บทที่ 1403 ยังมีหน้ามาคิดเงิน
ชายผมหยิกมีรอยยิ้มชวนหลงใหลประดับบนใบหน้าเสมอ ทั้งคำพูดและการกระทำดูเป็นสุภาพบุรุษ หากไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้ ว่าชายผมหยิกสุดหล่อคนนี้เป็นหนึ่งในสมาชิกทีมทหารรับจ้าง
สมาชิกในทีมทหารรับจ้างมักมีตัวตนที่ลึกลับมาก เพื่อหลีกเลี่ยงการแก้แค้นจากศัตรู จึงน้อยมากที่จะปรากฏตัวในที่สาธารณะ ถึงปรากฏตัวก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร
“พี่เฟิง…ครั้งนี้พวกเราจะกำจัดนายแห่งอาชูร่าเลยไหม…ถ้าหากต้องลอบฆ่า เรื่องค่าตอบแทน…พี่เฟิง พี่เข้าใจใช่ไหมว่าผมหมายถึงอะไร…” ชายผมหยิกหันมาพูดกับเยี่ยหวันหวั่นยิ้มๆ
เยี่ยหวันหวั่นอดมองบนไม่ได้ แค่เธอมาที่นี่ก็เสี่ยงอันตรายมากแล้ว ยังคิดจะลอบฆ่านายแห่งอาชูร่าได้อีกเหรอ
“พวกนายจะลอบฆ่านายแห่งอาชูร่า เอาปัญญาที่ไหนมา” เป่ยโต่วเดินเข้ามา แล้วพูดอย่างดูแคลน
“เขาไง” ชายผมหยิกยิ้มแล้วชี้ไปที่ฝูเซิง
ฝูเซิงติดหนึ่งในสิบห้าอันดับแรกของนักฆ่าในรัฐอิสระ นอกจากความสามารถของตัวเขาเองแล้ว ยังมีรูปร่างของเขาที่หลอกตาได้ดีที่สุดนั่นด้วย
“ไม่ต้อง” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว “พวกนายรอฟังคำสั่งฉันก็พอ ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ”
ในเมื่อเยี่ยหวันหวั่นพูดอย่างงี้แล้ว ชายผมหยิกย่อมไม่พูดอะไรมาก อีกอย่าง นายของอาชูร่าฆ่ากันได้ง่ายๆ ซะที่ไหน ดีไม่ดีพวกเขาอาจต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เยี่ยหวันหวั่นให้มาตอนนี้ก็มีแค่หนังสือรับรองหนี้สินเท่านั้น…
“หัวหน้าไป๋ ในเมื่อมาแล้วก็เชิญ”
ทูตของอาชูร่าที่โดนเยี่ยหวันหวั่นไล่ตะเพิดออกจากพันธมิตรอู๋เว่ยเมื่อไม่กี่วันก่อนใส่ชุดสูทสีดำทั้งตัว เขาเดินมาหยุดตรงหน้าพวกเยี่ยหวันหวั่นแล้วกล่าว
เยี่ยหวันหวั่นแค่นหัวเราะเย็นชา แต่กลับไม่พูดอะไรมาก เพียงสาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่
……
ด้านในคฤหาสน์ ทั้งแชมเปญเอยเหล้านอกเอย ทั้งอาหารของว่าง อะไรที่ควรมีก็มีหมด
ผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่ในคฤหาสน์เรียกได้ว่าแทบจะมีแต่คนใหญ่คนโตจากกลุ่มอำนาจใหญ่ๆ ทั้งนั้น
เยี่ยหวันหวั่นมองไปรอบๆ คฤหาสน์ แต่กลับไม่เจอแทรนซ์
สุดท้ายเยี่ยหวันหวั่นถึงได้รู้ว่าถึงแทรนซ์จะได้รับเชิญจากอาชูร่า แต่เขากลับไม่มา เพราะต้องการใช้การกระทำแสดงออกถึงการต่อต้านอาชูร่า
ขาดพันธมิตรอย่างแทรนซ์ไปคนหนึ่ง สถานการณ์ของเยี่ยหวันหวั่นก็ยิ่งประดักประเดิดขึ้นไปอีก
ทุกคนที่มาที่นี่ในวันนี้ต่างก็มีสายสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับอาชูร่า หรือไม่บางคนก็รับปากว่าจะส่งส่วยอาชูร่า มีแค่เยี่ยหวันหวั่นคนเดียวที่ดูไม่เข้าพวก
ผ่านไปไม่นาน ชายหญิงกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาทักทายเยี่ยหวันหวั่นอย่างเปิดเผย
ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มแค่นยิ้มแล้วพูดว่า “หัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ย…วันนี้เธอกล้ามาร่วมการประชุมของนายแห่งอาชูร่า คงเตรียมใจไว้แล้วว่าจะไม่รอดกลับไปสินะ…ในเมื่อเป็นอย่างงี้ ไม่สู้พวกฉันฆ่าเธอเพื่อเอาใจนายแห่งอาชูร่าดีกว่าไหม เธอว่าไงล่ะ?”
