ชิวเยี่ยไป๋หิ้วถุงใบใหญ่ที่ใส่อาหารคาวไว้เหมือนไม่มีอะไรและเหมือนไม่ทันระวัง พริบตานั้นไก่ย่างตัวหนึ่งหล่นออกจากถุง และช่างบังเอิญเสียจริงที่หล่นแหมะลงบนใบหน้าของหลวงจีนพอดี!
ชิวเยี่ยไป๋กลับเหมือนไม่เห็น หิ้วถุงก้าวข้ามร่างไต้ซือเมิ่งอี๋แล้วขึ้นจากเรือ
แต่ครู่เดียวขณะที่โจวอวี่ที่กำลังตรวจสอบอาการของหลวงจีนที่พื้น พลันรู้สึกเหมือนมีพลังหนึ่งจู่โจมเข้าใส่ เขาจึงเบี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณ แต่นึกไม่ถึงว่าจะหลบไม่พ้น
โครม เสียงดังสนั่น ศีรษะของใครคนหนึ่งชนใส่หน้าผากของโจวอวี่ โจวอวี่ถูกกระแทกจนล้มจ้ำเบ้ากับพื้น รู้สึกหน้ามืดตาลายราวกับสมองจะทะลัก กุมศีรษะด่าลั่น “บิดาถล่มมารดาเจ้า!”
พอชิวเยี่ยไป๋หันมาดู ก็เห็นตัวประหลาดที่หัวเป็นไก่ตัวเป็นคนชันกายกับพื้น ส่งเสียงทุ้มหนักว่า “ประสก ไก่ย่างท่านหล่นแล้ว!”
ชิวเยี่ยไป๋อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพึมพำกับตนเอง “เออแฮะ ได้ผล”
กลุ่มผีน้ำ “…”
ตัวประหลาดที่หัวเป็นไก่ตัวเป็นคนส่งเสียงทุ้มหนักต่อ “ประสก อาตมาจะส่งไก่ตัวนี้ไปผุดไปเกิดได้หรือไม่”
ชิวเยี่ยไป๋มองดูตัวประหลาด “ไต้ซือ ตอนพูดอย่าคาบไก่ไว้ได้ไหม”
แบบนี้ดูแล้วน่ากลัว
ไม่เห็นหน้า เห็นแต่ตัวคนที่มีไก่ย่างทั้งตัวปิดหน้าไว้!
หลวงจีนเชื่อฟังโดยดี ไม่คาบไก่ย่างไว้อีกต่อไป แต่อ้าปากกว้าง ปล่อยไก่ย่างทั้งตัวหล่นลงในอุ้งมือ ถามอย่างเปี่ยมด้วยเมตตาว่า “ประสก อาตมาจะส่งไก่ตัวนี้ไปผุดไปเกิดได้หรือไม่”
ชิวเยี่ยไป๋มองดูแวบหนึ่งแล้วกล่าวเรียบๆ ว่า “ได้ แต่ท่านต้องขึ้นจากเรือก่อน”
อินชวนกงแลดูเขาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก เพียงพยักหน้าแต่คร้านจะพูด
หลวงจีนก็ไม่ถือสา มือหนึ่งถือไก่ย่างอีกมือหนึ่งถือลูกประคำหันกายเดินตามชิวเยี่ยไป๋และเสี่ยวชีขึ้นจากเรือ โจวอวี่ก็โซซัดโซเซตามหลัง ยังตาลายอยู่ ตอนจะเปลี่ยนเรือเกือบพลาดตกลงน้ำ
“ระวังหน่อย” ชิวเยี่ยไป๋ช่วยพยุง โจวอวี่จึงฝืนยืนขึ้นได้ ดวงตาเรียวยาวมองไปทั่วๆ เห็นข้างหน้ายังมีคนถือโคมกระดาษสีเหลืองเค้าหน้านุ่มนวล ในใจสะท้านอีกคราราวกับเวียนศีรษะมากขึ้น
บรรดาผีน้ำอำลาอินชวนกงอย่างนอบน้อม แล้วพายเรือเข้าฝั่ง
แต่ก็มีคนลอบมองอาคันตุกะผู้มาใหม่ คุณชายสี่ผู้นี้ดูแล้วปกติดี เสี่ยวชีไม่ต้องพูดถึง เพราะมาถึงล่วงหน้าและคุ้นเคยกับพวกตนเป็นอย่างดี ส่วนเจ้าคนแซ่โจวที่ซุกอยู่ในซอกเรือยามนี้อาจเพราะศีรษะถูกกระแทกเมื่อครู่ จึงดูแล้วแล้วเหมือนคนเจ็บ
ก็เมื่อครู่ตอนเขาโดนกระแทกใส่ พวกคนที่อยู่ข้างๆ ยังได้ยินเสียงดังลั่น แล้วเจ้าตัวจะเป็นอย่างไร
ดังนั้นอีกคนที่เป็นคู่กรณีคือไต้ซือ จึงดูแล้วยิ่งพิกล
ทว่าดูเหมือนหลวงจีนจะไม่รู้สึกรู้สากับทุกสิ่งรอบตัว ยังมีกะจิตกะใจสวดมนต์ส่งวิญญาณไก่ย่างตัวนั้นด้วย!
บรรดาผีน้ำล้วนเป็นโจรร้ายบนเส้นทางอธรรม แต่ไหนแต่ไรมาเห็นว่าพวกวีรบุรุษและนักพรตหลวงจีนล้วนเป็นพวกเสแสร้งเป็นวิญญูชน เป็นพวกปฏิเสธสันดานมนุษย์อย่างสิ้นเชิง
จึงย่อมไม่มีวันเข้าใจว่าทำไมถึงมีคนอยากสวดส่งวิญญาณให้ไก่ย่าง
ทว่า ถ้าเป็นคนในสายธรรมะจริง แล้วจะมาอวยพรวันเกิดหัวหน้าใหญ่ทำไม
บรรดาผีน้ำจึงรู้สึกว่าพฤติกรรมของไต้ซือเมิ่งอี๋พิลึกกึกกือ แถมยังอุตส่าห์มีชื่อของสมณะเพศด้วย
แต่มาคิดอีกที ในยุทธจักรมีคนประหลาดมากมาย ผู้สูงส่งย่อมมีนิสัยและพฤติกรรมที่ต่างจากคนทั่วไปอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่นอินชวนกง ถ้าพวกเขาที่เป็นสมุนกระจอกงอกง่อยมองทะลุได้ ยังจะเรียกว่ายอดฝีมืออีกหรือ!
เพียงครู่เดียวพวกเขาก็เห็นยอดฝีมือสวดมนต์จบแล้ว และพลันฉีกไก่ย่างเป็นชิ้นๆ แล้วแสดงฉากสวาปามอย่างรวดเร็วโดยไม่ยี่หระต่อทุกสายตา ยัดไก่ทั้งชิ้นเข้าปากแล้วชักกระดูกออก
ไม่ถึงห้าหกนาทีก็กินไก่หมดทั้งตัว จนเหลือแต่โครงไก่ที่สมบูรณ์ ราวกับว่ามันไม่เคยมีเนื้อมีหนังมาก่อน หรือไม่ก็เหมือนถูกฝังไว้ในดินเป็นเวลานานจนเนื้อหนังเน่าเปื่อยหมดแล้ว
บรรดาผีน้ำเซ่ออยู่นาน
ไต้ซือคนนี้เป็นหลวงจีนจริงหรือ หรือว่าเป็นพวกนักมายากลที่ร่อนเร่ในยุทธจักร ปลอมตัวมาเพื่อแสดงมายากลเท่านั้นหรือ
เพราะหลวงจีนต้องกินเจมิใช่หรือ
ชิวเยี่ยไป๋เคยเห็นฝีปากการกินเนื้อของหลวงจีนมาแล้วจึงไม่แปลกใจ
แต่เสี่ยวชีอดไม่ได้ถามว่า “คุณชายสี่ขอรับ หลวง…หลวงจีนคนนี้ทำไมกินเนื้อสัตว์”
ชิวเยี่ยไป๋เหลือบมองอย่างตำหนิ กล่าวว่า “ถ้าไม่ใช่หลวงจีนทุศีล คุณชายสี่ของเจ้าจะพามาอวยพรวันเกิดด้วยหรือ”
แต่เห็นได้ชัดว่าไต้ซือเมิ่งอี๋ผู้นี้ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของนาง หลังสวาปามไก่ทั้งตัวด้วยท่าทางงดงามสูงสง่าแล้ว ก็เปล่งคำสรรเสริญพระพุทธคุณคำหนึ่ง กล่าวอย่างเมตตาว่า “อมิตตาพุทธ เหล้าและเนื้อก็แค่ผ่านลำไส้ พุทธะอยู่ในใจต่างหาก”
แต่เหตุผลนี้สุดจะรับฟัง ทุกคนจึงไม่ไยดีต่อใบหน้าที่เมตตานั้น พากันร้อง “ถุย” พร้อมกัน
ครู่เดียวเรือก็เทียบฝั่งแล้ว
ชิวเยี่ยไป๋ขึ้นจากเรือก็เห็นชายวัยสี่สิบเศษในชุดผ้าต่วนครามเทา ไว้หนวดสั้นเดินหัวร่อร่ามาหานาง “คุณชายสี่เย่ ไม่เจอกันหลายปี สบายดีไหม”
เสียงของเขากังวานปานระฆัง ฟังแล้วสะท้านใจ
ชิวเยี่ยไป๋หน้าไม่เปลี่ยนสี ถือพัดจีบยิ้มน้อยๆ ประสานมือคารวะ “หัวหน้าหลิน ครานั้นผู้เยาว์ติดตามท่านอาจารย์มาเป็นแขกที่นี่ ความสง่างามของท่านเป็นที่จดจำมิลืมเลือน จากกันหลายปี ท่านยังคงเหมือนเดิม สมเป็นมังกรคะนองคลื่นอยู่นั่นเอง!”
ที่แท้ ผู้มาต้อนรับคือหัวหน้าฝ่ายอธรรมแถบไหวหนาน…หลินชงลั่ง
ไม่มีใครไม่ชอบมธุรสวาจา สิ่งที่คนในยุทธจักรไม่ปรารถนาเป็นที่สุดก็คือความสูงวัยเพราะจะทำให้พลังฝีมือถดถอยลง แล้วนี่เป็นการชมอีกฝ่ายว่างามสง่าด้วยสีหน้าจริงใจไร้แววประจบประแจง ราวกับว่าเป็นเพียงการพูดถึงความจริงประการหนึ่งเท่านั้น
หลินชงลั่งถูกใจมาก หัวร่อลั่นตบบ่านาง “ครานั้นพบกันคุณชายสี่ คุณชายสี่เป็นเพียงเด็กเล็กข้างกายเซียนเฒ่าเทียนจีแม้ท่านเซียนจะจากไปแล้ว แต่เด็กน้อยในวันนั้นกลับกลายเป็นบุรุษหนุ่มงามสง่า คิดดูแล้วถ้าท่านเซียนยังอยู่ คงปีติมาก”