บทที่ 1421 มารับคู่หมั้น
“ใครหน้าไหนมาอวดดีที่นี่!”
ทันใดนั้น ชายผมแดงเดินออกมาจากในคฤหาสน์
“ไม่เกี่ยวกับนาย”
คูกู่เองก็รีบก้าวออกมา
“อยากตายรึไง!” ในพริบตาเดียว ชายผมแดงที่ชื่อเจียงเหยียนรีบก้าวเท้าไปทางคูกู่ทันที
“บึ้ม!”
เสียงระเบิดดังสนั่น ฝ่ามือของคูกู่กับชายผมแดงปะทะกัน ร่างกายของทั้งสองเซถอยไปข้างหลังหลายก้าว
คูกู่กับชายผมแดงจ้องหน้ากัน นัยน์ตาของทั้งสองมีแววประหลาดใจพาดผ่าน
“คูกู่ ถอยไป” จี้ซิวหร่านมองคูกู่แล้วเอ่ยเสียงเบา
“ครับ…” คูกู่รับคำ จากนั้นก็ถอยหลัง
“เจียงเหยียน” ขณะเดียวกัน นายแห่งอาชูร่าที่ยืนอยู่ข้างเยี่ยหวันหวั่นก็เอ่ยเสียงเรียบ
เจียงเหยียนพยักหน้า จากนั้นก็ถอยไปยืนด้านหนึ่ง
ใบหน้าของจี้ซิวหร่านยังคงเปื้อนยิ้มจางๆ ที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัยเสมอ เขาหันไปมองเยี่ยหวันหวั่นเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองชายหนุ่มที่ยืนข้างกายเธอ “ดูท่าคุณคงเป็นนายแห่งอาชูร่าที่โด่งดังไปทั่วรัฐอิสระ”
“จี้ซิวหร่าน…” สายตาของชายหนุ่มเองก็จับจ้องไปที่จี้ซิวหร่านเช่นกัน
คล้ายว่าฝนกำลังจะตก ท้องฟ้าเหนือศีรษะเต็มไปด้วยเมฆครึ้ม สายลมหนาวม้วนพัดกรวดทราย บรรยากาศรอบตัวพลันเย็นเฉียบในพริบตา เยี่ยหวันหวั่นตัวสั่นยกมือลูบแขนโดยจิตใต้สำนึก
“หึ…” จี้ซิวหร่านยิ้มเล็กน้อย “ไม่นึกเลยว่านายแห่งอาชูร่าจะรู้จักชื่อของคนต่ำต้อยอย่างผมด้วย รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ”
ใบหน้าดุจเทพบุตรตกสวรรค์ของชายหนุ่มยังคงเหมือนน้ำแข็งพันปีที่ไม่มีวันละลาย นัยน์ตาดำขลับไร้ซึ่งแววอ่อนโยน “จี้หวงมาวันนี้ ไม่ทราบมีคำชี้แนะใด”
จี้ซิวหร่านได้ยินก็หันไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง ก่อนจะแย้มยิ้มแล้วกล่าวว่า “ชี้แนะนั้นไม่กล้า ก็แค่…ผ่านทางมารับคู่หมั้นผมเท่านั้น”
เยี่ยหวันหวั่นตะลึงตาค้าง
ไม่รู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นคิดไปเองรึเปล่า วินาทีที่จี้หวงพูดจบ ใบหน้าที่เย็นชาเหมือนน้ำแข็งของชายหนุ่ม…ราวกับมีรอยร้าวปรากฏขึ้นมาชั่วพริบ
ในขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังสงสัยว่าตัวเองตาฝาดไปรึเปล่านั้น อยู่ๆ เธอก็ปิ๊งไอเดียหนึ่งขึ้นมา
นี่มันโอกาสดีเลยนี่!
