กลิ่นนี้ไม่ใช่ผลของการที่เธอไม่สามารถล้างกลิ่นเลือดจากการฆ่าฟันมากเกินไป แต่มันเป็นกลิ่นที่ออกมาจากร่างของอีกฝ่ายโดยตรง มันคือกลิ่นของ ‘เลือดอสูร’ ที่มีแค่ในนักล่าเท่านั้น!
จาก ‘เนตรจันทรา’ ของวินเซนต์แล้ว นักล่าดูเหมือนเตาที่กำลังเดือดพล่าน
โลหิตเดือดปุดอย่างดุร้ายภายในตัวเธอ มันร้องคำรามและข่มขู่อย่างน่ากลัวราวกับว่าเธอคือสัตว์ร้ายในร่างมนุษย์
อันตราย! อันตราย! อันตราย!
สัญชาตญาณของวินเซนต์กำลังร้องเตือนเขาอย่างสุดชีวิต เขารู้สึกราวกับถูกสัตว์นักล่าจับจ้องจากในเงามืด แล้วความปรารถนาเอาตัวรอดทางสัญชาตญาณในตอนนี้ก็ทำงานเกินพิกัด
บาทหลวงยืนรากงอกคาที่ ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ เขาพบว่ามันยากที่จะหายใจ แล้วหัวของเขาก็หมุนวิ้ง…
ในตอนนั้นเอง เขาก็ตระหนักว่าผลข้างเคียงของแก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกความตกใจกดข่มไปได้กลับมาอีกครั้งแล้วโจมตีเขาหนักกว่าเก่า
ความอยากร้องไห้ประดังเข้ามาพร้อมกับความสิ้นหวังของเขา
เขาจากมาอย่างรีบร้อนเกินไป…เขาดันลืมตราศักดิ์สิทธิ์ของเขาไว้ในร้านหนังสือ!
วินเซนต์เป็นบาทหลวงสายที่ไม่ต่อสู้ ในตอนนี้เขาก็ไม่มีสื่อเสริมพลังของเขาด้วย
ยิ่งกว่านั้น อีกฝ่ายยังเป็นหนึ่งในนักล่าสติแตกพวกนั้นที่มีระดับสูงกว่าตัวเขาเอง
ผลลัพธ์ถูกตัดสินตั้งแต่ก่อนศึกจะเกิดเสียอีก
ในช่วงเวลากระอักกระอ่วนของเขานี้ วินเซนต์พลันตระหนักได้ว่ายังมีสิ่งของอีกชิ้นในมือที่สามารถใช้เป็นสื่อพลังเวทได้
หนังสือคัมภีร์ตะวันที่เขาเพิ่งได้มาจากในร้านหนังสือ!
แม้ว่ามันจะไม่ใช่สื่อพลังเวทจากโบสถ์โดยแท้จริงก็ตามที แค่ความจริงที่ตราศักดิ์สิทธิ์สั่นพ้องกับมันเป็นหลักฐานว่าทั้งสองอาจจะมีที่มาเดียวกัน แค่ว่าตราศักดิ์สิทธิ์ได้แสดงความสวามิภักดิ์ออกมาเท่านั้น ซึ่งฟังขึ้นอย่างสมบูรณ์
วินเซนต์กัดฟัน กำหนังสือในมือของเขา แล้วเตรียมเรียกใช้อำนาจศักดิ์สิทธิ์ของดวงจันทร์
“ใจเย็น ๆ สิคุณพ่อ”
นักล่าหัวเราะคิกคักแล้วสาวเท้าเข้ามา ทว่าแทนที่เธอจะมองวินเซนต์ เธอกลับมองไปที่ร้านหนังสือ
“ฉันไม่ทำร้ายคุณหรอก” เธอกล่าว “แค่สงสัยเกี่ยวกับลูกค้าคนใหม่เท่านั้นเอง ในฐานะลูกค้าของร้านหนังสือเหมือนกัน เราก็ควรจะญาติดีกันเข้าไว้นะ ไม่อย่างนั้นคุณหลินคงไม่ชอบใจแน่”
ลูกค้า…ของร้านหนังสือ?
ลูกค้าคนอื่น!
ในขณะที่เขายังช็อกอยู่ นักล่าก็ได้เดินผ่านเขาไปแล้ว เขาเหมือนเห็นหนังสือสองเล่มและกล่องใบหนึ่งในมือของเธอในตอนที่เธอเดินผ่านลาง ๆ
“นั่นเป็นหนังสือที่ดี ดูเหมือนคุณหลินจะชอบคุณนะ”
คำพูดยามจากไปของเธออ้อยอิ่งอยู่ในสายลม
เมื่อวินเซนต์ได้สติของเขาคืนมา เขาก็ตระหนักว่าตนได้จ่ายพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาเข้าไปในหนังสือโดยไม่รู้ตัว
จากภาพที่ ‘เนตรจันทรา’ ของเขามองเห็น คัมภีร์ตะวันในตอนนี้กำลังเปล่งแสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าออกมา
พลังงานที่อบอุ่นไหลจากมือเข้าไปในร่างของวินเซนต์ แล้วมันก็กดข่มทุกผลร้ายในร่างของตัวเองอีกครั้งแล้วสร้างเป็นเกราะแสงรอบตัวเขา
เอาจริงดิ?!
