บทที่ 276
บทที่ 276
ถังหยินใช้ความสามารถที่แท้จริงโดยไม่รอช้า รีบสวมเกราะปราณสีดำ ก่อนใช้พลังปราณแปรสภาพดาบวงพระจันทร์ทั้งสองเล่มให้กลายเป็นเคียวสีดำขนาดใหญ่ !
ผู้เชี่ยวชาญจะต้องยกมือขึ้นสัมผัสและดูว่าเป็นของจริงหรือไม่ ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องยื่นมือออกไป เขาสามารถตัดสินความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้เพียงแค่ดูจากท่าทางของคู่ต่อสู้ !!!
ร่างกายของถังหยินปลดปล่อยคลื่นพลังที่ต่างออกไปจากผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป ทำให้อู่กวนตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายใช้ศาสตร์มืด ! ซึ่งตัวเขานั้นก็ไม่ได้มีโอกาสมากมายนักที่จะได้พบกับผู้ใช้ศาสตร์มืด ดังนั้นอู่กวนจึงไม่กล้าที่จะประมาท
อู่กวนสงบนิ่ง เตรียมพร้อม ไม่คิดที่จะเข้าโจมตีอย่างบุ่มบ่าม ในทางกลับกัน ถังหยินกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ด้วยไวเท่าความคิด เขาก็พลันลงมือฟาดเคียวยาวในมือลงไปในทันที !
เร็วมาก ! อู่กวนตะโกนลั่น กวัดแกว่งดาบทันที “อยู่ !” ตามเสียงตะโกนนั่น ดาบเขี้ยวหมาป่าในมือของเขาก็พลันฟาดฟันลงไปที่คลื่นพลังปราณที่กำลังพุ่งเข้ามา จนมันปะทะกันอย่างรุนแรง และก่อให้เกิดเสียงดังโครมคราม ก่อนคลื่นพลังปราณจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ กระจายไปรอบทิศทางแต่ไม่ได้สลายไปไหน ทิ้งร่องรอยของมันเอาไว้ให้ผู้อื่นพบเห็น
ผู้ชมที่อยู่รอบ ๆ ต่างหวาดกลัวว่าพวกเขาจะได้รับผลกระทบจากคลื่นพลังปราณ ดังนั้นจึงพากันถอยกรูดและเรียกเกราะปราณของตัวเองออกมาป้องกัน
แม้ว่าการฟาดฟันจะทำให้คลื่นพลังปราณแตกเป็นเสี่ยง ๆ แต่อู่กวนก็ยังต้องถอยกลับออกมาเพื่อหลบแรงระเบิด และเมื่อมองไปข้างหน้าอีกครั้ง ถังหยินก็ได้หายตัวไปแล้ว และก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ เขาก็พลันสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่แปรปรวนจากข้างหลัง !
อู่กวนรีบตอบสนองอย่างรวดเร็ว ด้วยรู้ตัวแล้วว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับศาสตร์มืดระดับสูงอย่างวิชาสลับเงา ! ดังนั้นจึงไม่รอช้า เขาพลันฟันสวนกลับไปยังทางที่เขารู้สึกในทันที
แคร้ง ! แคร้ง !
ดาบของเขาฟาดเข้าปะทะกับคมเคียวนั่น ทำให้เกิดประกายไฟปลิวไปทุกหนทุกแห่ง ขณะที่เสียงแหลมของเหล็กกระทบกัน จนสั่นสะท้านไปถึงแก้วหูของทุกคนที่อยู่รายล้อม
พลังอะไรกันเนี่ย ! นี่คือสิ่งที่ถังหยินและอู่กวนคิดในเวลาเดียวกัน
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของอู่กวนได้รับการปลุกปั่นโดยถังหยิน และหลังจากที่เขาตะโกนออกมา ดาบในมือก็พลันส่องแสงเจิดจ้า ก่อนจะตามมาด้วยรังสีกดดันที่แผ่ออก แล้วจึงเป็นอู่กวนที่ตะโกนลั่น ใช้พลังปราณของเขาโจมตีกลับไป !
กางเขนฟาดฟัน เป็นทักษะที่มาจากปราณวายุคลั่งเท่านั้น และเหตุที่ชื่อนี้ ก็ด้วยมันส่งคลื่นปราณนับไม่ถ้วนบินไปในรูปกากบาท จนกลายเป็นรูปไม้กางเขน !
