เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] – ตอนที่ 111

กลิ่นนี้ไม่ใช่ผลของการที่เธอไม่สามารถล้างกลิ่นเลือดจากการฆ่าฟันมากเกินไป แต่มันเป็นกลิ่นที่ออกมาจากร่างของอีกฝ่ายโดยตรง มันคือกลิ่นของ ‘เลือดอสูร’ ที่มีแค่ในนักล่าเท่านั้น!

จาก ‘เนตรจันทรา’ ของวินเซนต์แล้ว นักล่าดูเหมือนเตาที่กำลังเดือดพล่าน

โลหิตเดือดปุดอย่างดุร้ายภายในตัวเธอ มันร้องคำรามและข่มขู่อย่างน่ากลัวราวกับว่าเธอคือสัตว์ร้ายในร่างมนุษย์

อันตราย! อันตราย! อันตราย!

สัญชาตญาณของวินเซนต์กำลังร้องเตือนเขาอย่างสุดชีวิต เขารู้สึกราวกับถูกสัตว์นักล่าจับจ้องจากในเงามืด แล้วความปรารถนาเอาตัวรอดทางสัญชาตญาณในตอนนี้ก็ทำงานเกินพิกัด

บาทหลวงยืนรากงอกคาที่ ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ เขาพบว่ามันยากที่จะหายใจ แล้วหัวของเขาก็หมุนวิ้ง…

ในตอนนั้นเอง เขาก็ตระหนักว่าผลข้างเคียงของแก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกความตกใจกดข่มไปได้กลับมาอีกครั้งแล้วโจมตีเขาหนักกว่าเก่า

ความอยากร้องไห้ประดังเข้ามาพร้อมกับความสิ้นหวังของเขา

เขาจากมาอย่างรีบร้อนเกินไป…เขาดันลืมตราศักดิ์สิทธิ์ของเขาไว้ในร้านหนังสือ!

วินเซนต์เป็นบาทหลวงสายที่ไม่ต่อสู้ ในตอนนี้เขาก็ไม่มีสื่อเสริมพลังของเขาด้วย

ยิ่งกว่านั้น อีกฝ่ายยังเป็นหนึ่งในนักล่าสติแตกพวกนั้นที่มีระดับสูงกว่าตัวเขาเอง

ผลลัพธ์ถูกตัดสินตั้งแต่ก่อนศึกจะเกิดเสียอีก

ในช่วงเวลากระอักกระอ่วนของเขานี้ วินเซนต์พลันตระหนักได้ว่ายังมีสิ่งของอีกชิ้นในมือที่สามารถใช้เป็นสื่อพลังเวทได้

หนังสือคัมภีร์ตะวันที่เขาเพิ่งได้มาจากในร้านหนังสือ!

แม้ว่ามันจะไม่ใช่สื่อพลังเวทจากโบสถ์โดยแท้จริงก็ตามที แค่ความจริงที่ตราศักดิ์สิทธิ์สั่นพ้องกับมันเป็นหลักฐานว่าทั้งสองอาจจะมีที่มาเดียวกัน แค่ว่าตราศักดิ์สิทธิ์ได้แสดงความสวามิภักดิ์ออกมาเท่านั้น ซึ่งฟังขึ้นอย่างสมบูรณ์

วินเซนต์กัดฟัน กำหนังสือในมือของเขา แล้วเตรียมเรียกใช้อำนาจศักดิ์สิทธิ์ของดวงจันทร์

“ใจเย็น ๆ สิคุณพ่อ”

นักล่าหัวเราะคิกคักแล้วสาวเท้าเข้ามา ทว่าแทนที่เธอจะมองวินเซนต์ เธอกลับมองไปที่ร้านหนังสือ

“ฉันไม่ทำร้ายคุณหรอก” เธอกล่าว “แค่สงสัยเกี่ยวกับลูกค้าคนใหม่เท่านั้นเอง ในฐานะลูกค้าของร้านหนังสือเหมือนกัน เราก็ควรจะญาติดีกันเข้าไว้นะ ไม่อย่างนั้นคุณหลินคงไม่ชอบใจแน่”

ลูกค้า…ของร้านหนังสือ?