จู่ๆ จี้หวงก็มาที่นี่ ไม่แน่ว่าเธออาจใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ได้…
ตาบ้าซือเยี่ยหานเป็นคนขี้หึงจนน่ากลัว น้ำส้มสายชูที่เขาเคยกินเยอะจนท่วมรัฐอิสระได้เลย เธอไม่เชื่อว่าถ้าเธอสวมหมวกเขียวให้เขาต่อหน้าต่อตา เขาจะนิ่งเฉยอยู่ได้
ดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นจึงรีบเดินสับเท้าไปหาจี้ซิวหร่าน จากนั้นก็คล้องแขนเขาอย่างสนิทสนม “ใช่แล้วๆ เขาเป็นคู่หมั้นฉันเอง เขามารับฉัน!”
จี้ซิวหร่านเห็นหญิงสาวเป็นฝ่ายตีสนิทก่อนอย่างหาได้ยาก เหลือบมองแขนข้างที่โดนเธอคล้องแวบหนึ่งคล้ายไม่ได้ตั้งใจ
เยี่ยหวันหวั่นพูดพลางหันไปสังเกตปฏิกิริยาของนายแห่งอาชูร่าเงียบๆ
ชายหนุ่มตรงหน้าร่างกายสูงใหญ่ ยืนสง่าอยู่เบื้องหน้าประตูคฤหาสน์ที่ทำจากเหล็กสลักลายดอกไม้สวยงาม หลุบตามองต่ำ บวกกับท้องฟ้ามืดครึ้ม ทำให้สังเกตสีหน้าได้ยาก
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด ในตอนที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังลุ้นระทึกอยู่นั้น จู่ๆ ชายหนุ่มก็ช้อนตาขึ้น คิ้วคมกระดกขึ้นข้างบนอย่างเจ้าเล่ห์ มุมปากหยักขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มอันตราย…
เขาหันไปมองเยี่ยหวันหวั่นก่อน จากนั้นก็หันไปมองจี้ซิวหร่าน แล้วเอ่ยเสียงเนิบว่า “งั้นเหรอ? งั้นจี้หวงรู้รึเปล่า…ว่าคู่หมั้นของคุณ…ทิ้งเบอร์โทรฯ ส่วนตัวให้ผู้ชายแปลกหน้า แถมยัง…”
เวร!
เยี่ยหวันหวั่นเบิกตากว้าง ในหัวเหมือนมีตัวเงินตัวทองนับหมื่นตัววิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว
นึกไม่ถึงว่าหมอนี่จะตลบหลังเธอ!
————————————————————————————-
บทที่ 1422 ฉันไม่ได้ทำอะไรเขาเลย
เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองจี้ซิวหร่านโดยจิตใต้สำนึก พอจี้ซิวหร่านได้ยินอย่างนั้น รอยยิ้มในดวงตาเหมือนจะหมองลงเล็กน้อย
ถือ ว่า นาย ร้าย กาจ!
เยี่ยหวันหวั่นถมึงตาจ้องชายหนุ่มตรงหน้า แล้วรีบอธิบายกับจี้ซิวหร่าน “คือว่า…แค่เรื่องธุรกิจเท่านั้น! ที่ฉันทิ้งเบอร์ฯ ไว้ให้เขาเพราะเรื่องธุรกิจเท่านั้น! ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ! ฉันไม่ได้ทำอะไรเขาเลย!”
เวรกรรม ตอนไม่อธิบายก็ดีอยู่หรอก พออธิบายแล้วทำไมถึงได้ฟังดูแปลกกว่าเดิมอีกล่ะเนี่ย?
ปัญหาคือเธอไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ นะ เธอแค่ต้องการทดสอบเขาเท่านั้น แล้วทำไมเธอต้องร้อนตัวขนาดนี้ด้วย?
“ธุรกิจ?” ซือเยี่ยหานมองดูท่าทางอธิบายอย่างร้อนรนของหญิงสาว แววตาเหยียดหยันดูอันตรายพาดผ่านดวงตา ความเย็นแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างกำลังจะแหกออกมาจากกรงขัง…
เยี่ยหวันหวั่นเห็นสีหน้าไม่พอใจของชายหนุ่ม ก็พลันสัมผัสได้ถึงอันตราย
จบกันๆ! ตอนนี้เธออยู่ในฐานะแบดเจอร์ เป็นคู่หมั้นของจี้ซิวหร่าน ถ้าผู้ชายคนนี้พูดอะไรที่ไม่ควรพูด ทำให้จี้หวงรู้ว่าเธอแอบไป “อ่อย” นายแห่งอาชูร่า เธอต้องซวยแน่ๆ!