คราวนี้พวกเขาสองคนอยู่ใกล้กันมาก จนเรียกได้ว่าร่างกายของพวกเขาแทบจะสัมผัสกันอยู่แล้ว ซึ่งในระยะใกล้ขนาดนั้น เคียวก็ไม่สามารถเหวี่ยงไปมาได้อีกต่อไป ทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจ ใช้มือข้างหนึ่งของตนซัดต่อยเข้าไปยังคางของอู่กวงในพลัน !
ความเร็วในการตอบสนองของอู่กวนเร็วนัก แต่ถังหยินก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย ทว่าเพียงชั่วพริบตาที่อู่กวงเอนกายหลบ ก็เป็นเขาที่ตวัดเท้าออกไปอย่างแรง จนมันกระแทกเข้าใส่ท้องของถังหยิน
แต่ทว่ายิ่งอีกฝ่ายรวดเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ เงาของคนผู้นั้นก็เร็วมากขึ้นเท่านั้น ทำให้ร่างถังหยินหายไปในชั่วพริบตา ก่อนมาปรากฏอีกครั้งที่ด้านข้างของอู่กวน ทว่าชายร่างใหญ่ก็ไม่ยอม เขาเลือกที่จะไม่หลบ และใช้ดาบฟันสวนกับศอกที่กำลังเข้ามาของชายหนุ่ม !
เนื่องจากมันเป็นเพียงการแข่งขันและไม่ใช่การต่อสู้ที่แท้จริง มีหรือที่พวกเขาจะเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงไปมากกว่านี้ ?
โดยไม่ต้องรอให้ถังหยินทำการโจมตีต่อ อู่กวนก็พลันเปลี่ยนท่าทีและโบกมือไปที่ถังหยิน “ไม่จำเป็นต้องสู้ต่อแล้ว !”
ถังหยินตกตะลึง เขากำลังอารมณ์ดีสุดขีด และยังไม่มีฝ่ายใดที่เพลี่ยงพล้ำชัดเจน เหตุใดพวกเขาจึงหยุดต่อสู้กะทันหัน ?
อู่กวนสลายเกราะปราณออก จากนั้นจึงวางอาวุธในมือลงกับพื้นและกล่าวว่า “ท่านเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด ในขณะที่ข้าฝึกฝนพลังปราณของนิกายแห่งแสง ซึ่งแต่ละสำนักก็ล้วนแล้วแต่มีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นถ้าพวกเราไม่ได้ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายในสนามรบ มันก็คงจะไม่สามารถหาผู้ชนะได้อย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ถังหยินรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลแล้ว ในฐานะผู้ใช้ศาสตร์มืด เขาไม่สามารถต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามอย่างตรงไปตรงมาได้ ชายหนุ่มจึงทำได้แค่ใช้วิชาสลับเงาในการหลบหลีก เพื่อรอจนกว่าอีกฝ่ายจะพลังปราณหมดลงไป !
ถังหยินสลายเกราะปราณไป และหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พลันหันมองไปที่ทุกคน ก่อนจะใช้สายตาจับจ้องไปที่จ้านหูและพูดกับอีกฝ่ายด้วยภาษามอร์ฟีส “จ้านหู ไปสู้กับเขาสิ !” หลังจากนั้นเขาก็ได้กล่าวเสริมว่า “ไม่ต้องกลัวหรอก นี่ไม่ใช่การฆ่ากัน !”
“รับทราบขอรับนายท่าน !” จ้านหูรับคำ แล้วเขาก็วิ่งไปหยิบค้อนขนาดใหญ่ที่เป็นอาวุธประจำตัวมา จากนั้นก็เดินผ่านถังหยินไปหยุดยืนตรงหน้าคู่ต่อสู้ของเขา
ต่อหน้าร่างกายขนาดใหญ่ของจ้านหู อู่กวนได้แต่ต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะมองอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะอดสงสัยไม่ได้ว่าชายตรงหน้านี่คือตัวอะไร ? ผมสีทองและดวงตาสีฟ้า ..นี่เขาเป็นพวกคนเถื่อนต่างแดนงั้นหรือ !
ถังหยินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าพี่ชายสู้กับข้าไม่ได้อย่างเต็มที่ งั้นก็สู้กับเขาคนนี้แทนก็แล้วกัน !”
