บทที่ 1409 น่าจะมีแผนการใหญ่
ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นความคิดสับสนวุ่นวาย
จากที่นักพรตใจบริสุทธิ์กับเนี่ยอู๋หมิงบอก หลังจากที่พวกเขากลับมารัฐอิสระก็เคยสืบข่าวของซือเยี่ยหานเหมือนกัน
ซือเยี่ยหานน่าจะเป็นคนของตระกูลซือ…
แต่ว่า…ผู้ชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ราชาคนนี้ นอกจากเส้นผมสีเทาขาวนั่น เขาเหมือนซือเยี่ยหานทุกระเบียดนิ้ว…
นาทีนี้แม้เยี่ยหวันหวั่นอยากจะเดินเข้าไปถามให้รู้เรื่อง แต่เธอกลับไม่ได้โง่ ในสถานการณ์อย่างนี้เธอย่อมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงไม่ได้อยู่แล้ว
ยังมีอีกเรื่องที่เยี่ยหวันหวั่นไม่เข้าใจ เมื่อกี้ผู้ชายที่นั่งบนบัลลังก์ราชาสบตากับเธอแวบหนึ่ง ถ้าเขาคือซือเยี่ยหาน แล้วทำไม…ทำไมถึงไม่ทักเธอ กระทั่งไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยด้วยซ้ำ…
“นึกไม่ถึง นายแห่งอาชูร่าผู้ลึกลับกลับทำลายปริศนาในพริบตาด้วยการเผยตัวตนสู่สายตาชาวโลกอย่างงี้…ดูเหมือนว่าอาชูร่าคงเริ่มจะเดินออกจากหลังม่านมายืนแถวหน้าแล้ว ต้องคิดการใหญ่อะไรอยู่แน่ๆ” ชายผมหยิกเอ่ย
นาทีนี้ ชายบนบัลลังก์ราชาหันไปมองทางเยี่ยหวันหวั่นเงียบๆ แต่จากนั้นก็รีบสายตาออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนไม่อยากให้เยี่ยหวันหวั่นรู้ตัว
“ฝูปั๋ว”
ซือเยี่ยหานหันไปเอ่ยกับพ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างหนึ่ง
“นายท่าน มีอะไรให้รับใช้ครับ” พ่อบ้านสูงอายุรีบก้าวเข้ามารับคำ
“บอกหลินเชวียว่าอย่ามาปรากฏตัวที่นี่” ซือเยี่ยหานกล่าว
ได้ยินอย่างนั้น ฝูปั๋วทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมนายแห่งอาชูร่าถึงได้ออกคำสั่งอย่างนี้ แต่เขาก็พยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินออกไป
ตอนนี้ หลินเชวียกำลังสาวเท้ายาวๆ เดินไปหาซือเยี่ยหาน
แต่ยังไม่ทันเข้าไปใกล้ กลับโดนฝูปั๋วขวางไว้ก่อน
“ฝูปั๋ว ทำอะไรน่ะ?” หลินเชวียทำหน้างง
“เป็นคำสั่งของนายแห่งอาชูร่า ไม่ให้คุณไปปรากฏตัวครับ” พ่อบ้านสูงอายูถ่ายทอดคำสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“หมายความว่าไง?” หลินเชวียงงงัน ไม่ให้เขาไปปรากฏตัวในงาน ทำไมล่ะ?
ฝูปั๋วเอ่ย “นี่เป็นความต้องการของนายท่านครับ”
“อะไรล่ะเนี่ย…”
ทำไมถึงไม่ให้เขาโผล่ไปล่ะ?
ตอนนี้ หลินเชวียที่สับสนงุนงงเหลือบไปเห็นบางอย่างด้วยความบังเอิญ
พอหันไป เขากลับเห็นใบหน้าด้านข้างของเยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่ม หลินเชวียอึ้งค้างไปทันที
“เชี่ย…” ราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน หลินเชวียยกมือขยี้ตาอย่างไม่อยากเชื่อ
ถ้าเขาตาไม่บอก ผู้หญิงคนนั้น…คือเยี่ยหวันหวั่นไม่ใช่เหรอ!?