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ทักษะการแสดงของเธอนำหายนะมาให้เธอ!
นี่มัน…ขโมยไก่ไม่ได้ แถมยังเสียข้าวสารอีกกำมือชัดๆ…
เยี่ยหวันหวั่นร้อนใจ สุดท้ายก็อับจนหนทาง ทำได้แค่ทำหน้าตาน่าสงสารแล้วแอบส่งสายตาอ้อนวอนให้ชายหนุ่มตรงหน้า
นายท่าน! ฉันผิดไปแล้ว! ได้โปรดอย่าเปิดโปงกันเลย!
วินาทีนี้ อารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่เต็มอกของชายหนุ่มแทบจะระเบิดออกมาแล้ว แต่พอเห็นสายตาอ้อนวอนน่าสงสารของหญิงสาว อสูรกายในตัวเขาที่กำลังคำรามลั่นและพยายามแหกกรงออกมากลับอ่อนลงในพริบตา…
มือของชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายกำแน่นขึ้นเล็กน้อย สุดท้ายก็กวาดตามองผ่านใบหน้าหญิงสาวเล็กน้อย
“งั้นไม่ส่งแล้ว” สุดท้าย หลังจากพูดจบประโยค ชายหนุ่มก็หมุนกายเดินเข้าไปในคฤหาสน์
เยี่ยหวันหวั่นมองดูแผ่นหลังที่ห่างออกไปของชายหนุ่ม แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก…
เธอตั้งใจจะบีบให้เขาเผยพิรุธแท้ๆ แต่สุดท้ายทำไมกลายเป็นเธอที่เกือบซวยได้ล่ะ…
เวรกรรมจริงๆ…
แต่โชคดีที่รอดมาได้
เอ่อ…ถึงคำพูดเมื่อกี้ของนายแห่งอาชูร่าจะฟังดูไม่มีอะไรแอบแฝง อย่างมากก็แค่ต้องการสร้างความลำบากให้เธอ แต่นั่นกลับทำให้เยี่ยหวันหวั่นยิ่งรู้สึกแปลกใจ
เห็นเยี่ยหวันหวั่นเอาแต่มองไปทางที่ชายหนุ่มเดินจากไป จี้ซิวหร่านหันไปมองเธอด้วยสายตาครุ่น “เสี่ยวเฟิ่ง ไปกันเถอะ”
“อ้อ ได้สิ…” เยี่ยหวันหวั่นรีบพยักหน้า ใช่ ต้องรีบกลับแล้ว เธอต้องหาวิธีแฝงตัวเข้าไปในตระกูลซือให้ได้
……
ห่างออกไปข้างหลังไม่ไกล ชายหนุ่มมองหญิงสาวขึ้นรถจี้ซิวหร่าน กระทั่งรถคันนั้นแล่นหายไปจากครรลองสายตา ใบหน้าดูขึ้งเคียดกว่าที่เคยเป็นมา
เสียงสวบสาบดังมาจากข้างหลังระลอกหนึ่ง หลินเชวียที่แอบดูเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบชะโงกหัวออกมาจากพุ่มไม้ข้างหลัง แล้วถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “อะแฮ่ม คือ…พะ…พี่เก้า…พี่โอเคไหม…”
หลินเชวียเพิ่งจะพูดจบ จู่ๆ เลือดสายหนึ่งก็ไหลออกจากมุมปากของชายหนุ่ม ยิ่งขับเน้นให้ใบหน้าขึ้งเคียดนั้นดูเยือกเย็นน่ากลัวกว่าเดิม…
“พี่เก้า!!!”
หลินเชวียตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เชี่ย…นี่มัน…โมโหจนกระอักเลือดแล้ว…
เอาล่ะ…ดูเหมือนจะไม่โอเคสุดๆ เลยต่างหากล่ะ…
วินาทีนี้ ในคฤหาสน์ หลินเชวียยืนอยู่ข้างกายซือเยี่ยหาน นัยน์ตาที่เยือกเย็นของซือเยี่ยหานทำให้เขาอดตัวสั่นไม่ได้