บทที่ 62 สไลม์ขยะ
อย่างน้อย ‘สไลม์ขยะ’ นี้ถึงแม้จะถูกเรียกว่า ‘ขยะ’ แต่ก็ไม่ใช่… อืม แต่มันก็ยังเหมือนขยะมากอยู่ดี
ถึงอย่างนั้นก็คงไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว
พลังโจมตีและพลังป้องกันทั้งหมดเป็นศูนย์ ดูเหมือนว่าไม่เหมาะสำหรับการประลอง แต่ท่าไม้ตาย [กรดในกระเพาะที่แข็งแกร่ง] สามารถใช้จัดการกับขยะได้
แทนที่จะเป็น ‘สไลม์ขยะ’ ดาร์กชอบเรียกมันว่า ‘สไลม์ถังขยะ’ มากกว่า!
“จงออกมา!”
หลังจากใช้คาถาอัญเชิญปกติเพื่อเรียกสไลม์ขยะออกมา ดาร์กก็ได้ลองเสริมพลังด้วย [อัตตา I] [อัตตา II] และ [ราคะ I]
บางทีเพราะโครงสร้างสมองของสไลม์ขยะนั้นเรียบง่ายเกินไป มันจึงไม่สามารถแสดงอาการ ‘เย่อหยิ่ง’ และ ‘ความใคร่’ ออกมาได้
และระดับสติปัญญาก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ตามกฎทั่วไป ระดับสติปัญญามาตรฐานของสปิริตควรเป็น 2.0
แต่ระดับสติปัญญาของสไลม์ขยะนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่ระหว่าง 1.0 – 2.0 ซึ่งเหนือกว่าพารามีเซียมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มันสามารถเข้าใจคำสั่งได้ แต่ตอบสนองช้ามาก
รู้สึกราวกับมีค่าตอบสนองช้ามากกว่าพันหน่วย
มันทำให้ดาร์กสงสัยว่าเป็นเพราะมีอะไรผิดพลาดระหว่างกระบวนการกลั่นหรือไม่
แต่เมื่อดาร์กนึกถึงขนแมว และเล็บที่เขาโยนเข้าไปในวงแหวนขัดเกลาเวทมนตร์หมายเลข 1 เขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
เทคโนโลยีเวทมนตร์เป็นเทคโนโลยียุคใหม่ที่พัฒนาขึ้นจากการเล่นแร่แปรธาตุ ดังนั้นมันจึงเป็นไปตาม ‘กฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม’ ในระดับหนึ่ง
สำหรับส่วนที่ไม่เท่าเทียมกันนั้น
เหล่าจอมเวทมักเรียกติดตลกว่า ‘ขโมยเอาจากประตูแห่งสัจธรรม’
…
ต่อไปดาร์กได้ทำการทดลองตามวิธีการกลั่นขั้นพื้นฐานของ [ประเภทนกและสัตว์ – คุณสมบัติหญ้า]
คราวนี้การทดลองล้มเหลวโดยไม่คาดคิด และการ์ดเวทมนตร์เปล่าก็ถูกทำลายโดยตรง
ดาร์กไม่รู้ว่าทำไม อาจเป็นเพราะ ‘ประเภทนกและสัตว์’ ไม่ตรงกับขนของหญ้าแมวหรือไม่?
สุดท้ายเขาก็อัญเชิญสไลม์ขยะออกมาเพื่อกำจัดขยะที่เหลือทั้งหมด
อย่างไรเสีย การเก็บเกี่ยวในคืนนี้ยังถือว่าดีมาก
สไลม์ขยะทำให้การกำจัดขยะสะดวกและง่ายขึ้นมาก จนเขาไม่ต้องขนขยะไปทิ้งอีกต่อไป!
หลังจากจำแนกข้อมูลการทดลองแล้ว ดาร์กก็ตัดสินใจทำการทดลองต่อในคืนพรุ่งนี้
คืนนั้น เด็กชายหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มหวาน
…
เวลาสิบโมงตรง
ในสถาบันเซนต์แมเรียน นักเรียนที่ไม่โหยหาความบันเทิงยามค่ำคืน โดยเฉพาะนักเรียนปีหนึ่งมักจะไม่นอนดึกเกินไป
ห้องส่วนกลางเกือบจะว่างตั้งแต่ตอนสามทุ่มครึ่ง
ส่วนใหญ่จะย้ายกิจกรรมบันเทิงไปที่ห้องพักแทนที่จะอยู่ในห้องนั่งเล่น
ณ ห้องนั่งเล่นส่วนกลางของบ้านอัศวิน
เชิงเทียนเหนือดาบไขว้ที่เอาไว้ตกแต่งยังคงลุกโชน
มันคือแสงเทียนอันเป็นเอกลักษณ์ของเทียนเวทมนตร์ และในขณะที่มันสว่างเพียงพอ ก็ยังสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่ไม่ทำร้ายดวงตา
ณ มุมห้องส่วนกลาง
เอ็มม่าน่าจะเป็นคนสุดท้ายที่กลับไปที่ห้องพัก
เธอมักจะกลับจากห้องสมุดมาที่ห้องนั่งเล่นตอนประมาณสามทุ่ม
นี่อาจเป็นความดื้อรั้นครั้งสุดท้ายของเด็กหญิงตัวน้อย จริง ๆ แล้วเธอไม่ต้องการถูกตัดขาดจากกิจกรรมทางสังคมโดยสิ้นเชิง
ในเรื่องนี้ดาร์กแตกต่างจากเธออย่างมาก
จนกระทั่งไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมอีก เอ็มม่าทำหน้าบึ้ง หยิบหนังสือแล้วเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง
หอพักชายอยู่ด้านซ้าย หอพักหญิงอยู่ด้านขวา
แม้ว่าทางเดินจะเชื่อมกัน แต่ก็มีบันไดแยกแต่ละฝั่งของชั้นหนึ่ง ดังนั้นเด็กชายและเด็กหญิงจึงมักจะเดินไปคนละฝั่ง
เมื่อเอ็มม่าจากไป เทียนบนเชิงเทียนก็ดับลงโดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน แสงเทียนก็กลับมาสว่างอีกครั้ง!
เอ็มม่าเพิ่งจะเดินขึ้นไปบนชั้นสอง แต่ตอนนั้นเองที่เธอสังเกตเห็นแสงไฟที่มาจากชั้นล่าง ในใจจึงอดรู้สึกสงสัยไม่ได้
เวลานี้ใครอยู่ข้างล่างกัน?
ความอยากรู้ของเธอนั้นมีมากจริง ๆ
ดังนั้นเธอจึงย่องเท้าเบา ๆ แล้วชะโงกหัวออกจากชั้นบนสุดของบันได พลันได้เห็นบุตรแห่งวีรบุรุษที่กำลังเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น!
เวอร์เธอร์ กาวด์? เวลานี้เขาจะไปไหนกัน?
เอ็มม่าตั้งใจจะตามเพื่อนร่วมบ้านไป
แต่หลังจากคิดอีกครั้งก็เปลี่ยนใจ ท้ายที่สุดแล้ว ที่ที่เวอร์เธอร์จะไปก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธออยู่ดี
เพราะงั้นเอ็มม่าจึงถือหนังสือเดินกลับไปที่ห้องพักเหมือนเดิม
…
ทว่าที่บันไดฝั่งตรงข้าม มีอีกคนที่แอบย่องลงมาข้างล่างอย่างเงียบ ๆ
เป็นโรเบิร์ต บร็อกไฮม์!
หลังจากอาบน้ำเสร็จ โรเบิร์ตก็นอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานานและเพราะนอนไม่หลับสักที เขาจึงอยากไปหาเวอร์เธอร์เพื่อเล่นเกมสักตา
น่าแปลกที่เขาบังเอิญเห็นเพื่อนสนิทแอบออกมาจากหอพัก
โรเบิร์ตไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาไม่ได้ส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายแต่อย่างใด
นั่นเพราะเขารู้มาสักพักแล้วว่าเวอร์เธอร์แอบออกไปข้างนอกในตอนกลางคืน
ทุกครั้งที่ถามอีกฝ่าย เวอร์เธอร์ก็จะเปลี่ยนเรื่องไป ไม่ยอมบอกเขา
โรเบิร์ตรู้เพียงว่ามันเกี่ยวข้องกับ [ความรักต้องห้าม] ในมือของเวอร์เธอร์
‘เขามีความลับระหว่างเพื่อนได้ยังไงกัน?’
