บทที่ 1523 นายหนึ่งใบฉันหนึ่งใบ
ด้วยทนการ ‘วิงวอนขอร้อง’ ของเป่ยโต่วไม่ไหว สุดท้ายคุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นก็ส่งบัตรเชิญสองใบให้เป่ยโต่วอย่างจำใจเหลือแสน
“พี่เสิ่น…พี่เดินช้าๆ มีธุระก็โทรหาผม…” เป่ยโต่วยืนอยู่ข้างหน้า ยิ้มเอ่ยให้เงาหลังของคุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่น
เห็นท่าทางนี้ของเป่ยโต่ว เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าเปี่ยมความระอา เกรงว่าเป่ยโต่วกับเนี่ยอู๋หมิงคงเป็นพี่น้องที่พลัดพรากกันหลายปีละมั้ง…
“นายหนึ่งใบ ฉันหนึ่งใบ” จากนั้นเป่ยโต่วก็ดึงบัตรเชิญหนึ่งใบส่งให้ชีซิงที่อยู่ด้านข้าง
ชีซิงนิ่งเงียบ
“พี่เฟิง คุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นนั่นเป็นเศรษฐีจริงๆ นะ…จากนั้นพวกเราต้องติดต่อกับพี่เสิ่นบ่อยๆ …” เป่ยโต่วเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นชำเลืองมองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง ไม่ได้เอ่ยวาจา
“พี่เฟิง พี่จะไปงานเลี้ยงของตระกูลเสิ่นไหม” ชีซิงมองเยี่ยหวันหวั่น เอ่ยปากถาม
ได้ยินดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะตอบ “ในเมื่อรับบัตรเชิญมาแล้วก็ย่อมต้องไป”
“เหลวไหล! งานเลี้ยงของตระกูลเสิ่น ไปก็มีของขวัญหรูให้ เมื่อกี้นายไม่ได้ยินพี่เสิ่นพูดเหรอ ไปก็ให้ของขวัญแล้ว ใครไม่อยากไป เอาบัตรเชิญให้ฉัน…” เป่ยโต่วรีบเอ่ยปาก
หลังรอเป่ยโต่วกับชีซิงออกไป ถังถังจึงค่อยออกมาก่อนนั่งลงข้างเยี่ยหวันหวั่นอย่างว่านอนสอนง่ายมาก
เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นกำลังจัดการเอกสารส่วนหนึ่งของพันธมิตรอู๋เว่ย
“คุณแม่…” ถังถังจ้องเอกสารในมือของเยี่ยหวันหวั่นพลางเอ่ยปากเสียงเบา
ได้ยินดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าขึ้นมา “ถังถัง ทำไมเหรอ”
“เอกสารบางส่วนที่คุณแม่จัดการเมื่อกี้ มีปัญหานิดหน่อย” ถังถังเอ่ย
“หืม” ได้ยินคำพูดนี้ของถังถัง เยี่ยหวันหวั่นชะงักเล็กน้อย ที่จัดการมีปัญหา…เธอไม่รู้สึกว่ามีปัญหาตรงไหนนะ…
ทันใดนั้น ถังถังก็พลิกเอกสารหนึ่งในนั้นแล้วเอ่ย “คุณแม่…ตระกูลหลิงอยู่ในพื้นที่ของคุกแห่งบาป ถ้าพันธมิตรอู๋เว่ยอยากจัดการตระกูลหลิง ก็ต้องผ่านความเห็นชอบจากคุกแห่งบาป ไม่งั้นจะเกิดความโกลาหลใหญ่ได้”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
“ถังถังเก่งจังเลย แม่ไม่สังเกตสักนิด…” เยี่ยหวันหวั่นอดหยิกใบหน้าราวหยกสลักของถังถังไม่ได้
วันปกติของพันธมิตรอู่เว่ยตอนนี้ ส่วนชนมากจะเป็นจำพวกว่ายึดครองกองกำลังไหนสักแห่ง เยี่ยหวันหวั่นไม่เชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย วันนี้โชคดีที่มีถังถังเตือน ไม่งั้นอาจเกิดความโกลาหลขึ้นจริงๆ