ลูกค้าคนอื่น!

ในขณะที่เขายังช็อกอยู่ นักล่าก็ได้เดินผ่านเขาไปแล้ว เขาเหมือนเห็นหนังสือสองเล่มและกล่องใบหนึ่งในมือของเธอในตอนที่เธอเดินผ่านลาง ๆ

“นั่นเป็นหนังสือที่ดี ดูเหมือนคุณหลินจะชอบคุณนะ”

คำพูดยามจากไปของเธออ้อยอิ่งอยู่ในสายลม

เมื่อวินเซนต์ได้สติของเขาคืนมา เขาก็ตระหนักว่าตนได้จ่ายพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาเข้าไปในหนังสือโดยไม่รู้ตัว

จากภาพที่ ‘เนตรจันทรา’ ของเขามองเห็น คัมภีร์ตะวันในตอนนี้กำลังเปล่งแสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าออกมา

พลังงานที่อบอุ่นไหลจากมือเข้าไปในร่างของวินเซนต์ แล้วมันก็กดข่มทุกผลร้ายในร่างของตัวเองอีกครั้งแล้วสร้างเป็นเกราะแสงรอบตัวเขา

เอาจริงดิ?!

วินเซนต์มีสีหน้าซับซ้อนบนใบหน้า เขาดึงพลังศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองกลับ แล้วหนังสือก็หม่นแสงลงขณะที่เกราะแสงก็หายไป

ครั้งนี้ วินเซนต์ได้ใช้ร่างกายของเขาเพื่อสัมผัสความเชื่อมต่อระหว่างทั้งสองโดยแท้จริงแล้ว

เขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วมองไปที่เงาร่างที่พร่ามัวในร้านหนังสือ

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ในที่สุดจะตัดสินใจว่ามันคงน่าละอายเกินไปที่จะกลับไปบอกว่าเขาลืมตราศักดิ์สิทธิ์ไว้…

ก่อนหน้านี้วินเซนต์ไม่ได้คิดไว้ แต่ร้านหนังสือนี้คงมีลูกค้าคนอื่น ๆ อีกมากมายนอกจากเขาแน่

ตอนนี้มีนักล่าแล้วหนึ่งคน ดังนั้นคงไม่แปลกถ้าจะมีแม่มด อัศวิน แล้วก็ฝ่ายอื่น ๆ อีกมากมาย

มันคงดูง่ายจริง ๆ ถ้าเจ้าของร้านหนังสือจะอยากก่อเรื่องขึ้นสักครั้ง

“ไม่เป็นไร เราก็แค่มารับมันคืนในครั้งหน้า ในเมื่อช่วงนี้ไม่มีงานอะไรนอกจากงานนี้ ก็ได้เวลาพักแล้วล่ะนะ”

วินเซนต์ปลอบตัวเองพลางเก็บคัมภีร์ตะวันไว้ในชุดบาทหลวงของเขา

เขาต้องไปที่ร้านสื่อวีดิทัศน์ของคอลินก่อน…

จี้จือซู่ไม่ได้สนใจกับการพบปะยิบย่อยนี้นัก เธอผลักประตูร้านหนังสือให้เปิดออกแล้วเข้าไปข้างใน

ในขณะที่เธออาจจะสงสัยนิดหน่อยเกี่ยวกับสิ่งที่บาทหลวงประสบในร้านหนังสือนี้ ความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งของทั้งคู่ดูจะมากเกินไป แล้วบาทหลวงก็มีท่าทีราวกับหนูที่ตื่นตกใจเมื่อเห็นเธอ

นอกจากหนังสือในมือของเขาแล้ว เขาก็ดูไม่ต่างกับบาทหลวงคนอื่นจากโบสถ์แห่งจุดสูงสุดเลย