อู่กวนหัวเราะอย่างขมขื่น ก่อนที่จะเรียกเกราะปราณให้กลับมา เพื่อเตรียมพร้อมต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง
ทั้งสองคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ปราณแสงที่เก่งกาจ และมันก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ !
ในความเป็นจริง แม้ว่าจ้านหูจะไม่อ่อนแอ แต่เขาก็อยู่ในระดับปราณบรรพกาลเท่านั้น ผิดกับพลังของอีกฝ่ายที่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครที่สามารถจะประเมินได้ !!
ทว่าก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าความแข็งแกร่งของจ้านหูนั้นน่าประทับใจมากทีเดียว ..อันที่จริง เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นเลยด้วยซ้ำไป ด้วยในขณะนี้เขากำลังเหวี่ยงค้อนขนาดใหญ่ในมือไปมา มันก็ทำให้แม้แต่อู่กวนก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า
ทั้งสองคนปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ผู้คนรอบข้างเริ่มถอยห่างออกไปอีกครั้ง ด้วยพวกเขาทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังออกมาโดยรอบ ซึ่งพลังของทั้งคู่ก็น่าประทับใจยิ่งนัก !!
ในชั่วพริบตานั้น อู่กวนและจ้านหูก็ได้ปะทะกันไปมากกว่า 30 กระบวนท่าแล้ว แต่ทว่าจนถึงตอนนี้การป้องกันและการตอบโต้ของอู่กวนก็ยังคงเฉียบคมเช่นเคย อย่างไรก็ตาม การโจมตีที่รุนแรงของจ้านหูเองก็ยังคงก้าวร้าวและน่าเกรงขามไม่ต่างไปจากตอนแรกเช่นกัน !
หลังจากที่ทั้งสองต่อสู้กันมากว่า 50 กระบวนท่า ก็เป็นถังหยินที่เดินเข้าไปในสนามรบและตะโกนว่า “พวกเจ้าหยุดได้แล้ว ! ”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกน อู่กวนและจ้านหูก็พลันทิ้งระยะห่างออกจากกัน และจึงจะหันมองไปยังต้นเสียง
ถังหยินมองไปที่พวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันชายหนุ่มก็แอบถอนหายใจกับตัวเองอย่างลับ ๆ ด้วยถ้ามีคนที่ทรงพลังเช่นอู่กวนอยู่ในเมืองนี้อีก มันก็คงจะน่ากลัวไม่น้อย !
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ถังหยินก็พลันยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยกับอู่กวนไปว่า “เจ้าแพ้แล้ว !”
“ข้า… แพ้ ?” ใบหน้าของอู่กวนเต็มไปด้วยความงุนงง ด้วยเขาต่อสู้กับ ‘คนเถื่อน’ อย่างสูสีกัน แล้วเขาจะแพ้ได้อย่างไร ?
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายเผยให้เห็นความสับสน ถังหยินก็พลันหัวเราะและถามว่า “พวกเจ้าปะทะกันไปกี่กระบวนท่า ?”
อู่กวนคำนวณในใจและพูดว่า “ประมาณห้าสิบ”
“แล้วผลลัพธ์เล่า ?”
“ถูกปัดป้องเอาไว้ได้ทั้งหมด !”
“นั่นแหละเหตุผล !”
“หมายความว่ายังไง ?”
ถังหยินหัวเราะ “ตอนที่ข้าสู้กับเขาครั้งแรก ข้าปะทะกับเขาไปทั้งหมด 50 กระบวนท่ากว่าที่จะเอาชนะเขาได้ แต่เจ้าใช้ไป 50 กระบวนท่าแล้วก็ยังไม่อาจชนะเขาได้ …และนั่นแหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าถึงแพ้ !”
ที่แท้นี่ก็คือสิ่งที่ถังหยินหมายถึง ! ในที่สุดอู่กวนก็เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มถึงบอกว่าเขาแพ้
ถังหยินหัวเราะร่วน ปากร้องถาม “หรือว่าเจ้าไม่เชื่อว่าข้าพูดความจริง ?”
ในประเด็นนี้อู่กวนไม่แน่ใจนัก แต่เนื่องจากถังหยินเป็นผู้ว่ามณฑล ดังนั้นอีกฝ่ายก็ย่อมไม่อาจพูดไร้สาระต่อหน้าทุกคนได้ และหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พลันยืนมือออกไปจับกันและพูดว่า “ข้าแพ้แล้ว !”
