บทที่ 162 : ออร่าตัวละครหลัก
“แน่นอนสิคะ ฉันทำตามที่คุณพูดมาตลอดหลายปีนี้เลยนะ ฉันสื่อสารดี ๆ กับทุกคนและชนะใจพวกเขาโดยไม่เคยใช้ความรุนแรงเลยสักนิดค่ะ”
บทเรียนที่คุณหลินสอนเธอมาเมื่อครั้งก่อนยังคงจารึกอยู่ในใจเธอ
การใช้ ‘ผนึกสะกดใจ’ คือสิ่งที่เธอทำอยู่เสมอ และประสิทธิภาพของมันก็สูงกว่าการใช้กำลังด้วย
ตราบใดที่เธอสามารถพูดคุยกับใครสักคน อีกฝ่ายจะถูกผลของผนึกสะกดใจอย่างไม่รู้ตัว และสิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ก็คือต่อให้อีกฝ่ายกำกับเรื่องอยู่หลังฉากก็ตาม มันก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่าอีกฝ่ายจะหยุดไม่ให้ลูกน้องของเขาหรือเธอติดต่อสื่อสารกับเชอร์รี่ได้
ในลักษณะนี้ การปล่อยไส้ศึกเข้าไปในวงในของศัตรูจึงสะดวกและแนบเนียน
กว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัว เขาก็คงพบว่าตนเองถูกรายล้อมโดยสายสืบแล้ว และไส้ศึกเหล่านี้ก็จะไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความเคลือบแคลงใด ๆ เพราะพวกเขาเชื่อในมุมมองที่เปลี่ยนไปของตนเองแล้ว
มันจะเริ่มด้วยความรู้สึกเห็นใจหรือชื่นชมเชอร์รี่อย่างเล็กน้อย ตามมาด้วยอาการหลงเสน่ห์เธอแล้วเชื่อว่าเธอเป็นนายที่ควรค่าแก่การติดตาม
พูดสั้น ๆ ก็คือ เชอร์รี่มี ‘ออร่าตัวละครหลัก’ ที่ดึงดูดผู้คนเข้าหาเธออย่างเป็นธรรมชาติ
มันเป็นความสามารถที่น่ากลัวเทียบเท่าโรคติดต่อเลย
แต่มันก็ยังมีช่วงเวลาที่อีกฝ่ายมีจิตตั้งมั่นในระดับความแข็งแกร่งที่สูงกว่าเธออยู่ด้วย ในช่วงเวลาเหล่านั้นแล้ว ผนึกสะกดใจจะไม่เป็นประโยชน์มากนัก แต่เชอร์รี่ก็ได้ผู้ติดตามผู้ทุ่มเทมาแล้วกลุ่มหนึ่ง และการให้พวกเขาทำงานแทนเธอก็ดีพอแล้ว
คิ้วของหลินเจี๋ยขมวดมุ่นเข้าหากันในขณะที่ตัวเองให้คำปรึกษาจากใจ “ในเมื่อคุณจำมันได้ดี แล้วคุณจะทำให้คนอื่นเจ็บปวดเพราะคุณอยากทำได้ยังไงกันครับ?”
“คิดเรื่องต่าง ๆ ให้ดีก่อนนะครับ แล้วพยายามสื่อสารกับเขาแล้วหาว่าเขาทำเรื่องแย่ ๆ อะไรลงไป ถ้าเขาทำอะไรที่เป็นอาชญากรรมและไม่สะทกสะท้านต่อมันจริง ก็ส่งตัวเขาให้กับตำรวจเถอะนะครับ ได้ไหม?”
“บังเอิญว่าตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากเขตกลางอยู่ที่นี่ด้วย เขาอาจจะช่วยการสืบเสาะของคุณได้นะครับ”
หลินเจี๋ยเชื่อว่าคล็อดจะต้องยินดีที่จะได้ความดีความชอบในหน้าที่ของเขาถึงสองเรื่องในครั้งเดียวแน่…
“คุณพูดถูก” เชอร์รี่ลดท่าทีของเธอลงแล้วกลายเป็นคนว่าง่าย “ฉันกระวนกระวายไปแล้ว ฉันต้องจัดการเขาด้วยวิธีที่ถูกต้อง…อืม แล้วส่งเขาให้ขบวนการยุติธรรมเพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่าง แบบนี้ผู้สนับสนุนของฉันก็จะเชื่อมั่นในตัวฉันมากขึ้นด้วย”
คอนกรีฟไม่สามารถถูกเขี่ยออกไปได้โดยใช้วิธีหยาบ ๆ แบบนี้หรอก การทำเช่นนั้นสามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อชื่อเสียงของเธอได้ เพราะถึงอย่างไร ผนึกสะกดใจก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอมีผู้ติดตามมากขนาดนี้ในชั่วเวลาเพียงไม่กี่ปีที่เชื่อว่าเธอถูกกำหนดไว้ให้เป็นผู้นำหอการค้าแอชสู่ความรุ่งโรจน์ และสามารถแข่งขันกับบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ได้
ในสายตาของคนเหล่านี้แล้ว การกระทำของเธอย่อมเที่ยงตรงและถูกต้อง ทว่าในเมื่อคอนกรีฟมีบิดาคนเดียวกับเธอ รัศมีอันรุ่งเรืองนั้นย่อมไม่สามารถซ่อนความโหดร้ายต่อพี่น้องของเธอเองได้
แต่หากเป็นอีกฝ่ายที่ลงมือก่อน เธอก็จะแค่กำจัดสิ่งชั่วร้าย และการส่งคอนกรีฟเข้าคุกไปก็จะเหมือนการประหารต่อสาธารณะ ไม่ใช่แค่สำหรับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่รวมถึงบุคคลธรรมดาด้วย
นั่นจะเป็นการทรมานอย่างร้ายกาจต่อคอนกรีฟผู้ทิฐิสูงและเย่อหยิ่ง
และในเวลาเดียวกัน มันก็จะเป็นคำเตือนถึงเจ้าพวกอยู่ไม่สุขด้วย
ยอดเยี่ยม!
หลินเจี๋ยปลื้มใจมาก แล้วเขาก็พูดว่า “ถูกแล้วครับ การนำเรื่องนี้สู่สาธารณชนจะสามารถแสดงถึงความเป็นตัวคุณและวิธีการของคุณ รวมไปถึงมันจะช่วยให้การเติบโตทางหน้าที่การงานของคุณราบรื่นขึ้นด้วยนะครับ”
เชอร์รี่กดอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองเข้าหาใบหน้าที่ขึ้นสีของเธออย่างตื่นเต้นแล้วอุทานออกมา “ขอบคุณที่ชี้นำนะคะ ฉันเลินเล่อไม่ระวังไปแล้ว”
คอนกรีฟมีผู้สนับสนุนมากมาย และมันจะเป็นการเสียทรัพยากรอย่างมากหากต้องกำจัดการสนับสนุนของพวกเขาออกไป คุณหลินสอนได้ถูกแล้ว เธอต้องเปลี่ยนคนพวกนั้นมาเข้าพวกเธอโดยใช้ ‘ความรัก’
“ถ้าคุณเข้าใจก็ดีแล้วล่ะครับ”
รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าของหลินเจี๋ย เชอร์รี่ได้เรียนรู้วิธีการของผู้ใหญ่แล้วในขณะที่เธอออกสู่สังคม แต่หลินเจี๋ยก็หวังว่าเธอจะไม่ลืมเจตนาดั้งเดิมของเธอ รักษาบรรทัดฐานพื้นฐานเอาไว้ และไม่ใช้วิธีการอันไม่เหมาะไม่ควร
“โอ้ จริงด้วย คุณชอบของขวัญของฉันไหมคะ?”