เพราะเช่นนั้นเธอจึงหมดความสนใจไปอย่างรวดเร็วมาก

บางทีเจ้าของร้านหนังสืออาจจะมีจุดประสงค์สำหรับบาทหลวงคนนั้นเหมือนที่จี้จือซู่เข้ามาในร้านหนังสือเป็นครั้งแรกก็ได้

แต่ตอนนี้จี้จือซู่มัวง่วนกับการสร้างฐานกำลังของตนเองให้เร็วที่สุดและโบสถ์แห่งจุดสูงสุดก็ไม่ได้ช่วยอะไรกับเธอนัก อย่าว่าแต่บาทหลวงในระดับแค่ผิดปกตินี่เลย

ทว่าตอนนี้ เธอดูจะได้ประสบสิ่งเดียวกับที่ไวลด์อาจจะคิดในตอนที่เขาพบเธอครั้งแรกที่ทางเข้าร้านหนังสือแล้ว

…มันเป็นความรู้สึกขำขันอย่างพิลึก!

พวกเขาต่างเป็นตัวตนที่ไร้ความเชื่อมโยงต่อกันด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เส้นเชื่อมบาง ๆ ได้โยงพวกเขาเข้าด้วยกันเพราะพวกเขากลายเป็นลูกค้าของร้านหนังสือไปแล้ว

เมื่อเคยผ่านเรื่องนี้มาก่อน มันก็ยากถ้าจะไม่รู้สึกเหมือนตนเป็นรุ่นพี่ต่อสมาชิกใหม่คนนี้

บางที…เราอาจถือว่าเป็น ‘สหายหนังสือ’ กันได้ไหมนะ? จี้จือซู่คิดขำ ๆ กับตนเอง

หลินเจี๋ยเพิ่งหยิบตราศักดิ์สิทธิ์บนโต๊ะเมื่อเขาสังเกตเห็นร่างที่คุ้นเคยเดินเข้ามา

ด้วยรอยยิ้มแปลกใจ เขาทักทาย “โอ้? ไม่เจอกันสักพักเลยนะครับคุณหนูจี้ คุณอ่านหนังสือทุกเล่มจบแล้วเหรอครับ?”

“ไม่เจอกันนานเลยค่ะคุณหลิน”

จี้จือซู่โค้งตัวอย่างนอบน้อมแล้วส่งหนังสือทั้งสองเล่มให้… ‘เลือดและสัตว์ร้าย’ และ ‘เจตจำนงแห่งเหล็กกล้า’

“หนทางยังอีกยาวไกลเลยค่ะกว่าฉันจะเชี่ยวชาญเรื่องทั้งหมดนี้ได้ ในระดับปัจจุบันของฉัน มันยากเกินไปที่จะเข้าใจทุกอย่างได้ อีกอย่าง ระยะยืมหนึ่งเดือนก็กำลังจะหมดแล้ว ฉันเลยมาคืนหนังสือก่อนค่ะ”

แล้วจี้จือซู่ก็ลองเชิงอย่างระมัดระวัง “ฉันสามารถมายืมหนังสือสองเล่มนี้ทีหลังได้อีกไหมคะ?”

แล้วใครที่สติดี ๆ จะปฏิเสธลูกค้าประจำกันล่ะคร้าบ?

หลินเจี๋ยยิ้มแล้วพยักหน้า “การไม่กัดสิ่งที่เกินกว่าจะเคี้ยวได้เป็นเรื่องดีแล้วครับ ถ้าคุณสามารถบรรลุหนังสือทั้งสองเล่มนี้แล้วเข้าใจทุกอย่างที่มันบรรจุไว้ได้ มันจะเป็นข้อได้เปรียบใหญ่ที่จะเป็นประโยชน์ไปตลอดชีวิตของคุณ คนบางคนอ่านหนังสือมากมายตลอดชีวิต แต่ที่จริงพวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลยก็มีครับ…”