“ไงนะ…” เป่ยโต่วทำหน้างง เขามองหน้าผู้หญิงคนนั้น จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง “ฆ่า…ฆ่าพวกฉัน? นี่เธอกำลังฝันอยู่เหรอ?”
“ทำไม หรือพวกนายยังคิดว่าตัวเองจะรอดไปจากที่นี่ได้อีกเหรอ?”
หนุ่มสาวอายุน้อยหลายคนหัวเราะเสียงดัง
เยี่ยหวันหวั่นมองพิจารณา หนุ่มสาวพวกนี้เป็นคนของตระกูลเยี่ยนทั้งนั้น ตระกูลเยี่ยนคงคิดจะอาศัยบารมีของนายแห่งอาชูร่ามาสร้างความลำบากให้เธอ
“รอสักครู่”
จู่ๆ ทหารรับจ้างข้างกายเยี่ยหวันหวั่นที่ใส่ชุดจงซานจวงและใส่แว่นตากรอบทองก็ค่อยๆ ก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าคนพวกนั้น
“ไสหัวไปไกลๆ เลย ไม่เกี่ยวกับนาย” ผู้หญิงที่เป็นแกนนำเอ่ยเสียงดูแคลน
แววกระหายเลือดแวบผ่านนัยน์ตาของชายหนุ่ม
“ฉึก!”
แทบจะในชั่วพริบตา ชายใส่แว่นยกนิ้วขึ้นมาแล้วแทงออกไปกลางอากาศ
วินาทีต่อมา เสียงฉึกก็ดังขึ้น นิ้วมือของชายใส่แว่นแทงเข้าไปในเบ้าตาของผู้หญิงคนนั้น
ภายใต้สายตาตื่นตะลึงของทุกคน หญิงสาวกรีดร้องคร่ำครวญ เลือดไหลทะลักออกจากตาไม่หยุด
“พวกแก…!”
คนของตระกูลเยี่ยนรีบประคองผู้หญิงคนนั้นเดินออกไป
เมื่อกี้ ชายใส่ชุดจงซานจวงโจมตีลูกตาซ้ายคนของตระกูลเยี่ยนจนแตก…
ชายใส่แว่นใบหน้าไร้อารมณ์ เขาแค่หยิบผ้าเช็ดหน้าสีดำออกมาจากอกเสื้อ จากนั้นก็เช็ดคราบเลือดบนนิ้วจนสะอาด
“พี่เฟิง พี่ดูสิ ต้องเพิ่มค่าตอบแทนแล้วล่ะ พวกเราลงมือแต่ละครั้งคิดเงินทั้งนั้นแหละ…” ชายผมหยิกรีบเดินมาหาเยี่ยหวันหวั่น จากนั้นก็หยิบเครื่องคิดเลขที่พกติดตัวออกมาด้วย นิ้วมือเรียวยาวกดแป้นตัวเลขบนเครื่องคิดเลขรัวๆ พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
เยี่ยหวันหวั่นได้แต่อึ้งงัน เธอไม่ได้บอกให้พวกเขาลงมือซักหน่อย นี่มันโกงกันชัดๆ เลยนี่!
แล้วยังมีหน้ามาคิดเงินกับเธออีก!
————————————————————————————-
บทที่ 1404 จนจริงๆ
“ตาบอดหนึ่งข้าง…ห้าร้อย ถ้าหากทำภารกิจต่อหักขาอีกข้าง คิดเพิ่มอีกสองร้อย ถ้าพี่เฟิงอยากฆ่าใครก็คิดหนึ่งพัน” ชายผมหยิกพูดพึมพำ
เยี่ยหวันหวั่นได้แต่เงียบ
“ใช่สิ พี่เฟิง…วันนี้พี่คิดจะฆ่าคนกี่คน? พวกผมมีโปรโมชั่นพิเศษ ฆ่าสิบแถมหนึ่ง ฆ่ายี่สิบแถมสาม” ชายผมหยิกหันมาพูดกับเยี่ยหวันหวั่น
“พวกนาย…จนขนาดนั้นเลยเหรอ…” เยี่ยหวันหวั่นปากกระตุก อดไม่ได้ที่จะถาม
“เฮ้อ…” ได้ยินเยี่ยหวันหวั่นถามอย่างนั้น ชายผมหยิกก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วส่ายหน้าพูดกับเยี่ยหวันหวั่นว่า “พี่เฟิง พี่กับคุณชายเนี่ยรู้จักกันถึงขั้นนี้แล้ว ยังไม่รู้อีกเหรอว่าทำไมพวกผมถึงได้จนขนาดนี้?”
เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า เธอจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
“ความจริง…คืออย่างงี้ ตอนนั้นคุณชายเนี่ยยังเด็กและบ้าพลังมาก เขาเคยมีปากเสียงกับผู้นำตระกูลและนายหญิงอย่างรุนแรง จากนั้นก็สาบานว่าจะไม่ใช้เงินของตระกูลเนี่ยแม้แต่แดงเดียว ถ้าหากเขาใช้เงินของตระกูลเนี่ยก็ขอให้ครอบครัวเขาตายกันหมดทั้งบ้าน…” ชายผมหยิกอธิบายด้วยสีหน้าลึกลับ
ได้ยินชายผมหยิกอธิบายอย่างงั้น เยี่ยหวันหวั่นกลับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ไม่น่าล่ะเนี่ยอู๋หมิงถึงได้จนขนาดนี้ เป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลเนี่ยแต่กลับเห็นเงินสำคัญเท่าชีวิต ที่แท้เขาก็จนจริงๆ…
สถานการณ์อย่างนี้เยี่ยหวันหวั่นกลับเข้าใจได้ น่าจะเป็นตอนเนี่ยอู๋หมิงยังเด็ก เคยทะเลาะกับพ่อแม่ เพื่อรักษาหน้าถึงได้พูดออกไปว่าจะไม่มีวันใช้เงินตระกูลเนี่ยตลอดไป
อีกอย่าง การสาบานของเนี่ยอู่หมิงก็มีปัญหามาก ถ้าหากเขาใช้เงินตระกูลเนี่ย ก็ขอให้ครอบครัวเขาตายทั้งบ้าน…
พอเป็นอย่างงั้น ถึงเนี่ยอู๋หมิงจะคุกเข่าอ้อนวอน นายหญิงและผู้นำตระกูลเนี่ยก็ให้เงินเนี่ยอู๋หมิงไม่ได้อีกแม้แต่แดงเดียว…
แต่เยี่ยหวันหวั่นก็ยังสงสัยเล็กน้อย “เนี่ยอู๋หมิงมีทหารรับจ้างไม่ใช่เหรอ…ทหารรับจ้างทำเงินได้มากนี่…”
ชายผมหยิกได้ยินอย่างงั้นก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “พี่เฟิง จะว่าอย่างงั้นก็ไม่ผิด…แต่อาชีพทหารรับจ้างกำลังอยู่ในช่วงขาลง คุณชายเนี่ยสาบานว่าจะโปรโมทอาชีพทหารรับจ้างให้กลับมาบูมขึ้นอีกครั้ง เลยรับงานที่เหมาะสมมาทำให้แบบฟรีๆ อย่างมากก็รับแค่ค่าครองชีพเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น…
เรื่องนี้ทุกคนรู้กันหมด ถึงอาชีพทหารรับจ้างจะกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งเพราะคุณชายเนี่ยจริง แต่เพื่อรักษาหน้าคุณชายเนี่ย พวกผมก็ต้องใช้ชีวิตแบบถึงตายก็ต้องรักษาหน้าไว้ก่อน รับภารกิจแต่ละครั้งอย่างมากก็เก็บค่าจ้างได้แค่ไม่กี่พัน พวกผมก็เลยไม่มีทางเลือก กฎที่คุณชายเนี่ยตั้งไว้ พวกผมก็ต้องทำตาม”
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำจะพูด
ฟังดูเป็นเรื่องที่เนี่ยอู๋หมิงทำได้แน่นอน ไม่ผิดแน่…
วินาทีนี้ ทุกคนจ้องมาที่พวกเยี่ยหวันหวั่น ขมวดคิ้วเล็กน้อย กระทั่งบางคนทำหน้าประหลาดใจ เหมือนไม่อยากจะเชื่อ
วันนี้เป็นการประชุมที่นายแห่งอาชูร่าเป็นเจ้าภาพเชียวนะ หัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยคนนี้กลับลงมือก่อเหตุในสถานที่แบบนี้อย่างโหดเหี้ยม อีกทั้งคู่กรณียังเป็นคนของตระกูลเยี่ยนด้วย!
“หัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ย…คุณทำอย่างงี้ถือเป็นการไม่ให้เกียรติตระกูลเยี่ยนของเราและนายแห่งอาชูร่า” จู่ๆ ผู้อาวุโสตระกูลเยี่ยนหลายคนก็ก้าวออกมาพูด
“นางแพศยาชั่วช้า กล้าทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ!” เยี่ยนอวิ๋นจ้องเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าเย็นชา “ตอนแรกตระกูลเยี่ยนของเราใจกว้างไม่คิดถือสาเรื่องคราวก่อน แต่เธอกลับได้คืบจะเอาศอกอย่างงี้…”
วินาทีนี้ เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วแน่น นี่เธอทำให้ฝูงชนโกรธเกรี้ยวซะแล้ว…
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า…หก เจ็ด แปด เก้า สิบ…” ชายผมหยิกยกแขนซ้ายขึ้นมาแล้วใช้นิ้วชี้ไปที่คนของตระกูลเยี่ยนเพื่อนับจำนวน
จากนั้นชายผมหยิกก็หยิบเครื่องคิดเลขออกมาคำนวณรอบหนึ่ง แล้วยื่นเครื่องคิดเลขให้เยี่ยหวันหวั่นดูพร้อมกับยิ้มประจบ “พี่เฟิง…พี่ดูสิ ตระกูลเยี่ยนมีทั้งหมดสิบสี่คน พวกผมคิดตามจำนวนหัว ฆ่าหนึ่งคนคิดหนึ่งพัน ฆ่าสิบสี่คนคิดหนึ่งหมื่นแปด”