วินเซนต์มีสีหน้าซับซ้อนบนใบหน้า เขาดึงพลังศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองกลับ แล้วหนังสือก็หม่นแสงลงขณะที่เกราะแสงก็หายไป
ครั้งนี้ วินเซนต์ได้ใช้ร่างกายของเขาเพื่อสัมผัสความเชื่อมต่อระหว่างทั้งสองโดยแท้จริงแล้ว
เขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วมองไปที่เงาร่างที่พร่ามัวในร้านหนังสือ
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ในที่สุดจะตัดสินใจว่ามันคงน่าละอายเกินไปที่จะกลับไปบอกว่าเขาลืมตราศักดิ์สิทธิ์ไว้…
ก่อนหน้านี้วินเซนต์ไม่ได้คิดไว้ แต่ร้านหนังสือนี้คงมีลูกค้าคนอื่น ๆ อีกมากมายนอกจากเขาแน่
ตอนนี้มีนักล่าแล้วหนึ่งคน ดังนั้นคงไม่แปลกถ้าจะมีแม่มด อัศวิน แล้วก็ฝ่ายอื่น ๆ อีกมากมาย
มันคงดูง่ายจริง ๆ ถ้าเจ้าของร้านหนังสือจะอยากก่อเรื่องขึ้นสักครั้ง
“ไม่เป็นไร เราก็แค่มารับมันคืนในครั้งหน้า ในเมื่อช่วงนี้ไม่มีงานอะไรนอกจากงานนี้ ก็ได้เวลาพักแล้วล่ะนะ”
วินเซนต์ปลอบตัวเองพลางเก็บคัมภีร์ตะวันไว้ในชุดบาทหลวงของเขา
เขาต้องไปที่ร้านสื่อวีดิทัศน์ของคอลินก่อน…
จี้จือซู่ไม่ได้สนใจกับการพบปะยิบย่อยนี้นัก เธอผลักประตูร้านหนังสือให้เปิดออกแล้วเข้าไปข้างใน
ในขณะที่เธออาจจะสงสัยนิดหน่อยเกี่ยวกับสิ่งที่บาทหลวงประสบในร้านหนังสือนี้ ความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งของทั้งคู่ดูจะมากเกินไป แล้วบาทหลวงก็มีท่าทีราวกับหนูที่ตื่นตกใจเมื่อเห็นเธอ
นอกจากหนังสือในมือของเขาแล้ว เขาก็ดูไม่ต่างกับบาทหลวงคนอื่นจากโบสถ์แห่งจุดสูงสุดเลย
เพราะเช่นนั้นเธอจึงหมดความสนใจไปอย่างรวดเร็วมาก
บางทีเจ้าของร้านหนังสืออาจจะมีจุดประสงค์สำหรับบาทหลวงคนนั้นเหมือนที่จี้จือซู่เข้ามาในร้านหนังสือเป็นครั้งแรกก็ได้
แต่ตอนนี้จี้จือซู่มัวง่วนกับการสร้างฐานกำลังของตนเองให้เร็วที่สุดและโบสถ์แห่งจุดสูงสุดก็ไม่ได้ช่วยอะไรกับเธอนัก อย่าว่าแต่บาทหลวงในระดับแค่ผิดปกตินี่เลย
ทว่าตอนนี้ เธอดูจะได้ประสบสิ่งเดียวกับที่ไวลด์อาจจะคิดในตอนที่เขาพบเธอครั้งแรกที่ทางเข้าร้านหนังสือแล้ว
…มันเป็นความรู้สึกขำขันอย่างพิลึก!
พวกเขาต่างเป็นตัวตนที่ไร้ความเชื่อมโยงต่อกันด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เส้นเชื่อมบาง ๆ ได้โยงพวกเขาเข้าด้วยกันเพราะพวกเขากลายเป็นลูกค้าของร้านหนังสือไปแล้ว
เมื่อเคยผ่านเรื่องนี้มาก่อน มันก็ยากถ้าจะไม่รู้สึกเหมือนตนเป็นรุ่นพี่ต่อสมาชิกใหม่คนนี้
บางที…เราอาจถือว่าเป็น ‘สหายหนังสือ’ กันได้ไหมนะ? จี้จือซู่คิดขำ ๆ กับตนเอง
หลินเจี๋ยเพิ่งหยิบตราศักดิ์สิทธิ์บนโต๊ะเมื่อเขาสังเกตเห็นร่างที่คุ้นเคยเดินเข้ามา
ด้วยรอยยิ้มแปลกใจ เขาทักทาย “โอ้? ไม่เจอกันสักพักเลยนะครับคุณหนูจี้ คุณอ่านหนังสือทุกเล่มจบแล้วเหรอครับ?”
