ตอนที่ 9 – ฝันร้าย
“ปลาที่ว่ายน้ำผมยอมรับ แต่ไม้ที่กวนอึนี่มันเป็นคำพูดคนเหรอ” หลินเสี่ยวเสี้ยวเบิกตาจ้องไปทางเยี่ยหว่าน “เจ้านายแขวะฉันยอม นายเล่นบ้า ๆ อะไร”
“เรื่องจริงก็พูดจริงเท่านั้น” เยี่ยหว่านตอบกลับเรียบ ๆ “คุยธุระกัน นายวางแผนจะทดสอบเด็กนั่นยังไง”
หลินเสี่ยวเสี้ยวคิด ๆ ดู จากนั้นยิ้มอย่างแฝงด้วยความหมาย เอ่ยว่า “ให้เขาฝันร้ายก่อน”
เยี่ยหว่านขมวดคิ้ว “เอาพอประมาณนะ”
“วางใจเถอะ”
ตอนนี้ด้านหลังแถวรับข้าวของพวกนักโทษเกิดความวุ่นวาย หลินเสี่ยวเสี้ยวมองไป
เรือนจำหมายเลข 18 เป็นเหมือนกับกล่องเหล็กว่างเปล่าขนาดมหึมา ตอนรับข้าว หุ่นยนต์ผู้คุม 21 ตัวกระจายอยู่ทั่วสารทิศ ทุกตัวล้วนถือปืนบรรจุกระสุนจริง
พวกมันไม่มีอารมณ์ของมนุษย์ และจัดการกับสถานการณ์ทุกสิ่งที่ปะทุขึ้นในเรือนจำนี้
หุ่นยนต์ผู้คุม 21 ตัวเทียบกับนักโทษสามพันกว่าคนแล้วน้อยไปหน่อย แต่นักโทษทุก ๆ คนในที่แห่งนี้ล้วนทราบว่าโดรนและปืนกลเหล็กหกปากกระบอกปืนที่ฝังอยู่บนเพดานโดมสูง ๆ เหนือศีรษะจึงเป็นภัยคุกคามที่แท้จริง
เย็นเยียบ และทรงพลัง
ตอนรับข้าวกลางวัน นักโทษทุกคนล้วนมายืนเรียงเป็นแถวกันนอกโรงอาหารอย่างตรงต่อเวลา จากนั้นรับข้าวตามลำดับชั้น
ไม่เพียงเท่านี้ นักโทษทุกคนล้วนยังจะต้องยืนอยู่ที่ตำแหน่งของตนเอง
มีคนใหม่ที่จำตำแหน่งในแถวของตนเองไม่ได้ก็จะถูกหุ่นยนต์ผู้คุมเข้ามาล้อมส่งเสียงเตือนทันที ถ้าหากหลังเตือนแล้วยังไม่กลับตำแหน่งก็จะถูกพวกหุ่นยนต์ผู้คุมเอาไฟฟ้าช็อก จากนั้นคุมตัวพาไปยังตำแหน่งของพวกเขา
พวกนักโทษใหม่ตอนเช้าก็โดนพิธีรับน้องก่อน ตอนนี้หัวหมุนตาลาย ไหนเลยยังจะจำได้ว่าตนเองเดิมยืนอยู่ตรงไหน ดังนั้นถูกหุ่นยนต์ผู้คุมใช้ไฟฟ้าช็อกลงโทษกันถ้วนหน้า
แล้วนักโทษเก่าล่ะ แต่ละคนรอพวกเขาขายขี้หน้าเหมือนดูเรื่องตลก นี่คล้ายจะเป็นรายการบันเทิงขาประจำหลังจากที่นักโทษใหม่ถูกคุมตัวเข้ามาทุกครั้ง
ขณะนี้เหล่านักโทษเก่าจู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีสิ่งที่ไม่ถูกต้องนิดหน่อย เด็กหนุ่มที่เล่นหมากรุกกับหลี่ซูถงเมื่อเข้าคนนั้นทำไมไม่ถูกลงโทษล่ะ
สายตาทุกคนส่องหาในกลุ่มคน และค้นพบด้วยความประหลาดใจว่าชิ่งเฉินกำลังยืนอยู่ในตำแหน่งของเขาเอง สังเกตมองทุกสิ่งด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ประหลาดชะมัด แถวทุกแถวอย่างน้อยล้วนมีคนห้าร้อยคน ใบหน้าแปลกหน้ามากมายขนาดนี้ยืนอยู่ด้วยกัน เด็กหนุ่มนี่อาศัยอะไรถึงสามารถหาตำแหน่งของตนเองได้