“คุณแม่ ดูเหมือนคุณแม่ยังไม่เชี่ยวชาญงานของคุณแม่ จากนี้ถังถังมาทำงานเป็นเพื่อนคุณแม่ที่พันธมิตรอู๋เว่ยได้ไหม” ถังถังมองเยี่ยหวันหวั่นและเอ่ยปากถาม
“เอ่อ…” เยี่ยหวันหวั่นไม่รู้จะตอบยังไงชั่วขณะ เธออยากให้ถังถังมาทำงานที่พันธมิตรอู๋เว่ยทุกวันอยู่หรอก แต่ตระกูลเนี่ยต้องไม่อนุญาตแน่…
หลังจัดการงานเล็กๆ น้อยๆ จำนวนหนึ่งของพันธมิตรอู๋เว่ยเสร็จ เยี่ยหวันหวั่นก็ขับรถพาถังถังกลับไปเขตเนี่ย
ช่วงดึกเยี่ยหวันหวั่นก็อยู่ในห้องของถังถังแล้ว
หลายวันต่อมา เยี่ยหวันหวั่นกลับพันธมิตรอู๋เว่ยกลางวัน ตอนเย็นก็กลับมาอยู่เป็นเพื่อนถังถังที่บ้านตระกูลเนี่ย
ส่วนเรื่องที่เจ้าสวะหมาอี้สุ่ยหานมอบหมายมา เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่ได้ลืม เพียงแต่จะเริ่มตรวจสอบก็กลับยุ่งยากนิดหน่อย
เยี่ยหวันหวั่นไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรวจสอบจากจุดไหน
อันที่จริง วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือตรวจ DNA สักหน่อยก็ได้แล้ว แต่ข่าวที่เยี่ยหวันหวั่นสืบค้นออกมาได้คือ เคยตรวจสอบ DNA ของ ‘เนี่ยอู๋โยว’ แล้ว และ DNA ก็เข้ากันกับของคุณนายเนี่ยและผู้นำตระกูลเนี่ย แล้วก็ยังเป็นแม่แท้ๆ ของถังถังด้วย
ถ้าดูจากแบบนี้ งั้น ‘เนี่ยอู๋โยว’ คนนั้นก็ไม่ใช่ตัวปลอม แต่อี้สุ่ยหานน่าจะไม่โง่ ก็น่าจะรับรู้ว่าพวกเขาเคยตรวจสอบ DNA แล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วทำไมยังต้องให้ตัวเองช่วยตรวจสอบด้วยกัน?
————————————————————————————————–
บทที่ 1524 ขอร้องหนึ่งเรื่อง
“ถังถัง”
ตอนกลางคืน เยี่ยหวันหวั่นนอนกอดถังถังอยู่บนเตียง เอ่ยปากเสียงเบา
“คุณแม่ ผมยังไม่หลับที” ถังถังตอบอย่างรวดเร็ว
“ถังถัง ลูกไม่ชอบแม่เหรอ…” เยี่ยหวันหวั่นถามอย่างสงสัยอยู่บ้าง
ได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น ถังถังกอดเยี่ยหวันหวั่นไว้ “ถังถังชอบคุณแม่…”
“แม่หมายถึง แม่แท้ๆ ของลูกน่ะ” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเอ่ย
ได้ยินดังนั้น ถังถังกลับตกอยู่ในห้วงความคิด หลังผ่านไปสักพักจึงเอ่ยตอบ “ไม่ได้ไม่ชอบแม่แท้ๆ แค่ชอบคุณแม่มากกว่า”
เยี่ยหวันหวั่นหอมใบหน้าน้อยของถังถังดัง ‘จุ๊บ’ หนึ่งที
ยังไม่รอเยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปากพูด ถังถังก็หอมใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นหนึ่งทีเช่นกัน
“ถังถัง เมื่อก่อนแม่ลูกเป็นยังไงเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นถามอีก
“ผมเพิ่งเกิดคุณแม่ก็จากไปแล้ว” ถังถังเอ่ย
ขณะมองถังถัง เยี่ยหวันหวั่นกลับพลันปวดใจ เบบี๋ถังถังที่น่าสงสาร ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่มีพ่อแม่…พ่อแม่แท้ๆ สำหรับเขาน่าจะแปลกหน้ามากสินะ…