จี้จือซู่พยักหน้าเห็นด้วย

แค่ความเข้าใจพื้นฐานต่อหนังสือสองเล่มนี้ก็ส่งเธอไปใกล้ระดับภัยพิบัติเต็มทีแล้ว ใครจะรู้ว่าเธอจะขึ้นสู่ระดับไหนได้เมื่อเธอบรรลุพวกมันแล้ว

จี้จือซู่มองการตกแต่งภายในของร้านหนังสือ

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้กลับมาหลังจากมหากาพย์ของกระจกมนตราจบลง

ร้านหนังสือดูไม่เปลี่ยนไปเลย และความแตกต่างเดียวคือตอนนี้มีเด็กสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลินเจี๋ย

หลินเจี๋ยดูจะไม่ได้ลงบันทึกหลังจากรับหนังสือกลับไป แล้วส่งมันให้เด็กสาวคนนั้นแทน

“มูเอน ผู้ช่วยคนใหม่ของผมครับ” เขาบอกจี้จือซู่

ผู้ช่วย?

จี้จือซู่หรี่ตาลงพินิจเด็กสาว มีกลิ่นอายหนึ่งที่พิเศษเฉพาะมาก…ไม่เหมือนมนุษย์ แต่เป็นโลหะเย็น ๆ หรือพลาสติกเสียแทน

เธอพยักหน้าให้มูเอน “สวัสดี”

มูเอนพยักหน้าตอบเช่นกัน “สวัสดี”

สายตาของจี้จือซู่กลับมาที่หลินเจี๋ย เธอวางกล่องที่เธอถืออยู่บนเคาเตอร์แล้วกระซิบ “ขอบคุณที่ชี้นำค่ะคุณหลิน ฉันได้ล้างแค้นแล้ว แต่ฉันยังมีปัญหาที่ตามมาที่ต้องจัดการอยู่…แล้วอยากจะขอให้คุณช่วยเปิดกล่องนี้ให้หน่อยค่ะ”

ดวงตาของหลินเจี๋ยมองไปที่กล่องทองเหลืองทรงสี่เหลี่ยมที่สลักลวดลายแปลก ๆ เอาไว้

เธอหมายใจแล้วแก้แค้นเจ้าเดนมนุษย์นั่นได้แล้วเหรอ?

แล้วกล่องนี้เป็นปัญหาที่ตามมาของเธอเหรอ?

เป็นไปได้ไหมว่าข้างในนั่นมีเครื่องหมายแห่งรักอยู่?

หรือรูปภาพสักอย่าง?

“นี่คือสิ่งที่เขาทิ้งไว้เหรอครับ?” หลินเจี๋ยถามพลางดึงกล่องเข้ามาดูใกล้ ๆ

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

IRNDGL, I’m Really Not the Evil God's Lackey, 我真不是邪神走狗
Score 9
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]Lin Jie เป็นเจ้าของร้านหนังสือในอีกโลกหนึ่ง เขาเป็นคนใจดีและอบอุ่น มักจะแนะนำหนังสือการรักษาให้กับลูกค้าที่กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในบางครั้งเขาแอบโปรโมตงานของเขาเองด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ลูกค้าเหล่านี้เริ่มให้ความเคารพเขาอย่างมาก บางคนถึงกับนำอาหารพิเศษประจำท้องถิ่นมาตอบแทนบุญคุณของเขาบ่อยๆ พวกเขามักจะขอความเห็นจากมืออาชีพเมื่อต้องเลือกหนังสือ และแบ่งปันประสบการณ์กับเจ้าของร้านหนังสือธรรมดาๆ คนนี้ให้คนรอบข้างฟัง พวกเขาเรียกเขาด้วยความเคารพและสนิทสนมโดยใช้ชื่อต่างๆ เช่น “ลูกสมุนของเทพปีศาจ”, “ผู้เผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งเนื้อและเลือด”, “'ผู้แต่งพิธีกรรมและศุลกากรแห่งนิกายกินศพ” และ “ผู้เลี้ยงแกะแห่งดวงดาว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset