บทที่ 1439 อย่าขี้ขลาดลงมือทำซะ
จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็มองชีซิงอีก “ชีซิง นายคิดว่าไง”
“ไม่สู้” ชีซิงเอ่ยเสียงเรียบ “กองกำลังใต้สังกัดอาชูร่าพลังต่อสู้ไม่อ่อนด้อย อีกทั้งมีความสัมพันธ์ไม่เลว กับอาชูร่า ได้ยินว่าพวกเขากระทั่งเกี่ยวข้องกับผู้นำอาชูร่า ถ้าเปิดศึกอาชูร่าจะต้องลงมือแน่ พวกเราอาจตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายร้ายแรงได้ ละทิ้งสาขาเดียวไม่เสียหาย”
เมื่อชีซิงพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็พยักหน้าน้อยๆ ก่อนกวาดตามองทุกคน แล้วเอ่ยประกาศโดยตรง “รวบรวมกำลังพลทันที ฉันจะนำทัพกำจัดกองกำลังใต้สังกัดอาชูร่าด้วยตัวเอง!”
ได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ทั่วทั้งที่ประชุมเงียบกริบ นอกจากเป่ยโต่ว คนอื่นๆ ต่างมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยความตกใจ ชีซิงเองก็ขมวดคิ้วมุ่น
แม้แต่เบื้องบนที่ก่อนหน้านี้ร้องปาวๆ ว่าจะแก้แค้นก็มีท่าทีเดียวกัน
ใครบ้างอวดเบ่งทางปากไม่เป็น แต่ถ้าต้องเคลื่อนไหวจริงๆ ขึ้นมา นั่นก็อีกเรื่อง…
“ผู้นำก่อเรื่องชัดๆ! ถ้าอาชูร่าลงมือพวกเราจะรับมือยังไง!” เบื้องบนบางคนมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าตกใจ
“ถูกต้อง ด้วยกำลังของพันธมิตรอู๋เว่ยตอนนี้บวกกับที่เขตเหนืออยู่ค่อนข้างใกล้จากพวกเรา พวกเราจะเสียเปรียบอย่างมากในการเคลื่อนไหววงกว้าง ผู้นำต้องคิดให้ถี่ถ้วน อย่าใจเร็วด่วนได้…”
เบื้องบนทุกคนในห้องประชุมยามนี้พากันเอ่ยปาก คิดว่าเยี่ยหวันหวั่นเหมือนขี้หมูขี้หมา เอาอนาคตของพันธมิตรอู๋เว่ยมาล้อเล่น
“ทำไม” เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเยาะ “เมื่อกี้ฉันได้ยินพวกนายโวยวายซะดุเดือดขนาดนั้น มีไม่น้อยบอกว่าอยากล้างแค้น เปิดสงคราม ตอนนี้หันกลับมาคัดค้านแล้ว? บอกว่าจะล้างแค้น ขยับแค่ปากน่ะมันง่าย แต่พอให้พวกนายทำจริง แต่ละคนก็กลัวกันเหมือนหมาแก่แล้ว”
ทันทีที่เยี่ยหวันหวั่นพูดประโยคนี้ออกมา สีหน้าของเบื้อบนหลายคนพลันเปลี่ยนสี
ผู้หญิงคนนี้ถึงกับด่าพวกเขาทางอ้อมว่าเป็นหมาแก่เหรอ!
ไม่สิ นี่มันอ้อมตรงตรงไหน นี่มันชี้หน้าด่าพวกเขาแล้ว!
“หึ…ผู้นำ จากที่นี่ไปเขตเหนือไม่เหมาะระดมคนจำนวนมาก ไม่งั้นเรื่องจะไม่แพร่สะพัดไปทั่วหรอกเหรอ กองกำลังใต้สังกัดอาชูร่านั่นก็จะต้องเตรียมตัวแน่นอน ถ้าพวกเขาร่วมมือกับอาชูร่า ดักซุ่มโจมตี จะไม่เป็นการเดินตรงเข้าหากับดักหรือไง” เบื้องบนคนหนึ่งยิ้มหยันเอ่ย
ผู้หญิงสมควรตายนี่มองตัวเองเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยอยู่จริงๆ เหรอ!
ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เซ็นข้อตกลงแล้วและยังหาหลักฐานที่บ่งบอกว่าเธอคือผู้นำตัวปลอมไม่เจอ…เธอยังจะกระโดดโลดเต้นปรากฏตัวในห้องประชุมพูดตามใจปากได้เหรอไง!