เธอได้ยินมาจากบัตเลอร์ของเธอว่าทันทีที่เขาได้มอบเหรียญแห่งเคราะห์ให้เขาไป ใครสักคนที่ร้านข้าง ๆ ก็นำเหรียญแห่งโชคดีมาให้เจ้าของร้านหลิน
ถ้าเป็นคนอื่น มันก็ยังเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
แต่ถ้าเป็นคุณหลินแล้ว ทุกสิ่งที่เกิดนั้นเลี่ยงไม่ได้ เขาต้องหยั่งรู้มาก่อนแน่ว่าเหรียญแห่งเคราะห์นั้นจะถูกส่งให้เขา และดังนั้นจึงรับเหรียญแห่งโชคดีมาในเวลาเดียวกัน
ทุกอย่างถูกเรียบเรียงไว้แล้วอย่างเรียบง่าย…
หลินเจี๋ยระลึกถึงเหรียญสองด้านนั้นขึ้นมาได้แล้วนึกถึงตอนที่เขาทำแก้วน้ำของเฒ่าไวลด์แตกในตอนที่ไปเยี่ยมบ้านอีกฝ่ายขึ้นมา
เขาหัวเราะอย่างเขิน ๆ แล้วตอบ “ผมชอบมันค่อนข้างมากทีเดียวครับ มันเป็นของดีชิ้นน้อย แค่ว่ามันไม่เหมาะจะนำไปใช้ในบางสถานที่”
เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่หมอดูหรือมีความสนใจในการทำนาย ของเล่นชิ้นเล็กแบบนี้เขาก็ทำได้เพียงเก็บเข้าคอลเล็กชันแล้วเล่นกับมันนาน ๆ ทีเท่านั้นเอง
อารมณ์ที่กระตือรือร้นของเชอร์รี่แต่เดิมห่อเหี่ยวลงเล็กน้อย
นั่นสินะ สำหรับใครที่สามารถบงการโชคชะตาได้ง่าย ๆ อย่างคุณหลินแล้ว เหรียญแห่งชะตากรรมก็คงไม่สลักสำคัญอะไร…
เชอร์รี่พองแก้มน้อย ๆ ของเธอ “ไม่ต้องห่วงนะคะ ก่อนหน้านี้มันก็แค่ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ครั้งนี้ฉันจะนำของขวัญที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่จะทำให้คุณพอใจไปให้แน่ ๆ ค่ะ!”
“เอ่อ…คุณไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ เหรียญนั่นก็ไม่เลวแล้วนะครับ”
“เฮ้อ…ฉันน่ะเตรียมของขวัญชิ้นนี้ไว้นานแล้วน้า…” เสียงของคุณหนูตัวน้อยนั้นหวานเจี๊ยบเสียจนน่าขนลุก
หลินเจี๋ยฟังอารมณ์ในน้ำเสียงของเชอร์รี่แล้วตระหนักได้ว่ามันอาจจะไม่เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะปฏิเสธเธอ ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไป “ก็ได้ครับ ผมจะรอดูนะครับ”
เชอร์รี่อารมณ์ดีขึ้นทันที แล้วแสดงออกว่าเธอเองก็รอเวลานั้นอยู่เหมือนกัน
ในตอนนั้น หลินเจี๋ยมีลางสังหรณ์เกี่ยวกับของที่คอนกรีฟเข้าสกัดไว้แล้วหายไปกลุ่มนั้นขึ้นมา
บางทีนี่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับโบสถ์แห่งจุดสูงสุดก็ได้ แก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ดูจะมาจากหอการค้าแอชด้วยนี่
ดังนั้นเขาจึงถามออกไป “คุณรู้ไหมครับว่าอะไรคือสินค้าที่คอนกรีฟสกัดไว้? คุณมีลิสต์รายชื่อไหมครับ?”
เชอร์รี่ลดเสียงลง “ฉันกำลังสืบอยู่ค่ะ แต่มันยังมีส่วนที่ไม่แน่ใจเท่าไหร่”
“คุณรู้ไหมครับว่าแก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์คืออะไร?”
“มันคืออะไรคะ?” เชอร์รี่งุนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะมีปฏิกิริยา “การขัดขวางสินค้าของฉันของคอนกรีฟมีอะไรเกี่ยวข้องกับมันหรือเปล่าคะ?”
“อืม มีเรื่องนิดหน่อยเกี่ยวกับโบสถ์แห่งจุดสูงสุดครับ คุณคงพอได้ยินเกี่ยวกับมันมาแล้วใช่ไหม? พวกเขาใช้แก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ในการควบคุมประชาชน และสารตั้งต้นของมันก็มาจากหอการค้าแอชด้วยครับ” หลินเจี๋ยพูดซ้ำถึงทุกสิ่งที่ตัวเองรู้มา
หลินเจี๋ยได้เรียนรู้จากข่าวว่าทั้งสองที่ที่เกิดระเบิดนั้นเชื่อมโยงกับโบสถ์แห่งจุดสูงสุด และคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุศีลของวินเซนต์ด้วย โบสถ์แห่งจุดสูงสุดได้พยายามกำจัดเขา และผลก็คือเกิด ‘แก๊สระเบิด’ สองครั้งที่ว่ามานั่นเอง
ในฐานะคนที่รู้เรื่องวงใน หลินเจี๋ยในตอนนี้ได้มองเหตุแก๊สระเบิดสองสามครั้งก่อนต่างไปแล้ว
บางทีเจ้าพวกระดับสูงพวกนั้นคงชอบใช้เหตุแก๊สระเบิดมาบังหน้าเหตุฆาตกรรมของพวกเขา
ในฐานะลูกสาวจากตระกูลระดับสูงและเป็นบุคคลที่มีอำนาจในหอการค้าแอช เชอร์รี่คงจะมีความเข้าใจต่อความจริงเหล่านี้อยู่บ้าง
ดวงตาของเชอร์รี่หรี่ลง “ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็เกรงว่าคงมีใครสักคนชักใยอยู่เบื้องหลังคอนกรีฟจริง ๆ ค่ะ”
ในตอนนี้ ประตูร้านหนังสือได้เปิดออกอีกครั้ง แล้วคล็อดก็เดินเข้ามา “ตัวอย่างของแก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ที่วินเซนต์ให้มาถูกส่งไปวิเคราะห์ส่วนประกอบแล้วนะครับ ถ้าเราสามารถหาบันทึกการซื้อขายของส่วนประกอบภายในบางอย่างของมันได้ เราก็คงจะสืบย้อนกระแสของมันแล้วหาคนที่เกี่ยวข้องในธุรกรรมนี้ รวมถึงแหล่งผลิตของมันได้ครับ”
หลินเจี๋ยวางอุปกรณ์สื่อสารของเขาลงแล้วถาม “พวกคุณคุยกันเสร็จแล้วเหรอครับ? แผนเป็นยังไงบ้าง?”
“ผมส่งคำร้องไปที่หัวหน้าของผมให้ลงมือแล้วครับ แล้วผมก็จะรอคำสั่งก่อน”
วินเซนต์ซึ่งตามมาข้างหลังพูดขึ้น “ผมจะก่อตั้งโบสถ์ใหม่แล้วเปิดโปงเรื่องชั่ว ๆ ของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดครับ”
“หนูจะช่วยด้วยค่ะ” มูเอนพูดเสริม
หลินเจี๋ยโบกอุปกรณ์สื่อสารในมือของเขาแล้วพูดว่า “บังเอิญพอดีเลย ผมกำลังคุยกับเชอร์รี่เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ แล้วก็คาดเดาคร่าว ๆ ได้เท่านี้เหมือนกันครับ ผลจะออกเมื่อไหร่ครับ?”
คล็อดตอบ “ไม่นานครับ ในกลุ่มคนที่มากับผมมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ด้วย…”
ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ ผู้ใช้บังคับบัญชาผู้หนึ่งจากด้านนอกก็เดินเข้ามาพร้อมด้วยแฟ้มที่บรรจุกระดาษเอาไว้
คล็อดรับมันมาแล้วเดินมาหาหลินเจี๋ยที่เคาน์เตอร์ “เห็นมั้ยครับ มันไวมากจริง ๆ”
หลินเจี๋ยถามเชอร์รี่เกี่ยวกับสิ่งของที่เธอตรวจสอบได้แล้วตรวจเทียบกับผลวิเคราะห์ส่วนประกอบของแก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์
เป็นไปตามคาด ผลการเทียบออกมาใกล้เคียงกันมาก…
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นไปได้สูงมากว่าคอนกรีฟถูกบงการให้ร่วมมือกับโบสถ์แห่งจุดสูงสุด
หลินเจี๋ยคิดกับตนเองในขณะที่ศึกษาข้อมูล
คล็อดพูดเสริม “ยังมีส่วนประกอบอีกอย่างหนึ่งข้างในนั้นที่พวกเราไม่สามารถหาวัตถุดิบของมันได้ด้วยนะครับ พวกเราก็ไม่รู้ด้วยว่ามันคืออะไร แต่ว่า…”
ใบหน้าของเขาแข็งทื่อในขณะที่เขากระซิบ “มันอาจจะเป็นอะไรที่มีชีวิตครับ”