ยามนี้เขาเข้าใจแล้ว ดูท่าคงมีหลายคนที่รู้ว่าพวกเขาได้อะไรไว้
ชิวเยี่ยไป๋พยักหน้าและพลิกตัวขึ้นม้า สั่งการอย่างเยือกเย็น “ถูกต้อง ถ่ายทอดคำสั่ง ต้าจ้วงที่บาดเจ็บกับเสี่ยวโหลวที่อายุน้อยที่สุดขึ้นรถม้า ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าอย่าออกมา!”
นางหยุดลงแล้วพูดต่อ “คนที่เหลือเตรียมอาวุธให้พร้อม เรายังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเจตนาดีหรือประสงค์ร้าย”
ยามนี้ทุกคนปลดม้าออกจากรถเปล่าหลายคันแล้ว เหลือรถคันเดียวบรรทุกคนและพากันประสานมือคารวะรับคำสั่ง
ชิวเยี่ยไป๋ตวัดแส้ฟาดใส่สะโพกม้าของตน ตะบึงนำหน้าไปก่อน “ไป!”
คนทั้งขบวนขับม้าพร้อมเพรียงกันคุ้มกันรถม้าไล่ตามชิวเยี่ยไป๋ที่ไปไกลจนฝุ่นตลบ
นี่คือข้อดีของการปลอมตัวเป็นก๊วนม้า…มีม้าให้ขี่
…
พวกเขาลัดเลาะไปตามทางสายน้อยที่เป๋าเป่าสำรวจไว้แล้วมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านถัดไป ท่าเรือที่นั่นถูกอิทธิพลของสำนักหอซ่อนกระบี่ลอบควบคุมไว้หลายวันแล้ว ก็เพื่อรับพวกชิวเยี่ยไป๋
ขอเพียงพวกเขาไปถึงหมู่บ้านเล็กๆ ถัดไปอย่างราบรื่น ก็เหมือนปลาลงทะเลกว้างวิหคเหินฟ้าไกล ต่อให้ทหารทางการไล่ตามมา ชิวเยี่ยไป๋จะมีวิธีทำให้คนพวกนั้นเจอดีแน่
เรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตาย ต่อให้อีกฝ่ายเป็นคนของทางการ นางยังคงต้องให้สำนักหอซ่อนกระบี่ออกหน้า แต่ให้คนของหอซ่อนกระบี่ปลอมตัวเล็กน้อยให้เหมือนโจร ไม่เปิดเผยฐานะ คิดว่าทางการจะตรวจสอบก็คงไม่ได้อะไร
ตลอดทางถือว่าราบรื่น แม้อากาศจะขมุกขมัวและอบอ้าวสุดทน แต่ยังดีที่ไม่มีฝนตกหนัก
ตามการคาดคะเนของเป๋าเป่า ถ้าทุกอย่างปกติ พวกเขาน่าจะถึงจุดนัดพบก่อนฝนตกหนักตอนพลบค่ำซึ่งตกทุกวัน
ทว่า…
ชิวเยี่ยไป๋แลเห็นข้างหน้ามิทราบมีหนามไม้แถวหนึ่งขวางไว้ตั้งแต่เมื่อใด ดวงตานางหม่นลงแวบหนึ่ง พลันรั้งบังเหียนอย่างแรง
“ฮี้ ฮี้ ฮี้ ฮี้!” ม้ายกขาหน้าขึ้นทันทีและหยุดลง
บรรดาคนของกองคั่นเฟิงพากันหยุดม้าทันที ชักอาวุธออกในพริบตา เหลียวมองรอบด้านอย่างระมัดระวัง
ชิวเยี่ยไป๋เห็นคนคนหนึ่งเดินออกจากพุ่มไม้หยุดลงหลังขวากกั้นทาง ในชุดลายปลาบินซึ่งเป็นชุดของเชียนจ่งซือหลี่เจียน มิใช่มั่วเสียนแล้วจะเป็นใคร
“ใต้เท้าชิว จากกันมาสบายดีนะ ข้าช่วยเจ้า จะไปเช่นนี้เลยหรือ”
ชิวเยี่ยไป๋ลูบหัวม้า มองดูเขาหัวร่อเย็นชา “ข้าคิดว่าใครเสียอีก ที่แท้คือมั่วเชียนจ่ง ในเมื่อครู่มั่วเชียนจ่งละเว้น เหตุใดจึงไม่ทำดีให้ถึงที่สุด ให้ข้าข้ามไป จะดีหรือร้ายเราต่างก็เป็นเพื่อนร่วมงานในซือหลี่เจียนนะ”
มั่วเสียนแลดูนางแล้วหัวร่อ ประกายตาวาววับ “คำว่าละเว้นอันประเสริฐ ไม่ผิด เราเป็นเพื่อนร่วมงานซือหลี่เจียน เป็นคนกันเอง และต่างก็ทำคดีไหวหนาน ฟังมาว่าใต้เท้าชิวได้สมุดบัญชีตระกูลเหมยไว้แล้ว มอบให้ข้าดูแลแทนจะดีกว่า ถึงอย่างไรหัวหน้าชิวก็เป็นคนที่เหมยซูกำลังตามล่า เป้าหมายใหญ่เกินไป สมุดบัญชีอยู่ที่ท่านน่าจะไม่ปลอดภัย”
โจวอวี่เห็นท่าทางเสแสร้งของมั่วเสียน อดแค่นเสียงมิได้ “น่าหัวร่อ ไว้ที่เจ้าแล้วปลอดภัยหรือ!”
มั่วเสียนเหลือบมองเขาอย่างดูแคลน “ข้ากำลังพูดกับนายเจ้า อี้จ่างตัวน้อยมีฐานะอะไรมาสอดปาก!”
ดวงตาโจวอวี่ฉายแววโทสะ แล้วหัวร่อเย็นชาไม่พูดอีก
หยวนเจ๋อที่ปลอมตัวเป็นพ่อครัวแบกกระทะใบโต ม้าของเขาอยู่หลังชิวเยี่ยไป๋นี่เอง ลมแม่น้ำพัดมาหอบหนึ่ง เขาขยุกขยิกจมูกเบาๆ ไม่รู้ว่ามีสัญญาณอะไรมากับสายลมทำเอาสีหน้าหนักอึ้ง จากนั้นก็มองชิวเยี่ยไป๋แล้วชักม้าถึงข้างกายชิวเยี่ยไป๋ช้าๆ ยืนนิ่งไม่ส่งเสียง
ชิวเยี่ยไป๋คิดว่าเขาคงแค่เป็นห่วง จึงเหลือบมองเขาอย่างปลอบใจแวบหนึ่ง จากนั้นแลดูมั่วเสียนกล่าวเรียบๆ ว่า “มั่วเชียนจ่งมองปราดเดียวก็จำข้าได้ คิดว่าคงรู้อยู่แล้วว่าข้าพักที่ไหนในเมืองกระมัง”
มั่วเสียนเห็นนางยิ้มเผยฟันเหลืองอ๋อยสองแถบ “ไม่ผิด วานนี้สายสืบข้ารู้แล้วว่าพวกท่านซ่อนตัวที่ไหน จึงช่วยปกป้องมาตลอด เช้านี้ยังอุตส่าห์เสี่ยงส่งข่าวสั้นให้ท่านมิใช่หรือ หากท่านไม่เชื่อก็คงไม่ออกจากเมืองตามเส้นทางที่ข้าบอกกระมัง หากไม่มีข้า ยามนี้พวกท่านคงอยู่ในมือเหมยซูแล้ว”
เขาหยุดลงแล้วพูดต่ออย่างเจ้าเล่ห์ “ชิวเชียนจ่ง ท่านรู้บ้างไหม พระพันปีมีเสาวนีย์ให้เหมยซูฆ่าพวกท่านให้หมด”
ในเมื่อยอมรับไมตรีการช่วยชีวิตก็ต้องตอบแทน ถ้าชิวเยี่ยไป๋ฉลาดหน่อยและตอบแทน ‘บุญคุณ’ นี้ ถ้าชิวเยี่ยไป๋ไม่ฉลาดพอ เขายังคงมีปัญญาบังคับให้ ‘ตอบแทนบุญคุณ’ จนได้
คำพูดของมั่วเสียนทำเอาคนของกองคั่นเฟิงฮือฮา พวกเขาไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง ชิวเยี่ยไป๋มิได้บอกความจริงพวกเขาเกี่ยวกับคดีไหวหนาน ดังนั้นถึงตอนนี้พวกเขายังคงคิดว่าเหมยซูยัดเยียดข้อหาอื่นให้ชิวเยี่ยไป๋ จึงทำให้พระพันปีพิโรธสะท้านราชสำนัก
ยามนี้ทุกคนเต็มไปด้วยโทสะ
ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาแลดูเขา “ไม่ผิด ข้าเชื่อความสามารถของใต้เท้ามั่วที่รู้เรื่องราวไม่น้อย และช่วยข้าไม่น้อย แต่…”
นางหยุดลง จ้องมั่วเสียนแล้วพูดทีละคำ “สมุดบัญชีให้เจ้าไม่ได้ นอกเสียจากนายเจ้าจะมาขอข้าเอง”
ว่าแล้วนางพลันสะบัดข้อมือชักกระบี่อ่อนออกมา เหินกายลงจากหลังม้า ฟันฉับเข้าใส่ขวากกั้นทางข้างหน้าอย่างไม่เกรงใจ
มั่วเสียนกล้าเปิดเผยคำสั่งลับของพระพันปีต่อหน้าธารกำนัล ย่อมมีเจตนาร้ายอย่างแน่ชัด ถ้ามิใช่ตั้งใจจะชวนพวกเขาเข้าเป็นพวกเดียวกันย่อมเป็น…ฆ่าปิดปาก!
มั่วเสียนแทบไม่กล้าเชื่อว่าชิวเยี่ยไป๋พอบอกลงมือก็ลงมือทันที พริบตานั้นเปลี่ยนจากอับอายเป็นโทสะ “ชิวเยี่ยไป๋ เจ้าอย่าได้ไม่รักดี ในเมื่อสวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป ก็อย่าโทษว่าข้าจะส่งเจ้าไปลงนรก!”
ไหนๆ เดิมทีก็ตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าไม่ได้สมุดบัญชีก็มาส่งพวกเขาลงนรกให้หมด แล้วค่อยค้นจากตัวพวกเขา ของนั้นชิวเยี่ยไป๋ย่อมไม่มีทางวางใจให้คนอื่นนำไป ต้องพกติดตัวแน่
พูดจบเขาก็ยกมือ พริบตานั้นเสียง ‘ผับๆ’ ดังขึ้น มือธนูนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากพุ่มไม้ล้อมพวก
ชิวเยี่ยไป๋ไว้
ชิวเยี่ยไป๋แววตาเย็นเยียบ พริบตานั้นประกายคมวาวแวบหนึ่ง ถึงกับใช้มือธนู แสดงว่าจะไม่ให้รอดแม้แต่คนเดียว
แน่นอน ต่อให้ใช้พวกเขาเป็นอิทธิพลที่สามในการเปิดโปงคดีนี้ ก็ยังคงจบไม่สวย ตั้งใจฆ่าพวกเขาทิ้งให้หมดแล้วชิงเอาหลักฐานที่สามารถใช้ถ่วงดุลกับพระพันปีและตระกูลตู้ให้ได้
พวกราชนิกุลล้วนสารเลวไม่มีตัวดีเลย
“ใต้เท้า บนแม่น้ำก็มีมือธนู!” เดิมทีโจวอวี่คิดหาทางออก กลับนึกไม่ถึงว่าไปเห็นมือธนูบนแม่น้ำ!
ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาอย่างเย็นชา “นี่คือเหตุผลที่ว่ามั่วเชียนจ่งออกจากเมืองทีหลังพวกเรา แต่กลับสามารถซุ่มกำลังรอพวกเราได้กระมัง”