โรเบิร์ตต่างจากเอ็มม่า
เด็กชายเดินตามเพื่อนสนิทไปอย่างเงียบ ๆ
…
ค่ำคืนผ่านพ้น
ตะวันฉายแสงขับไล่ความมืดมิดในยามราตรี
เช้าตรู่มาเยือนเซนต์แมเรียนอีกครั้ง
ดาร์กตื่นจากการหลับใหลและเกิดความคิดขึ้นในทันใด
“ถ้าฉันเอาสไลม์ขยะมาทาหน้า มันจะดูดสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขนบนใบหน้าเหมือนกับมาสก์บำรุงผิวชั้นหนึ่งไหมนะ?”
เขาลองใช้กับฝ่ามือก่อน และพบว่ามันมีประโยชน์จริง ๆ
จากนั้นเขาก็ทาสไลม์ขยะลงบนใบหน้าจริง ๆ เหลือไว้แต่จมูกและปากของเขา
สไลม์ขยะดิ้นไปมาช้า ๆ บนใบหน้าของเขา เด็กชายรู้สึกคันและเย็นเล็กน้อย
แต่เมื่อเขาดึงมันออกในห้านาทีต่อมา ดาร์กก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันใด!
“อ๊ะ! นี่มัน!”
ดาร์กมองดูสิ่งสกปรกเป็นจุด ๆ ถูกย้ายจากพื้นผิวของสไลม์ขยะโปร่งใสไปยังแกนเล็ก ๆ ด้านใน ทำให้เกิดจุดสีดำขนาดเล็ก
จากนั้นสไลม์ขยะก็ใช้สกิล [กรดในกระเพาะที่แข็งแกร่ง] ย่อยจุดด่างดำอย่างรวดเร็ว
“นี่มันวิเศษมาก!”
หลังจากล้างหน้าอีกครั้ง ดาร์กก็มองใบหน้าของเขาในกระจก รู้สึกว่ารูขุมขนของเขาบางลงและใบหน้าก็เรียบเนียนขึ้น
“ทำไมไม่มีใครค้นพบสปิริตที่มีประโยชน์เช่นนี้เลย? หรือสไลม์ขยะตัวอื่นแตกต่างจากของฉัน?”
เมื่อดาร์กคิดว่าจะไปห้องสมุดในตอนเที่ยงเพื่อตรวจสอบดู เขาก็เก็บหนังสือเรียนและออกจากหอพักไป
รุกกี้เดวิมอนนำอาหารเช้ามาให้ และวันนี้ก็มี ‘เดลี่เสจ’ อยู่ในตะกร้าด้วย
เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะรุกกี้เดวิมอน เชฟลูกผสมจึงเริ่มชอบดาร์ก เดม่อน ซึ่งเป็นเจ้านายของมันไปด้วย
ขณะที่อ่านหนังสือพิมพ์เพื่อให้รู้เหตุการณ์ปัจจุบันในอาณาจักร ดาร์กก็กินไส้กรอกและไข่พร้อมกับมิลก์เชคไปด้วย
ตอนที่อ่านหนังสือพิมพ์เกือบเสร็จ อาหารเช้าก็หมดลงแล้ว
แต่ก่อนที่เขาจะใส่จานลงในตะกร้า เพื่อให้รุกกี้เดวิมอนส่งกลับไป
ดาร์กกลับคิดว่านั่นมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เพราะในที่สุด วันนี้เขาก็มีเครื่องล้างจานอัตโนมัติแล้ว
…สไลม์ขยะดูดคราบนมบนจานอย่างรวดเร็ว และภาชนะทั้งชุดก็ถูกทำความสะอาดจนเหมือนใหม่
หลังจากที่รุกกี้เดวิมอนส่งตะกร้ากลับไป เชฟลูกผสมก็แปลกใจเล็กน้อย พวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าบุตรชายของวัลคีรีมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
เวลาประมาณเจ็ดโมงกว่า
ระหว่างทางไปชั้นเรียนการประลอง ดาร์กเจอกับเวอร์เธอร์ที่ดูตื่นตระหนกและเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง
เขาสับสนเล็กน้อย
แต่เพราะเวอร์เธอร์วิ่งหนีไปแล้ว ดาร์กเลยไม่ได้ไล่ตามอีกฝ่าย
สิบนาทีต่อมา
ทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงกรีดร้องออกมาจากมุมปราสาท
“อ๊าาา!”
ช่างเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ได้น่าตื่นเต้นเสียจริง