บทที่ 1397 นี่ก็หน้าเลือดเกินไป
หลังปรึกษากับกองทหารรับจ้างดาวลงทัณฑ์จบ เยี่ยหวันหวั่นก็ให้คนออกไปเตรียมตัวก่อน ส่วนตัวเองก็อาศัยตอนที่ออกจากพันธมิตรอู๋เว่ย ขับรถไปตามทางที่อยู่ของตัวเอง
ราวๆ ครึ่งชั่วโมงเยี่ยหวันหวั่นก็ขับรถมาหยุดหน้าบ้านของอี้สุ่ยหาน
เยี่ยหวันหวั่นมองประตูนิรภัยเสริมความหนาตรงหน้าพลางยื่นมือออกไปเคาะ
แต่ด้านในกลับไร้สุ้มเสียง
“จอมยุทธ์อี้…” เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ถอดใจเคาะประตูต่อ
หลังเคาะหลายนาทีเต็ม ประตูนิรภัยก็ส่งเสียง ‘แอ๊ด’ เมื่อถูกเปิดจากข้างใน
อี้สุ่ยหานยืนอยู่หน้าประตูด้วยดวงตาง่วงงุน สวมชุดนอนตัวการ์ตูนสปอนจ์บ็อบ สองตาแดงเรื่อเล็กน้อยเหมือนถูกคนรบกวนฝันหวาน
“ว่า”
อี้สุ่ยหานยืนอยู่หน้าประตู ในดวงตาผุดแววดุร้าย
“จอมยุทธ์อี้…ฉันมาบริการหลังการขาย…ดูว่าประตูคุณมีปัญหาไหม…” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเอ่ย
ได้ยินเยี่ยหวันหวั่นพูดแบบนี้ อี้สุ่ยหานครุ่นคิดหลายวินาทีและในที่สุดก็เบี่ยงตัวเล็กน้อยให้เยี่ยหวันหวั่นเข้ามาในบ้าน
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจเดินเข้าบ้านแล้วเริ่มทำทีทำท่าตรวจดูประตูนิรภัยที่เพิ่งติดตั้งใหม่เอี่ยมนี้
“คุณภาพพอใช้ได้ แต่ราคาแพงเกินไป” อี้สุ่ยหานมองเยี่ยหวันหวั่นแล้วเอ่ยปาก
“ราคาแพง…” เยี่ยหวันหวั่นชะงักเล็กน้อย ตัวเธอก็ไม่ได้ให้เป๋ยโต่วเก็บเงินอี้สุ่ยหาน ราคาแพงนี้หมายความว่ายังไง…
“จอมยุทธ์อี้ คุณ…จ่ายเงินเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นหันไปถามอี้สุ่ยหาน
อี้สุ่ยหานชำเลืองมองเยี่ยหวันหวั่นทันที “คนงานติดตั้งประตูคุณบอกว่าประตูนิรภัยนี้เป็นรุ่นจำกัดที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ ราคาสองแสน เรียกฉันหนึ่งแสน”
เมื่ออี้สุ่ยหานพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็ตะลึงอยู่กับที่ สีหน้าว่างเปล่า…
ประตูนิรภัยนี้ซื้อมาจากร้านค้าโดยตรงราคาไม่กี่พัน…แต่เป๋ยโต่วกลับเรียกอี้สุ่ยหานหนึ่งแสน
ที่สำคัญที่สุดคือ เป๋ยโต่วไม่เคบพูดถึงเรื่องคิดเงินกับเธอมาก่อน
“จอมยุทธ์สุ่ย งั้น…คุณจ่ายเงินเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มกระอักกระอ่วน
“ฉันก็ไม่ใช่โจร” อี้สุ่ยหานมองเยี่ยหวันหวั่นเรียบๆ จากนั้นก็หันเดินเข้าไปในห้อง
ดูท่าจะจ่ายไปแล้ว…
เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นแทบจะอยากกลับไปพันธมิตรอู๋เว่ยจับเป๋ยโต่วถลกหนังหนึ่งชั้นซะเดี๋ยวนี้
นี่ก็หน้าเลือดเกินไปแล้ว…
ผ่านไปชั่วครู่เยี่ยหวันหวั่นก็เดินเข้าไปในโถงรับแขกและค้นพบว่าอี้สุ่ยหานสวมผ้าปิดตาสีดำกำลังนอนอยู่บนโซฟา