หลินเชวียตกตะลึง เยี่ยหวันหวั่นอยู่ประเทศจีนไม่ใช่เหรอ…ทำไมถึงมาอยู่รัฐอิสระได้…อีกอย่าง ยังมาโผล่ในงานประชุมที่พี่เก้าเป็นเจ้าภาพด้วย?!
หลินเชวียเข้าใจในที่สุด ไม่น่าล่ะพี่เก้าถึงได้สั่งให้พ่อบ้านมาห้ามเขาไว้ไม่ให้เขาโผล่ไปในงาน…
พี่เก้าคงไม่คิดจะยอมรับกับเยี่ยหวันหวั่นว่าเขาคือซือเยี่ยหาน…ถ้าหากเขาโผล่ไปในงาน ความลับก็ต้องแตก…
คิดมาถึงตรงนี้ หลินเชวียยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผากแล้วหลบไปด้านหนึ่ง ไม่กล้าเดินไปต่อ กลัวว่าเยี่ยหวันหวั่นจะเห็นเขา ทำได้เพียงหลบอยู่ในมุมแล้วค่อยๆ สังเกตสถานการณ์
……
ในคฤหาสน์
หลังจากเงียบอยู่นาน ซือเยี่ยหานจึงค่อยเอ่ยเสียงเรียบว่า “เชื่อว่าทุกท่านเองก็น่าจะรู้ดี ว่าจุดประสงค์ของการประชุมครั้งนี้คืออะไร”
เมื่อสิ้นเสียงของซือเยี่ยหาน เยี่ยนอวิ๋นจากตระกูลเยี่ยนก็ก้าวมายืนข้างซือเยี่ยหานเป็นคนแรก แล้วพยักหน้ากล่าวว่า “รู้ค่ะ…ตระกูลเยี่ยนของพวกเราจะให้ความร่วมมืออย่างดีแน่นอน จากนี้พวกเราจะส่งส่วยตามจำนวนเดิมทุกเดือน”
ซือเยี่ยหานหันไปมองเยี่ยนอวิ๋นเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร
เยี่ยนอวิ๋นดูเหมือนผิดหวังเล็กน้อย เธอยังคงมองชายหนุ่มด้วยสายตาหลงใหล…
————————————————————————————-
บทที่ 1410 ทำกรรมอะไรไว้
เยี่ยหวันหวั่นเห็นซือเยี่ยหานกับเยี่ยนอวิ๋นส่งสายตากันไปมา ลึกๆ ในใจก็อดรู้สึกเคืองไม่ได้
ไม่นาน หัวหน้าของกลุ่มอำนาจหนึ่งก็ลุกขึ้นยืน ยิ้มประจบประแจงแล้วเอ่ยว่า “วันนี้ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนายแห่งอาชูร่า ถือเป็นเกียรติของพวกเรา…ในเมื่อได้รับคำเชิญมาร่วมการประชุมครั้งนี้จากนายแห่งอาชูร่า งั้นพวกเราก็ควรทำตามกฎที่นายแห่งอาชูร่าตั้งขึ้น ส่งส่วยตามจำนวนเดิมทุกเดือน”
พอเห็นกลุ่มอำนาจใหญ่ต่างๆ ทยอยกันลุกขึ้นแสดงความภักดี ชายผมแดงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกายนายแห่งอาชูร่าก็แค่นยิ้ม
กลุ่มอำนาจพวกนี้ หลังจากที่นายแห่งอาชูร่าหายตัวไป พวกเขาต่างปฏิเสธที่จะส่งส่วย แต่พอนายแห่งอาชูร่ากลับมา แต่ละคนกลับทำตัวเหมือนสุนัขที่จงรักภักดี ช่างน่าขำอะไรอย่างนี้
“นายแห่งอาชูร่า…พวกผมย่อมเต็มใจทำตามกฎที่ท่านตั้งไว้…เพียงแต่ คนบางคนกลับหยิ่งยโส ไม่คิดจะส่งส่วยให้ท่าน” ตอนนี้ ผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งหันไปมองเยี่ยหวันหวั่น พลางยิ้มเย็นแล้วกล่าว
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันได้พูดอะไร จู่ๆ เป่ยโต่วกลับลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเหมือนไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น “ตลกแล้ว หัวหน้าของพวกเราพูดแล้ว ถ้าจะให้พวกเราส่งส่วยก็ฝันไปซะเถอะ แต่ถ้าอาชูร่าจะส่งส่วยให้พวกเราทุกเดือน พวกเราก็จะรับไว้พิจารณาก็แล้วกัน!”