ดวงตาของถังหยินสว่างขึ้น ปากเอ่ยถามในทันทีทันใดโดยไม่รอช้า “ถ้าอย่างนั้นข้าก็นับว่าเจ้าแพ้ได้สินะ ?”
อู่กวนตกใจ ก่อนจะพยักหน้ายอมรับอย่างเงียบ ๆ
ถังหยินถามอย่างไม่แน่ใจ “ข้าพอรู้ภูมิหลังของเจ้ามาบ้าง แต่ข้าก็คงต้องขอให้เจ้าลืมมันไปเสีย และจงมาเข้าร่วมกับกองทัพของข้า !”
ในเวลานี้เป็นทีอู่กวนหัวเราะบ้างแล้ว ก่อนที่เขาจะพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ที่จริงแล้วข้านั้นยินดีที่จะเข้าร่วมกับกองทัพของท่านอยู่แล้ว เรื่องแพ้ชนะอะไรนั่นข้าไม่ได้สนใจตั้งแต่แรก ด้วยข้ายินดีที่จะรับใช้ท่าน ต่อให้บุกน้ำลุยไฟแม้ตายข้าก็ไม่เกี่ยง !”
คำพูดของเขาไม่ได้เป็นการข่ม และแม้ว่าอู่กวนนั้นจะเกิดมาจากตระกูลที่ร่ำรวย ทว่าเขาก็เกิดมาพร้อมกับความทะเยอทะยานที่สูงส่ง ผนวกกับในปัจจุบันนี้ ที่แคว้นเฟิงเกิดความสับสนวุ่นวาย จนทำให้เขาเกิดความตั้งใจที่จะเข้าร่วมกองทัพเพื่อแสวงหาอำนาจ !
แต่ด้วยทรัพย์สินมากมายที่มี มันก็ทำให้เขาไม่อาจที่จะละทิ้งมันไปได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้ทรัพย์สมบัติให้หมด เพื่อที่ตัวเองจะได้เข้าร่วมกองทัพโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น !
ตอนนี้ถ้าถังหยินมีความตั้งใจที่จะรับเขา งั้นแล้วเขาเองก็ยอมรับที่จะเข้าร่วมเช่นกัน !
นอกจากนี้ จากการต่อสู้กันก่อนหน้า มันก็ทำให้เขามีความเข้าใจคร่าว ๆ เกี่ยวกับถังหยิน และความสามารถของผู้ใต้บังคับบัญชาของอีกฝ่ายมากขึ้นแล้ว ซึ่งตัวเขาก็รู้ดีถึงพรสวรรค์อันมากมายของถังหยิน …และการได้อยู่ใต้บังคับบัญชาของคนผู้นี้ ก็นับเป็นก้าวแรกสู่ความยิ่งใหญ่ของตน !!
เมื่อเห็นท่าทีของอู่กวน ถังหยินก็ดีใจมาก เขารีบก้าวไปข้างหน้าแล้วคว้าแขนของอีกฝ่ายไว้ ก่อนพูดอย่างจริงจัง “ตอนนี้เป้าหมายหลักของพวกเราคือการเด็ดหัวซ่งเทียน และเมื่อข้าได้เจ้ามาช่วย งั้นแล้วก็ถือว่ากองทัพของเราแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นแล้ว ! ”
“ท่านกล่าวเกินไปแล้ว !” อู่กวนโค้งคำนับทันที
ใบหน้าของถังหยินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
อู่กวนผู้นี้จะกลายเป็น 1 ใน 4 แม่ทัพกองหน้าผู้ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับแม่ทัพหลงเซียว แม่ทัพผู้กล้าหาญที่มีชื่อเสียง และพอ ๆ มีชื่อพอกับหยวนยู่เลยทีเดียว !
ถังหยินไม่ได้อยู่ในชุนโจวนานเกินไปนัก ด้วยพวกเขาได้รับข่าวจากกองทัพชานชุยนับแสนคนที่นำโดยเหลียงฉีและหยวนยู่ ที่ว่ามาตอนนี้พวกเขาก็ได้เข้าสู่ทะเลทรายดูกี และกำลังมุ่งหน้าไปยังประตูตงด้วยความเร็วเต็มที่
หลังจากได้รับข่าว ถังหยินก็พลันออกเดินทางทันที และภายใต้กองทหารจำนวนหนึ่ง พวกเขาก็พากันใช้เส้นทางสวรรค์ เพื่อเตรียมมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ !!