังแห่งจินตนาการมากมายเหลือเกิน
“พี่เฟิง…ไม่ใช่ว่าผมว่าพี่นะ แต่อย่าเห็นคนหน้าตาดีก็คิดอยากอ่อย นี่เป็นเรื่องถึงชีวิตเชียวนะ!”
“พูดจาเป็นหรือเปล่า” เยี่ยหวันหวั่นกลอกตาใส่อีกฝ่าย เธอเป็นคนไร้ศีลธรรมขนาดนั้นเลยเหรอ?
เป่ยโต่วเห็นเยี่ยหวันหวั่นไม่พอใจ ก็เผยสีหน้าประดักประเดิด “แค่กๆ ผมล้อเล่น…จริงสิ ฝั่งกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ส่งเงินกับบัตรผ่านทางมาให้พี่แล้ว บอกให้พี่เฟิงลงมือเร็วหน่อย”
พอได้ยินคำพูดของเป่ยโต่ว เยี่ยหวันหวั่นกลับแค่นยิ้มเย็น กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์มองเธอเป็นเหมือนอาวุธแหลมคม แต่อยากแทงอาชูร่าสักครั้ง ไหนเลยจะง่ายดายขนาดนั้น
ถึงแม้อาชูร่าเพิ่งฟื้นคืนชีพจากเถ้าถ่านไม่นาน แต่ต้องรักษากำลังรบสำคัญไว้แน่ จะจัดการได้ง่ายเสียที่ไหน หากประมาทนิดเดียว ไม่แน่ว่าชีวิตของเธออาจถูกเล่นงานจนจบสิ้นก็ได้
“ไปบอกกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ ลงมือตอนไหนพันธมิตรอู๋เว่ยจะตัดสินใจเอง” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
เป่ยโต่วเหมือนกำลังครุ่นคิด “พี่เฟิง…พวกเราอย่าท้าทายอำนาจของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ดีกว่า…พวกเขากวาดล้างอาชูร่าในยุครุ่งเรือง บางทีอาจจะลำบากอยู่บ้าง แต่ถ้าอยากกำจัดพวกเรา กลับไม่ยากเย็นเลย…”
—————————————————————————
บทที่ 1374 สู้ตายกับอาชูร่า
เมื่อได้ยินคำพูดของเป่ยโต่ว เยี่ยหวันหวั่นมีท่าทีครุ่นคิด
ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์เป็นกลุ่มอิทธิพลที่แข็งแกร่งที่สุดในรัฐอิสระ จัดเป็นตัวตนที่ช่วยคงสมดุลของรัฐอิสระไว้ ถ้ามีช่วงเวลาจำเป็น ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ก็จะช่วยเหลือกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์สุดกำลัง
เหตุผลที่กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์อยากกำราบอาชูร่า เยี่ยหวันหวั่นคิดว่าน่าจะเป็นเพราะอาชูร่าไม่ยอมถูกควบคุม ทั้งยังท้าทายอำนาจของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์มาเป็นเวลานาน ทว่าอาชูร่าก็ไม่ได้ทำผิดกฎของรัฐอิสระเช่นกัน
ดังนั้นจากภายนอก กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์จึงอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่ในที่ลับกลับรวบรวมกองกำลังอย่างพวกเขาไปสู้ตายกับอาชูร่า
“จริงสิ…”
ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก เป่ยโต่วก็เอ่ยอีก “ก่อนหน้านี้กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ส่งคนกลุ่มหนึ่งมา มีประมาณหลายสิบคน บอกว่าส่งมาช่วยเหลือพี่เฟิงครับ”
“หลายสิบคน?” เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะหยัน “กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ใจกว้างซะจริงๆ ส่งหลายสิบคนมาให้ฉัน…นี่ก็นับว่าเป็นกำลังคนได้”
“ความสามารถก็ไม่เลวด้วย ผมจัดให้อยู่ที่โรงแรมข้างพันธมิตรอู๋เว่ยแล้ว” เป่ยโต่วรายงาน
เยี่ยหวันหวั่นเรียกพวกหลิวอิ่งกับเหล่าเจียงมาหาทันที จากนั้นให้มุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่เป่ยโต่วพูดถึง
…
พริบตาที่ผลักประตูห้องเปิดออก เยี่ยหวันหวั่นอึ้งงันเล็กน้อย มีคนราวยี่สิบสามสิบคนอยู่ในห้องชุดขนาดใหญ่หนึ่งห้อง คนพวกนี้กำลังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ก็ดื่มน้ำแร่
“นั่นใคร!”