“ไม่เจอกันนานเลยค่ะคุณหลิน”
จี้จือซู่โค้งตัวอย่างนอบน้อมแล้วส่งหนังสือทั้งสองเล่มให้… ‘เลือดและสัตว์ร้าย’ และ ‘เจตจำนงแห่งเหล็กกล้า’
“หนทางยังอีกยาวไกลเลยค่ะกว่าฉันจะเชี่ยวชาญเรื่องทั้งหมดนี้ได้ ในระดับปัจจุบันของฉัน มันยากเกินไปที่จะเข้าใจทุกอย่างได้ อีกอย่าง ระยะยืมหนึ่งเดือนก็กำลังจะหมดแล้ว ฉันเลยมาคืนหนังสือก่อนค่ะ”
แล้วจี้จือซู่ก็ลองเชิงอย่างระมัดระวัง “ฉันสามารถมายืมหนังสือสองเล่มนี้ทีหลังได้อีกไหมคะ?”
แล้วใครที่สติดี ๆ จะปฏิเสธลูกค้าประจำกันล่ะคร้าบ?
หลินเจี๋ยยิ้มแล้วพยักหน้า “การไม่กัดสิ่งที่เกินกว่าจะเคี้ยวได้เป็นเรื่องดีแล้วครับ ถ้าคุณสามารถบรรลุหนังสือทั้งสองเล่มนี้แล้วเข้าใจทุกอย่างที่มันบรรจุไว้ได้ มันจะเป็นข้อได้เปรียบใหญ่ที่จะเป็นประโยชน์ไปตลอดชีวิตของคุณ คนบางคนอ่านหนังสือมากมายตลอดชีวิต แต่ที่จริงพวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลยก็มีครับ…”
จี้จือซู่พยักหน้าเห็นด้วย
แค่ความเข้าใจพื้นฐานต่อหนังสือสองเล่มนี้ก็ส่งเธอไปใกล้ระดับภัยพิบัติเต็มทีแล้ว ใครจะรู้ว่าเธอจะขึ้นสู่ระดับไหนได้เมื่อเธอบรรลุพวกมันแล้ว
จี้จือซู่มองการตกแต่งภายในของร้านหนังสือ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้กลับมาหลังจากมหากาพย์ของกระจกมนตราจบลง
ร้านหนังสือดูไม่เปลี่ยนไปเลย และความแตกต่างเดียวคือตอนนี้มีเด็กสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลินเจี๋ย
หลินเจี๋ยดูจะไม่ได้ลงบันทึกหลังจากรับหนังสือกลับไป แล้วส่งมันให้เด็กสาวคนนั้นแทน
“มูเอน ผู้ช่วยคนใหม่ของผมครับ” เขาบอกจี้จือซู่
ผู้ช่วย?
จี้จือซู่หรี่ตาลงพินิจเด็กสาว มีกลิ่นอายหนึ่งที่พิเศษเฉพาะมาก…ไม่เหมือนมนุษย์ แต่เป็นโลหะเย็น ๆ หรือพลาสติกเสียแทน
เธอพยักหน้าให้มูเอน “สวัสดี”
มูเอนพยักหน้าตอบเช่นกัน “สวัสดี”
สายตาของจี้จือซู่กลับมาที่หลินเจี๋ย เธอวางกล่องที่เธอถืออยู่บนเคาเตอร์แล้วกระซิบ “ขอบคุณที่ชี้นำค่ะคุณหลิน ฉันได้ล้างแค้นแล้ว แต่ฉันยังมีปัญหาที่ตามมาที่ต้องจัดการอยู่…แล้วอยากจะขอให้คุณช่วยเปิดกล่องนี้ให้หน่อยค่ะ”
ดวงตาของหลินเจี๋ยมองไปที่กล่องทองเหลืองทรงสี่เหลี่ยมที่สลักลวดลายแปลก ๆ เอาไว้
เธอหมายใจแล้วแก้แค้นเจ้าเดนมนุษย์นั่นได้แล้วเหรอ?
แล้วกล่องนี้เป็นปัญหาที่ตามมาของเธอเหรอ?
เป็นไปได้ไหมว่าข้างในนั่นมีเครื่องหมายแห่งรักอยู่?
หรือรูปภาพสักอย่าง?
“นี่คือสิ่งที่เขาทิ้งไว้เหรอครับ?” หลินเจี๋ยถามพลางดึงกล่องเข้ามาดูใกล้ ๆ