สิ้นเสียงเป่ยโต่ว ถึงแม้ซือเยี่ยหานยังคงมีใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ชายผมแดงข้างกายเขากลับทำหน้าเย็นชาสุดขีดจนเหมือนจะมีน้ำหยดออกมา
ปีนั้น อาชูร่าโดนกลุ่มอำนาจใหญ่หลายกลุ่มรุมโจมตี พันธมิตรอู๋เว่ยเป็นแกนนำที่โจมตีดุเดือดที่สุด และด่าได้เจ็บแสบที่สุด ตอนนี้พันธมิตรอู๋เว่ยพาคนมาแค่ไม่กี่คนมาทำตัวอวดดีถึงถิ่นอาชูร่าอย่างงี้…คงไม่อยากรอดชีวิตออกไปจากที่นี่แล้วสินะ…
“งั้นเหรอ…” ชายผมแดงจ้องเป่ยโต่ว แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“ฮ่าๆๆ งั้นเหรอหาย่าแกเหรอ เป่ยโต่วปู่เอ็งอยู่นี่แล้วไง ไอ้หลานชาย แน่จริงก็ลงมาดวลกันซักตั้ง จะได้รู้ว่าปู่เอ็งเก่งแค่ไหน!” เป่ยโต่วชี้หน้าชายผมแดงแล้วตะโกนท้าทาย
เดิมทีพวกเขามาที่นี่ก็เพื่อสร้างเรื่องวุ่นวาย และก่อกวนงานประชุมของนายแห่งอาชูร่า ตอนนี้เป่ยโต่วจึงแสดงความเป็นตัวเองอย่างเต็มที่
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจยกมือกุมหน้าผาก นี่เธอ…ไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้กันแน่…ก่อกวน ไม่เท่ากับรนหาที่ตาย ก่อกวนไม่ใช่ก่อกวนอย่างงี้สิ…ก่อนหน้านี้เธอบอกขั้นตอนการก่อกวนกับเป่ยโต่วอย่างละเอียดแล้วแท้ๆ…
“อยากตายรึไง!”
ประกายสังหารพาดผ่านดวงตาชายผมแดง เขาสาวเท้ายาวๆ เดินไปทางพวกเป่ยโต่วกับเยี่ยหวันหวั่น
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มบนบัลลังก์ราชากลับเอ่ยเสียงเรียบ “เจียงเหยียน”
ได้ยินอย่างนั้น ชายผมแดงที่ชื่อเจียงเหยียนหันไปมองชายหนุ่ม
“ถอยไป” ซือเยี่ยหานเอ่ยเสียงเรียบ
“ครับ…” ชายผมแดงที่ชื่อเจียงเหยียนไม่โต้แย้งใดๆ เพียงถอยไปยืนข้างหนึ่งทันที ในอาชูร่า ไม่เคยมีใครกล้าโต้แย้งคำพูดของนายแห่งอาชูร่า
“นายแห่งอาชูร่า…” ตอนนี้ ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลเยี่ยนหันไปมองซือเยี่ยหานแล้วเอ่ยว่า “หัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยเย่อหยิ่งจองหองขนาดนี้ วันนี้นายแห่งอาชูร่าเป็นเจ้าภาพการประชุม แต่หัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยกลับทำร้ายคนของตระกูลเยี่ยนเราจนตาบอดไปข้างหนึ่งในงานของท่าน หวังว่านายแห่งอาชูร่าจะจัดการอย่างเป็นธรรม”
ซือเยี่ยหานหันไปมองเยี่ยหวันหวั่นโดยจิตใต้สำนึก แต่ก็ละสายตากลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว ผู้ชายคนนั้น…มีใบหน้าที่เหมือนซือเยี่ยหานทุกประการ แต่พอเห็นเธอแล้วกลับเหมือนคนไม่รู้จักกัน…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่…
เขาไม่ใช่ซือเยี่ยหาน…?
หรือว่ามีความจำเป็นบางอย่าง…เขาเลยไม่สะดวกที่จะทำเหมือนรู้จักเธอ…