ส่วนชิ่งเฉินกำลังมองประเมิน “เหล่าคนใหม่” ที่เข้าคุกมาพร้อมกับตนเองเหล่านี้อยู่
เห็นแค่ว่าคนใหม่เหล่านี้แต่ละคนบนใบหน้าไม่มีรอยแผลอะไรทั้งสิ้น แต่ท่าเดินกลับพิลึกเป็นพิเศษ คล้ายกับว่ากำลังทนต่อความเจ็บปวดอยู่
ดูท่าการลงมือของเหล่านักโทษก็มีผ่อนหนักผ่อนเบา ไม่ตีหน้า ลงมือก็ไม่ถึงชีวิต
เขาถือถาดเดินไปข้างหน้า แต่จู่ ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งดึงเขาออกจากแถวรับข้าว
ชิ่งเฉินตะลึงไป เขาหันหน้าไปมองหลินเสี่ยวเสี้ยวดึงเขาออกเดินพลางพูดว่า “ทีหลังคุณไม่ต้องไปเข้าแถวกับพวกเขาแล้ว คนที่สามารถเล่นหมากรุกกับเจ้านายจะเข้าแถวอะไรอีก”
ชิ่งเฉินมองไปทางหุ่นยนต์ผู้คุมจากจิตใต้สำนึก กลัวว่าตนเองเดินออกจากแถวแล้วจะถูกไฟฟ้าช็อกลงโทษ
ผลคือ เขากลับพบว่าหุ่นยนต์ผู้คุมไม่สนใจตนเองโดยสิ้นเชิง แถมยังกระตุ้นให้นักโทษคนอื่นเติมตำแหน่งของเขาอีก!
ชิ่งเฉินคิดไม่เข้าใจเลย ถึงหลี่ซูถงกับพวกจะมีสถานะพิเศษก็ไม่น่าจะพิเศษถึงขั้นนี้ไหม?!
หลินเสี่ยวเสี้ยวดึงเขาทะลุผ่านหลายแถวยาวเหยียด รับข้าว นั่งกินข้าวตรงข้ามหลี่ซูถง การกระทำทุกขั้นตอนเสร็จสิ้นในรวดเดียว
เหล่านักโทษสองฝากฝั่งมองดูฉากเหตุการณ์นี้เงียบ ๆ สายตาของทุกคนล้วนผนึกแน่นอยู่บนตัวของชิ่งเฉิน
สภาพแวดล้อมซึ่งเดิมทีหนวกหูสงบเงียบลงไปในพริบตา คล้ายกับว่าทุกคนถึงขนาดกลั้นลมหายใจกันแล้ว
ชั่วขณะนี้พวกเขาตระหนักแล้วว่าชิ่งเฉินกับพวกเขาไม่เหมือนกันอีกต่อไป
หลินเสี่ยวเสี้ยวนั่งยอง ๆ บนเก้าอี้ข้าง ๆ ชิ่งเฉินยิ้มแฉ่งกล่าวว่า “ไม่ต้องตะลึงไป คนที่สามารถเล่นหมากรุกกับเจ้านายย่อมต้องมีการดูแลเป็นพิเศษหน่อย รีบกินเข้า ถึงอาหารในคุกหมายเลข 18 นี่จะไม่น่ากินสักนิดก็เหอะ”
ชิ่งเฉินเงยหน้ามองทางหลี่ซูถงที่ฝั่งตรงข้าม อีกฝ่ายกินอาหารช้ามาก ๆ ไม่มีความตั้งใจจะพูดคุยกับเขาเลย
เขามองไปทางกลุ่มคนอีก ลู่ก่วงอี้ในแถวกำลังยกนิ้วโป้งชูให้เขาลับ ๆ…..
ชิ่งเฉินไม่เข้าใจ ตอนเช้าหลี่ซูถงยังแค่ยินยอมจะเล่นหมากรุกกับตนอง ทำให้พอถึงเที่ยงท่าทีที่มีต่อตนเองถึงได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้
เป็นเพราะสถานะของตนเองในโลกใบนี้หรือ
……..