“จอมยุทธ์อี้…เฮ้อ…ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินบางอย่างมา ไม่รู้ว่าควรพูดหรือเปล่า…ถ้าพูดก็รู้สึกไม่ค่อยเคารพคุณเท่าไร ถ้าไม่พูด…ฉันก็คิดว่าไม่สมเป็นเพื่อนกันอีก…” เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าเปี่ยมความลำบากใจ
อี้สุ่ยหานเผยอริมฝีปาก “มีอะไรก็พูดมา”
“จอมยุทธ์อี้…คุณกับนายของอาชูร่าเป็นพี่น้องกันเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปากถามด้วยใบหน้าอยากรู้อยากเห็น
“ฉันไม่มีพี่น้อง” อี้สุ่ยหานเอ่ยเสียงเรียบ
ได้ยินแบบนั้นเยี่ยหวันหวั่นจึงค่อยวางใจลง คนเหมือนอย่างอี้สุ่ยหานแทบจะไม่พูดโกหก บอกไม่ใช่พี่น้องงั้นก็ต้องไม่ใช่พี่น้องแน่นอน
เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นเดินขึ้นหน้า ความจริงเธออยากได้ความช่วยเหลือของอี้สุ่ยหาน ถ้าอี้สุ่ยหานช่วยเธอจัดการนายของอาชูร่าได้ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยหมดห่วง
“แค่กๆ งั้นฉันพูดตามตรงนะ…ช่วงนี้ฉันได้ยินมาว่านายของอาชูร่าไม่เคารพจอมยุทธ์อี้สุดๆ…พูดทำนองว่า ผู้แข็งแกร่งที่สุดในรัฐอิสระก็คือเขานายของอาชูร่า ใช่อี้สุ่ยหานอะไรนั่นที่ไหน…” เยี่ยหวันหวั่นมองอี้สุ่ยหานพลางเอ่ยพูดอย่างเป็นตุเป็นตะ
แต่อี้สุ่ยหานบนโซฟากลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ราวกับว่าไม่ใส่ใจคำพูดของเยี่ยหวันหวั่นเลยสักนิด
————————————————————————————
บทที่ 1398 คุณชายน้อยตระกูลเนี่ย
“ยังมีอีกนะ นายของอาชูร่ายังบอกว่า คุณเทียบบุ๋นเขาไม่ติด บู๋ก็ไม่ไหว…บอกว่าจอมยุทธ์อี้อย่างมากก็ระดับเดียวกับผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย…”
เยี่ยหวันหวั่นเห็นอี้สุ่ยหานไร้การตอบสนองก็สุมไฟเพิ่มต่อ “แถมนายของอาชูร่าคนนั้นพูดอีกว่าทางที่ดีอย่าให้เขาเห็นเห็นคุณที่รัฐอิสระ ไม่งั้น…จะทำให้คุณเสียใจที่เกิดมา…”
เยี่ยหวันหวั่นพล่ามอยู่ครึ่งค่อนวัน แต่เห็นได้ว่าอี้สุ่ยหานไม่สนใจแม้แต่น้อย เสมือนว่าเยี่ยหวันหวั่นกำลังพูดกับคนอื่น
เยี่ยหวันหวั่นจ้องอี้สุ่ยหานพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเองพูดมากขนาดนั้น อี้สุ่ยหานนี่คงไม่ได้หลับอยู่หรอกนะ…
ผ่านไปชั่วครู่ ในที่สุดอี้สุ่ยหานก็เอ่ยปาก “เรื่องที่จะบอกฉัน…มีแค่นี้เหรอ”
เห็นอี้สุ่ยหานเอ่ยปากในที่สุด เยี่ยหวันหวั่นก็พยักหน้ารัวแล้วเอ่ย “ใช่…จอมยุทธ์อี้ นายของอาชูร่าหยาบคายและใส่ร้ายคุณแบบนี้…ถ้าเป็นฉันจะไม่ปล่อยเอาไว้แน่…
“คืนนี้นายของอาชูร่าจัดงานประชุมหนึ่งครั้ง…ถึงตอนนั้นเขาต้องมางานประชุมด้วยตัวเองแน่นอน ถ้าจอมยุทธ์อี้โกรธละก็ ฉันพาคุณไปถกเถียงกับนายของอาชูร่าได้นะ…”
ขอแค่อี้สุ่ยหานโกรธและเห็นด้วย งั้นเป้าหมายเธอก็นับว่าบรรลุแล้ว
“ไม่โกรธ” อี้สุ่ยหานเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันไม่เคยพูดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในใต้หล้า ชื่อเสียงจอมปลอมพวกนี้ ถ้าคุณชอบก็เอาไปได้”
ได้ยินแบบนั้นมุมปากเยี่ยหวันหวั่นกระตุกเล็กน้อย จริงๆ เล๊ย…ใจกว้างซะไม่มี…
ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินมาว่าอี้สุ่ยหานลงมือกับแค่ตระกูลโบราณ ส่วนกองกำลังอื่นนอกจากตระกูลโบราณเขาไม่เคยสนใจ ตราบใดที่คุณไม่ได้ด่าอี้สุ่ยหานต่อหน้าเขา อี้สุ่ยหานก็จะไม่สนใจเด็ดขาด…
“จอมยุทธ์อี้ คุณ…ไม่ลองคิดดูหน่อยเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นไม่ยินยอมอยู่บ้าง
“ฉันสนใจแค่ตระกูลโบราณเท่านั้น ถ้าคุณมีข่าวของเบื้องบนตระกูลโบราณคนไหนปรากฏตัวบอกฉันได้” อี้สุ่ยหานเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
ต่อให้เธอได้ข่าวเบื้องบานตระกูลโบราณปรากฏตัวจริงๆ เธอก็ไม่กล้าบอกอี้สุ่ยหานหรอก ถ้าหากอี้สุ่ยหานฆ่าเบื้องบนตระกูลโบราณจริงๆ คนของตระกูลโบราณนั้นจะไม่ไปหาสุ่ยอี้หานแต่จะมาหาเธอแหง…
“จริงสิ”
จู่ๆ อี้สุ่ยหานก็ดึงผ้าปิดตาออก ลุกจากโซฟาเดินไปหยิบขวดเครื่องดื่มหนึ่งมาส่งให้เยี่ยหวันหวั่นแล้วเอ่ย “ลองชิมเหล้าแรงที่ฉันหมักดู รสชาติถือว่าไม่เลว”
เยี่ยหวันหวั่นรับขวดเหล้าขวดเล็กนั้นมา มุมปากกระตุกน้อยๆ ผ่านครั้งแรกมาแล้ว ไหงยังมีครั้งที่สองได้อีก…
เยี่ยหวันหวั่นมีประสบการณ์ลึกซึ้งกับเหล้าที่อี้สุ่ยหานหมัก มันคือน้ำตาลกรวดเติมน้ำดีๆ นี่เอง
“ได้…รอฉันกลับไปจะค่อยๆ ชิมรส…” เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็หันตัวกำลังจะจากไป
“เดี๋ยวก่อน” ฉับพลันนั้นอี้สุ่ยหานเรียกเยี่ยหวันหวั่นไว้
“จอมยุทธ์อี้…มีอะไรเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นถามอย่างสงสัย
“ฉันมีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่งชื่อเนี่ยถังเซียว เป็นคุณชายน้อยของตระกูลเนี่ยหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของรัฐอิสระ” อี้สุ่ยหานถอดผ้าปิดตาเอ่ยช้าๆ
ได้ยินแบบนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็ชะงักอยู่กับที่ทันควัน ถังถัง…คือลูกศิษย์ของอี้สุ่ยหาน!?
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
เยี่ยหวันหวั่นมองอี้สุ่ยหาน ไม่ได้พูดอะไรแต่รอคำพูดถัดไป
“ลูกศิษย์คนนั้นของฉันตั้งแต่เล็กก็ไม่เคยเจอแม่แท้ๆ ไม่กี่วันก่อนเขาเจอฉันแล้วบอกฉันว่าแม่แท้ๆ เขากลับบ้านมาแล้ว แต่ลูกศิษย์คนนั้นของฉันค่อนข้างสงสัยตัวตนแม่แท้ๆ คนนั้น เลยอยากให้ฉันช่วยตรวจสอบให้หน่อย” อี้สุ่ยหานเปิดปากช้าๆ
เยี่ยหวันหวั่นก็พอรู้เรื่องนี้บ้างแล้ว หลังแม่ถังถังกลับมา ถังถังก็เหมือนยากจะยอมรับอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ที่ทำให้เยี่ยหวันหวั่นนึกไม่ถึงคือ ถังถังถึงกับเป็นลูกศิษย์ของอี้สุ่ยหาน แถมยังเคยขอร้องให้อี้สุ่ยหานช่วยเขาตรวจสอบตัวตนแม่แท้ๆ ของตัวเอง
นี่มันบังเอิญเกินไปแล้ว…