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองชายชราคนพูดแวบหนึ่งก่อนยิ้มเยาะเอ่ย “ที่นายพูดก็มีเหตุผล ศึกครั้งนี้ไม่เหมาะทำเอิกเกริก ฉันต้องการแค่หนึ่งร้อยคนเท่านั้น”
“หนึ่งร้อยคน!?”
ได้ยินคำพูดบ้าระห่ำของเยี่ยหวันหวั่น อย่าว่าแต่เบื้องบนในห้องประชุมเลย แม้แต่เป่ยโต่วกับชีซิงก็ตกตะลึงแล้ว
กับอีแค่หนึ่งร้อยคนก็จะไปล้างแค้นกองกำลังใต้สังกัดอาชูร่าเนี่ยนะ
ลำพังแค่สาขาย่อยพันธมิตรอู๋เว่ยที่ถูกทำลายนั้นก็มีมากกว่าพันคนแล้ว แม้แต่สาขาย่อยกว่าพันคนก็ยังถูกกำจัดหมด แต่เธอจะพาคนร้อยคนไปล้างแค้นงั้นเหรอ!
“ฮ่าๆๆ ดี ผู้นำสมเป็นผู้นำจริงๆ…พวกเราย่อมไม่อาจเทียบ…ในเมื่อผู้นำเอ่ยประกาศิตแล้ว งั้นก็เชิญผู้นำนำคนร้อยคนไปแก้แค้นเถอะ…”
ผู้อาวุโสบางคนหัวเราะติดต่อกันทันที
เขาจะดูซิว่าผู้หญิงคนนี้จะจ่ายราคายังไงกับความหยิ่งผยองเบาปัญญาของตัวเองนี้!
ถ้าเธอเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยไป๋เฟิงจริงๆ บางที่อาจยังพาคนร้อยคนไปกำจัดกองกำลังใต้สังกัดอาชูร่าได้…แต่ว่า เธอใช่เหรอ!
————————————————————————————–
บทที่ 1440 เคยกลัวใคร
ในโถงประชุม เยี่ยหวันหวั่นที่นั่งอยู่บนที่ประธานหันไปเอ่ยกับชีซิงและเป่ยโต่ว “พวกนายไปเลือกหัวกะทิที่สุดของพันธมิตรอู๋เว่ยมาเก้าสิบแปดคน”
ได้ยินแบบนั้นเป่ยโต่วตะลึงเล็กน้อย เอ่ยอย่างบอกไม่ถูก “พี่เฟิง…ไม่ใช่ว่าเลือกหนึ่งร้อยคนเหรอ…ทำไมเลือกแค่เก้าสิบแปดคนล่ะ”
เยี่ยหวันหวั่นชำเลืองมองเป่ยโต่ว “นายไม่ใช่คนเหรอ”
ไม่รอให้เป่ยโต่วเอ่ยปาก ชีซิงก็เอ่ย “นายกับฉันนับเป็นสองคน”
เป่ยโต่วปรากฏท่าทีครุ่นคิดแล้วจึงพยักหน้า “อย่างนี้นี่เอง…”
“เลิกประชุม”
เยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้นจากที่นั่งประธานก่อนก้าวออกจากโถงประชุมไปอย่างไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับ
เป่ยโต่วกับชีซิงตามหลังเยี่ยหวันหวั่นไป
“พี่เฟิง…พวกเราจะไปสู้กับกองกำลังใต้สังกัดอาชูร่าจริงๆ เหรอ” ชีซิงก้าวใหญ่ๆ มาถึงข้างตัวเยี่ยหวันหวั่น คิ้วขมวดเล็กน้อย
ในสายตาของชีซิง การตัดสินใจนี้ออกจะบ้าบิ่นไปสักหน่อย
คนแค่เพียงหนึ่งร้อยคนอยากจะล้างแค้นสำเร็จแทบเป็นไปไม่ได้เลย
การกระทำนี้เป็นไปได้สูงมากว่าจะทำให้สมาชิกร้อยคนที่พวกเขาพาไปทั้งหมดพ่ายแพ้ราบคาบ
“ฉันมีแผน” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“ชีซิง นายนี่นับวันยิ่งขี้ขลาดหรือเปล่า” เป่ยโต่วเหล่มองชีซิง “พันธมิตรอู๋เว่ยฉันเคยกลัวใครที่ไหน!”
“นี่ไม่เกี่ยวกับกลัวไม่กลัว” ชีซิงเอ่ย
ยังไม่รอให้เป่ยโต่วเอ่ยปากต่อ เยี่ยหวันหวั่นก็ตัดบทเอ่ย “ไปเลือกคนมาก่อน”
ในเมื่อเยี่ยหวันหวั่นตัดสินใจเช่นนี้แล้ว ชีซิงย่อมไม่พูดอะไรต่อและไปเลือกคนกับเป่ยโต่ว
การเลือกคนเก้าสิบแปดคนเสร็จสิ้นในยามเย็น ทุกคนล้วนเป็นสมาชิกหัวกะทิของพันธมิตรอู๋เว่ย
หลังรู้ว่าพวกเขาต้องไปล้างแค้นกองกำลังใต้สังกัดอาชูร่าที่เขตเหนือ ทุกคนไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร รู้สึกว่าการไปครั้งนี้มีโอกาสตายมากกว่ารอด
แต่ในเมื่อผู้นำออกคำสั่ง พวกเขาก็ได้แต่ต้องปฏิบัติตาม
…
ยามเย็น ในห้องทำงานสำนักงานใหญ่พันธมิตรอู๋เว่ย
บีรุสหาวหวอด วางหัวบนสองขาของเยี่ยหวันหวั่น สองตาน่าดึงดูดนั้นมองเยี่ยหวันหวั่น
เวลานี้หลังเยี่ยหวันหวั่นยืนยันว่ารอบด้านไร้คนแล้วจึงค่อยหยิบมือถือออกมา จากนั้นก็ดูข้อความใน QQ แวบหนึ่ง
กงซวี่: พี่เยี่ย พี่ไปเที่ยวไหนเนี่ย นอกโลกเหรอ ทำไมยังไม่กลับมาอีก
ลั่วเฉิน: พี่เยี่ยอยู่ไหม
หานเซี่ยนอวี่: เยี่ยไป๋ ช่วงนี้นายอยู่ไหน ไม่มีข้อความจากนายเลย โทรไปก็ไม่รับสาย เห็นข้อความแล้วช่วยโทรกลับที
หลังเยี่ยหวันหวั่นอ่านข้อความจบก็ขยับนิ้วมือ ลบข้อความทั้งหมดทิ้ง
ข้อความพวกนี้ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้า ไม่กล้าคิดถึงผลที่ตามมา
แม้จะเป็นมารดาเหลียงหวั่นจวิน เยี่ยหวันหวั่นก็ติดต่ออีกฝ่ายผ่านทางข้อความน้อยมาก บางครั้งคราวจึงจะแจ้งว่าปลอดภัยดี ถามไถ่เหลียงหวั่นจวินว่าช่วงนี้เป็นยังไงบ้างเท่านั้น
แล้วก็ถามไถ่สถานการณ์ช่วงนี้ของเยี่ยมู่ฝานกับพ่อด้วย
หลังลบข้อความแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็โทรศัพท์หาเนี่ยอู๋หมิง
“ฮัลโหล” เสียงของเนี่ยอู๋หมิงดังออกมาจากในโทรศัพท์
“ออกมาเจอกันหน่อย มีธุระอยากคุยกับคุณ” เยี่ยหวันหวั่นตรงเข้าประเด็น
“น้องโหย่วหมิง…เจอกันน่ะไม่มีปัญหา แต่เคลียร์เงินค่าจ้างกลุ่มทหารดาวลงทัณฑ์ก่อนเถอะนะ…” เนี่ยอู๋หมิงรีบร้อนเอ่ย
“ส่งที่อยู่ให้คุณแล้ว ถึงตอนนั้นมาเคลียร์เงินด้วยกัน” เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็วางสาย
จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็ลุกขึ้น หลังลูบบีรุสกับต้าไป๋คนละทีแล้วจึงค่อยหันตัวจากพันธมิตรอู๋เว่ยไป
…
ร้านน้ำชาแห่งหนึ่งที่เมืองอวิ๋น
เยี่ยหวันหวั่นรอกว่าหนึ่งชั่วโมงกว่าเนี่ยอู๋หมิงจะเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบและเหน็ดเหนื่อย
“ตรงนี้” เยี่ยหวันหวั่นตะโกนเรียกเนี่ยอู๋หมิง
ได้ยินดังนั้น เนี่ยอู๋หมิงก็มองรอบด้าน หลังจากเห็นเยี่ยหวันหวั่นจึงค่อยก้าวเดินมาหา