ก็ไม่รู้ว่าทำไม เยี่ยหวันหวั่นกระทั่งอยากยกทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองมีให้ถังถัง แต่น่าเสียดาย เธอไม่มีอะไรเลย
ถึงแม้ตัวเองไม่ใช่แม่แท้ๆ ของถังถัง แต่…ตั้งแต่ที่ได้เห็นถังถังเป็นครั้งแรก เธอก็มักมีความผูกพันที่พูดได้ไม่ชัดเจนบางอย่างอยู่ภายใน แม้แต่ตัวเยี่ยหวันหวั่นก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอมองถังถังเป็นลูกชายของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก เยี่ยหวันหวั่นกระทั่งนึกอยู่บ่อยๆ ว่า ถ้าถังถังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองจริงๆ จะดีขนาดไหน…
“ถังถัง ลูกเคยตรวจ DNA กับแม่ลูกไหม” เยี่ยหวันหวั่นถามอีก
“ก่อนเธอกลับมาบ้านก็เคยตรวจสอบแล้ว ไม่มีปัญหาตรงไหนครับ” ถังถังอ้าปากเอ่ย
ได้ยินดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าน้อยๆ
นี่กลับแปลกนิดหน่อยแล้ว…หรือก็คือ ‘เนี่ยอู๋โยว” ไม่ใช่ตัวปลอม เป็นอี้สุ่ยหานที่ระแวงเกินไป?
แม้แต่ DNA ก็ตรวจสอบหมดแล้ว งั้นตัวเองยังต้องตรวจสอบอะไร นี่ไม่ใช่ไม่มีเรื่องแต่รนหาเรื่องเหรอ
‘แต่ ถ้ามีคนกล้าปลอมตัวเป็นคุณหนูตระกูลเนี่ย งั้นก็ต้องเตรียมตัวอย่างเต็มที่…DNA นั่นผิดพลาดได้หรือเปล่า หรือไม่ก็อาจปลอมขึ้นมา’ เยี่ยหวันหวั่นลอบครุ่นคิดในใจ
แต่ถ้าความคิดเธอเป็นจริง แม้แต่ตระกูลเนี่ยหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของรัฐอิสระยังถูกหลอกได้ งั้นเรื่องนี้ต้องไม่ง่ายดายขนาดนั้น…
สมมติว่า ‘เนี่ยอู๋โยว’ นั้นเป็นตัวปลอมจริง และตัวเธอจับแน่นไม่ยอมปล่อย เกรงว่าอาจเสี่ยงชีวิตได้
นึกถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นกลับใจลอยอย่างบอกไม่ถูก
ตอนนี้เธอคือใคร
ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยนะ!
แบดเจอร์ไป๋เฟิงที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่สุดในรัฐอิสระ มีก็แต่คนอื่นกลัวตัวเอง ไหนเลยมีเหตุผลที่ตัวเองต้องกลัวคนอื่น?
อีกอย่าง พันธมิตรอู๋เว่ยตอนนี้อยู่ในกำมือเธอหมดแล้ว ทุกฝ่ายล้วนสวามิภักดิ์เธอ ตราบใดที่แบดเจอร์ตัวจริงไม่กลับมา งั้นเธอก็คือไป๋เฟิง!
ถึงตัวเองจับเรื่องนี้แน่นไม่ปล่อย กระทั่งสืบค้นอย่างเปิดเผย หรือจะยังมีคนกล้ามาหาเรื่องพันธมิตรอู๋เว่ยเหรอ
“จริงสิ ถังถัง…แม่ขอร้องลูกหนึ่งเรื่องได้หรือเปล่า” เยี่ยหวันหวั่นจ้องถังถังพร้อมเอ่ยเสียงเบา
“ได้ครับ คุณแม่พูดมา” ถังถังพยักหน้า
เวลานั้นเยี่ยหวันหวั่นเข้าไปกระซิบข้างหูถังถัง
หลังฟังคำพูดของเยี่ยหวันหวั่นจบ ถังถังมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย “คุณแม่…คุณแม่จะทำอย่างนั้นทำไม”
“ถังถังเชื่อฟังนะ ตอนนี้แม่ไม่สะดวกบอกลูก…ถังถังทำได้ไหม” เยี่ยหวันหวั่นยิ้มน้อยๆ