20 นาฬิกา 40 นาที ชิ่งเฉินกลับไปที่ห้องขังของตนเองตามเวลาที่กำหนด
ตอนที่คนอื่น ๆ ล้วนเข้าแถวกลับห้องขังเขาลองเคลื่อนไหวอย่างอิสระนอกแถว หุ่นยนต์ผู้คุมพวกนั้นไม่สนใจเขาอีกต่อไปตามคาด
ขอเพียงทิศทางที่เขาก้าวเดินเป็นห้องขังของตัวเอง หุ่นยนต์ผู้คุมก็จะไม่เพ่งความสนใจมาที่ตัวเขา
เหล่านักโทษพากันใช้แววตาอิจฉามองเขา ชิ่งเฉินเดินบนทางเดินยาว ๆ คล้ายกับเป็นสุนัขป่าโดดเดี่ยวหนึ่งตัว
ในห้องขังเดี่ยวว่างเปล่า หลังจากรอให้ประตูเลื่อนโลหะปิดสนิท เขาเดินไปที่อ่างล้างหน้าอยากจะล้างหน้าแปรงฟันก่อน
เพียงแต่เดินยังไม่ถึงสองก้าว จู่ ๆ ชิ่งเฉินก็รู้สึกถึงความง่วงอย่างรุนแรงเข้าครอบงำ
ความง่วงที่มานี้ไม่ปกติอย่างยิ่ง ถึงเขาจะใช้สมองเกินขนาดในตอนกลางวันก็ไม่ถึงขนาดจะง่วงจนพลังจิตใจยังไม่สามารถสนับสนุนก้าวเดินของเขาได้
ประหลาด!
คิดไม่ทันแล้ว ชิ่งเฉินนอนลงบนพื้น
ในฝัน ชิ่งเฉินยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นคฤหาสถ์ขมุกขมัวแห่งหนึ่งด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
เริ่มแรกเขารู้ว่านี่เป็นความฝัน แล้วก็ทราบชัดว่าร่างของตนเองที่จริงแล้วยังอยู่ในห้องขัง
แต่สองวินาทีให้หลังเขาก็ลืมเลือนทุกสิ่ง คล้ายกับว่าเดิมทีเขาก็ควรจะอยู่ที่นี่อยู่แล้ว แล้วก็จำไม่ได้อีกต่อไปว่านี่เป็นความฝัน
ในห้องนั่งเล่นคฤหาสถ์มีฟืนที่กำลังลุกไหม้อยู่ในเตาผิง ในห้องมีกลิ่นชื้น ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ประเภทหนึ่ง น้ำในห้องกำลังถูกเตาผิงอบจนระเหยเป็นไอ ควบแน่นอยู่บนเพดาน
เพดานสูง ๆ มีโคมระย้าคริสตัลแขวนอยู่ ชิ่งเฉินมองไปรอบ ๆ แล้วก็ยังไม่สามารถหาสวิทต์เปิดมันเจอ
ในห้องนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด
ม่านตาของชิ่งเฉินหดตัวลงกะทันหัน
บันไดขึ้นชั้นสองมีรอยเลือด
บนโซฟาที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นมีรอยเล็บแมว เบาะหนังถูกเล็บแหลมคมตัดขาดจนเป็นเส้นเป็นริ้ว
บนชั้นเหนือเตาผิงวางกรอบรูปเอาไว้ กระจกของกรอบรูปถูกคนทุบแตก รูปถ่ายหายไปไร้ร่องรอย
บนผนังมีรอยมีดสีฟ้าเทา ตอนที่เปลวไฟในเตาผิงปะทุขึ้นมา รอยบนผนังนั้นกับรอยขาดบนโซฟาบิดเบี้ยวอย่างพิสดาร
บนพรมมีมีดเปื้อนเลือดหนึ่งเล่ม
มีคนใช้เลือดเขียนตัวหนังสือที่สะดุดตาสองตัวบนพื้นข้าง ๆ พรมว่า มีผี
ก๊อก ๆๆ ที่ประตูมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
ชิ่งเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก เขาเดินไปทางประตูโดยไม่ได้แตะต้องสิ่งของใด ๆ ภายในห้อง “ใคร”
ข้างนอกมีเสียงสบาย ๆ ดังออกมา “ตำรวจครับ หมายเลขเหตุร้าย 27149 เป็นคุณที่แจ้งเหตุรึเปล่าครับ โปรดเปิดประตูด้วย”
ชิ่งเฉินขมวดคิ้ว เสียงที่อีกฝ่ายพูดมาคุ้นเคยมากเห็น ๆ แต่เขากลับคิดไม่ออกว่าตนเองเคยได้ยินมาจากที่ไหน
ประหลาด พลังความทรงจำของตนเองปรากฏปัญหาขึ้นแล้วหรือ
เขาลังเลแล้วเปิดประตู ข้างนอกเป็นตำรวจหนุ่มคนหนึ่ง ในมือถือสมุดบันทึกคดี
ตำรวจนั้นพอประตูเปิดก็เห็นเลือดไหลนองลงมาจากบันไดขึ้นชั้นสอง เขาก้าวเท้าเร็ว ๆ ขึ้นบันได เดินพลางพูดพลางว่า “ผู้แจ้งเหตุครับ โปรดยืนอยู่ที่เดิมอย่าขยับ ล็อคประตูให้ดีด้วยครับ!”