ชายวัยกลางคนหนึ่งในนั้นมองมาที่เยี่ยหวันหวั่นด้วยแววตาเย็นเยียบ
“กล้ามากนะ ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยไป๋เฟิงไง!” หลิวอิ่งตะคอกบอก
“แบดเจอร์เหรอ?!”
เมื่อได้ยินแบบนั้น กว่าสามสิบคนในห้องก็มีสีหน้าตกใจ สายตาพากันมองมาที่เยี่ยหวันหวั่น
“ทุกคนคือคนที่กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ส่งมาเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นนั่งลงบนโซฟาอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะมองทุกคน
“พี่เฟิง…ใช่ครับ กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ให้พวกเรามาช่วยพี่เฟิงท้าทายอาชูร่าครับ” ชายชราชุดดำคนหนึ่งมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าท่าทางนับถือ
“พวกนายเป็นสมาชิกของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์?” เยี่ยหวันหวั่นถาม
“ไม่ใช่ครับ…” ชายชราชุดดำส่ายหน้า
เรื่องนี้ก็อยู่ในการคาดการณ์ของเยี่ยหวันหวั่น สิ่งที่กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์จะทำคือยืมมีดฆ่าคน แล้วจะให้กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ปรากฏตัวได้อย่างไร
หลังสนทนาไปหนึ่งรอบ รอยยิ้มของเยี่ยหวันหวั่นก็กดลึกขึ้น
คนพวกนี้ส่วนใหญ่คือคนที่ละเมิดกฎของรัฐอิสระ เป็นนักโทษรอประหารที่ถูกพันธมิตรอู๋เว่ยขังไว้ แล้วยังมีหลายคนที่เป็นคนนอก เชื่อว่าตัวเองมีทักษะการต่อสู้แข็งแกร่ง จึงอยากมาท่องรัฐอิสระที่ว่ากันว่าอารยธรรมการต่อสู้รุ่งเรืองดูสักครั้ง ผลคือไม่มีบัตรผ่าน และถูกกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์จับได้ จับขังทีหนึ่งก็หลายปี
และในครั้งนี้ กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ปล่อยพวกเขาออกมา ให้สัญญาว่าจะลดหย่อนโทษให้พวกเขาพ้นความผิด แต่ต้องช่วยผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยโจมตีอาชูร่า
“ผู้นำไป๋…จะลงมือเมื่อไรครับ คุณพูดประโยคเดียว ขอแค่พวกเราได้รับอิสรภาพมา จะให้ทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นครับ!” ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีคนหนึ่งพูดขึ้น
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยิน ก่อนจะส่งสายตาไปให้เหล่าเจียง
เหล่าเจียงเข้าใจความหมาย เขากวาดตามองทุกคนหนึ่งรอบแล้วคลี่ยิ้มคลุมเครือ “ทุกคน ผมเหล่าเจียงนับถือคนแข็งแกร่งที่สุด…เพราะฉะนั้น ผมเลยอยากถามทุกคนว่าอยากใช้ชีวิตสุขสบายไหม อยากสร้างชื่อเสียงในรัฐอิสระหรือเปล่า…อยากเรียกลมเรียกฝนได้ไหม?”
หลังได้ยินคำพูดของเหล่าเจียง ทุกคนต่างชะงักงัน
เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ด้านข้างได้ฟังก็ลูบจมูก ทำไมบทพูดเหมือนองค์กรขายตรงขนาดนี้…
“ใครบ้างไม่อยาก…แต่นั่นมันเพ้อฝันเกินไป ตอนนี้พวกเราคิดแต่อยากจะรีบจบภารกิจ ไม่ร้องขอมากมายขนาดนั้น” ชายวัยกลางคนหนึ่งในนั้นทอดถอนใจ