ชิ่งเฉินกังขาอยู่บ้าง สไตล์การทำงานของนายตำรวจคนนี้ไม่เหมือนกระบวนการตามปกติ ไม่มีแม้แต่ปืน
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาเชื่อฟังคำสั่งของอีกฝ่ายจากจิตใต้สำนึก
นายตำรวจหนุ่มขึ้นบันไดไปแล้ว ชิ่งเฉินยืนอยู่ที่ปากประตูตั้งแต่ต้นจนจบ
ยังไม่ถึงครึ่งนาที นอกประตูดันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอีกครั้ง
ชิ่งเฉินถามว่า “ใคร”
“ตำรวจครับ หมายเลขเหตุร้าย 27149 เป็นคุณที่แจ้งเหตุรึเปล่าครับ โปรดเปิดประตูด้วย”
ชิ่งเฉินอึ้งไป หมายเลขเหตุร้าย 27149 ไม่ใช่ขึ้นบันไดไปแล้วเหรอ งั้นนอกประตูเป็นใคร
ชั่วขณะนี้ ในจิตใต้สำนึกจู่ ๆ มีคนใช้น้ำเสียงหดหู่อึมครึมถามเขาว่า : เวลานี้คุณจะทำอย่างไร คุณเดาสิว่าในประตูนอกประตูสรุปแล้วคนไหนเป็นตัวจริง หรือว่า ล้วนไม่ใช่ตัวจริง
ตำรวจนอกประตูกำลังร้องเร่งว่า “สวัสดีครับ โปรดเปิดประตูด้วย”
ชิ่งเฉินสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปในห้อง เขาอยากจะก้มตัวลงหยิบมีดเปื้อนเลือดที่วางอยู่บนพื้น แต่ระหว่างเขากับมีดเหมือนจะมีเกราะใสหนึ่งชั้นขวางกั้นเอาไว้
เขากับมีดมีระยะห่างเพียงหนึ่งก้าว แต่ไม่สามารถสัมผัสได้ตลอดกาล
มีคนไม่อยากให้เขาหยิบมีด
มีคนอยากขังเขาเอาไว้ที่นี่
แต่ตัวเลขนับถอยหลังบนแขนของเขายังขยับ หัวใจกับเลือดของเขาก็ยังเต้นยังไหล
เขามาที่โลกจักรกลอันเย็นชานี้ตัวคนเดียวอย่างไร้ห่วงไร้กังวล ไม่มีหนทางหันหลังกลับให้เดินได้แล้ว
“ไสหัวไป” ชิ่งเฉินกล่าวเสียงเย็น ม่านตาในดวงตาหดลงอีกครั้ง คล้ายกับใช้พลังจิตทั้งหมดเปลี่ยนเป็นคมมีดกรีดสิ่งของบางอย่างให้ขาด
ในห้องนั่งเล่นของคฤหาสถ์ที่ว่างเปล่าปรากฏเสียงกระจกแตกอย่างอธิบายไม่ได้ดังขึ้นมา อุปสรรคระหว่างเขากับมีดแตกสลายไปแล้ว
มีคนอุทานเสียงแผ่วเบา
ชิ่งเฉินเก็บมีด หันร่างเดินไปทางบันได
ทันใดนั้น เสียงซึ่งไม่รู้ที่มาถามเขาขึ้นมาว่า : หยิบมีดทำอะไร คุณไม่เปิดประตูให้คุณตำรวจก่อนเหรอ
ชิ่งเฉินตอบเสียงเย็นว่า “รอผมฆ่าคนข้างในแล้วค่อยเปิด”
หลินเสี่ยวเสี้ยว “???”
เวลานี้ในที่สุดชิ่งเฉินก็จดจำได้แล้ว ในเวลาเดียวกันกับที่ทำลายอุปสรรคตอนที่หยิบมีดก่อนหน้านี้ก็ได้ทำลายม่านป้องกันความทรงจำของเขาในความฝันนี้
เขาจำได้อย่างนี่เป็นเสียงของหลินเสี่ยวเสี้ยว ตำรวจหนุ่มคนนั้นก็มีหน้าตาของหลินเสี่ยวเสี้ยว
เขาอยู่ในฝันร้ายที่หลินเสี่ยวเสี้ยวสร้างให้เขา โลกใบนี้ดูเหมือนว่าจะยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีกแล้ว
………………………………….
ตอนที่ 10 – ต้องใช้ไฟ