บทที่ 190 : มั่นใจอย่างสมบูรณ์
ความมั่นใจอย่างสมบูรณ์ของคอนกรีฟนั้นไม่ใช่ว่าไร้เหตุผล…
แม้ว่าเชอร์รี่จะสั่งสมฐานะและอำนาจไว้ในหอการค้าแอชในเวลาเพียงสามปี แล้วแซงหน้าความสำเร็จหลายต่อหลายปีของคอนกรีฟไปก็ตาม แต่เขาก็ยังมั่นใจว่าครั้งนี้จะตัดสินชะตากรรมยัยนี่ให้ได้
“ฐานะ?”
“อำนาจ?”
“ฉันจะทำให้หล่อนทิ้งพวกมันทั้งหมดไป หล่อนต้องพึ่งพาสายเลือดของตัวเองเมื่อหาว่าสถานที่ซื้อขายมันอยู่ตรงไหน เฮอะ หล่อนมันก็แค่นกน้อยลำพองตัวที่ประเมินความสามารถตัวเองสูงเกินไปแท้ ๆ กับอีแค่จะทำงานให้บรรลุตามเป้าหมายยังทำไม่ได้ ต้องพึ่งพาตระกูลที่เกลียดหล่อนเข้าไส้…” คอนกรีฟถากถาง
เขารู้อยู่เสมอว่ามีคนในตระกูลแชปแมนที่ดูแคลนเชอร์รี่อยู่ และตัวเธอเองก็ชิงชังพวกคนในตระกูลที่เจ้าเล่ห์และจ้องแต่จะหักหลังกันพวกนั้นเหมือนกัน
เธอรังเกียจสายเลือดของตัวเองอย่างชัดเจนอยู่เสมอ และปฏิเสธแม้แต่จะใช้ทักษะและคาถาของดรูอิด
และบังเอิญว่านี่ก็เป็นสิ่งที่คอนกรีฟใช้เพื่องัดข้อกับเชอร์รี่เสียด้วย
ยิ่งกว่านั้น ยัยนกโง่ตัวน้อยนั่นก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะต้องเจอกับอะไร คิดว่ามีแค่โบสถ์แห่งจุดสุงสุดเหรอ?
โอ้ไม่…ไม่เลย!
คนระดับสัตว์ประหลาดโหลนึงจากงานเลี้ยงโลหิตต่างหาก
แถมด้วยคนระดับภัยพิบัติจากวิถีแห่งดาบอัคคีคนนั้น แล้วก็ลูกน้องระดับสัตว์ประหลาดของเขาอีกสิบคน
สรุปคือจะมีคนระดับภัยพิบัติหนี่งคนกับคนระดับสัตว์ประหลาดอีกยี่สิบสองคน!
เชอร์รี่หนอเชอร์รี่ หนีเสือปะจระเข้แท้ ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” คอนกรีฟเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างคุมไม่ได้หลังจากคิดภาพสีหน้าที่มักจะแข็งทื่ออยู่เสมอของเชอร์รี่บิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัวเกินคำบรรยาย
เขาอยากจะยุความทะเยอทะยานอยากชนะของเชอร์รี่ หัวใจดวงนั้นที่ทิฐิสูงเกินกว่าจะยอมแพ้ให้พุ่งสูง!
“แล้วจากนั้น” ดวงตาของคอนกรีฟฉายประกายตื่นเต้น แล้วเขาก็ถูมือของตนอย่างช้า ๆ “ฉันก็จะบดขยี้มัน ฉีกมันเป็นชิ้น ๆ ด้วยตัวเอง”
คอนกรีฟหลับตาลง นั่งลงอย่างสบาย ๆ แล้วเริ่มคิดภาพว่าเขาจะจัดการกับเชอร์รี่แล้วคืนสู่ฐานะที่ควรจะเป็นของเขาอย่างไรบ้าง
แล้วเขาก็จะไปไล่จับพวกที่หักหลังเขาไปช่วยเชอร์รี่ ถลกหนังพวกมันซะแล้วโยนลงไปในน้ำเกลือ!
เมื่อเขาได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลด้วยการสนับสนุนของวิถีแห่งดาบอัคคี เขาก็จะรวมหอการค้าแอชให้เป็นหนึ่งเดียว
ความสำเร็จสูงสุดของชีวิตอยู่แค่ปลายนิ้วแล้ว
“แต่ว่า…” จู่ ๆ คอนกรีฟก็ลืมตาโพลงแล้วขมวดคิ้ว ความเคลือบแคลงคืบคลานเข้ามาในใจทีละน้อย “ทำไมถึงยังไม่มีข่าวคราวจากท่านสาปโลหิตกันนะ? ไม่ใช่ว่าเขาบอกว่าจะออกไปจัดการตัวตนยิ่งใหญ่อะไรสักอย่างแล้วจัดการกับเจ้าของร้านหนังสือนั่นเหรอ? ถ้ามันไปได้สวยเขาก็น่าจะกลับมาภายในหนึ่งวันแล้วนี่?”
นับตั้งแต่คอนกรีฟรู้จักวิถีแห่งดาบอัคคีและได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิก ตัวแทนที่ติดต่อและสั่งการเขานั้นมีสมญาว่า ‘สาปโลหิต’
ทั้งสองฝ่ายจะสื่อสารกันผ่านหนังสือหนังมนุษย์ และบางครั้งท่านสาปโลหิตก็จะส่งลูกน้องสายตรงมาติดต่อกับคอนกรีฟด้วย แต่คอนกรีฟยังไม่เคยเจอ ‘ท่านสาปโลหิต’ ตัวเป็น ๆ มาก่อน
ก่อนที่เขาจะมีธุรกรรมใด ๆ กับโบสถ์แห่งจุดสูงสุด คอนกรีฟนั้นเป็นผู้จัดหาสถานที่ปลอดภัยในการจัดงานเลี้ยงโลหิตมาตลอด
คอนกรีฟย่อมไม่รู้ว่างานเลี้ยงโลหิตนั้นแต่เดิมถูกก่อตั้งขึ้นโดยนักเวทสาปโลหิตจุยคาคุ และนี่ก็เป็นผลจากคำสั่งของหัวหน้าจุยคาคุอีกทอดหนึ่งเพื่อเฟ้นหาบุคลากรมีแววเพื่อการพัฒนาต่อไป
หลังจากนั้น คอนกรีฟก็ตระหนักขึ้นมาว่าในเมื่อเขาจัดหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อกิจธุระของงานเลี้ยงโลหิต แล้วทำไมเขาถึงไม่ทำแบบนี้ให้ลูกค้าคนอื่นด้วยล่ะ?
ถ้าเรื่องนี้ได้ผล ในฐานะตัวกลางธุรกิจผิดกฎหมาย ค่านายหน้าที่เขาได้รับก็จะสูงเอาการ…
คอนกรีฟถูกเชอร์รี่ข่มอยู่เสมอในด้านการค้า ด้วยการที่เชอร์รี่ยึดครองแหล่งสินค้าและการขนส่งของตระกูลแชปแมนไว้ ผลกำไรทางการค้าของคอนกรีฟจึงดิ่งลงเรื่อย ๆ ซึ่งแย่เสียจนเขามีเงินแค่พอจ่ายเงินเดือนให้ลูกน้องไปวัน ๆ
เมื่อความคิดร้ายกาจแบบนี้กำลังแล่นฉิว เขาก็แทบคุมความโลภไว้ไม่ได้
แล้วคอนกรีฟจึงเริ่มแลกเปลี่ยนลับ ๆ ให้กับลูกค้าของเขา จัดการกับของผิดกฎหมาย สินค้าอันตราย และสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ
มีกรณีไม่ธรรมดาเกิดขึ้นบ้างเช่นกัน เช่นตอนที่นักเวทมนตร์ขาวชื่อเฮย์วู้ดที่ตระกูลจี้จ้างอยู่มาขายวิธีปลดตรา ‘ภักดี’ ของเขา
แม้ว่าจะติดป้ายราคาสูงลิ่วเสียดฟ้า แต่คนที่เต็มใจซื้อก็มากมายไม่ขาดสาย และนั่นช่วยคอนกรีฟกอบโกยกำไรได้เป็นกอง
อย่างไรก็ตาม คอนกรีฟก็ยังเศร้าใจกับความโง่เขลาเบาปัญญาของนักเวทมนตร์ขาวอยู่ดี เขาเทียบการตัดสินใจของเฮย์วู้ดไม่ต่างจากการฆ่าห่านทองคำของตัวเองเลย เขาไม่เข้าใจเลยว่านักเวทมนตร์ขาวคนนั้นพอใจกับชีวิตปัจจุบันของตัวเองแล้วหรือขาดความคิดหน้าคิดหลังกันแน่
เมื่อเร็ว ๆ นี้ คอนกรีฟได้ข่าวว่าเฮย์วู้ดถูกจับได้ และถูกฆ่าตายคาที่ไปแล้วอย่างไม่น่าแปลกใจเลย
ทว่านี่ไม่ใช่อะไรที่คอนกรีฟต้องเอามาคิดให้หนักสมอง เขาไม่ได้เปิดเผยตัวตนจริง ๆ ของเขาในตอนที่เขาทำธุรกิจแบบนั้น และเขาก็ไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ด้วย
ทว่าหอการค้าแอชได้กลายเป็นเป้าระบายโทสะของบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ไปแล้ว และสงครามไร้เลือดของการค้าก็ย่อมต้องเกิดไม่ช้าก็เร็ว
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา พอเราได้รับการสนับสนุนจากวิถีแห่งดาบอัคคี เราก็จะสามารถพลิกเกมแล้วนำหอการค้าแอชไปสู่ชัยชนะได้! คอนกรีฟคิดในใจ
วิถีแห่งดาบอัคคี องค์กรที่ทั้งลึกลับและแข็งแกร่งนี้จะเป็นเสาหลักให้กับเขา!
ส่วนยัยพี่สาวครึ่งสายเลือดที่ไปได้อำนาจสะกดใจบางอย่างมาจากร้านหนังสือนั่น คอนกรีฟจะทำให้เธอรู้ซึ้งถึงการทนทุกข์ที่แท้จริงในไม่ช้า!
ในครั้งนี้เขามีเอี่ยวกับปฏิบัติการณ์วงกว้างของโบสถ์แห่งจุดสูงสุด เพราะฉะนั้น วิถีแห่งดาบโลหิตจึงส่งกำลังเสริมมาช่วยเขาด้วย
ชะตากรรมของเชอร์รี่จบสิ้นแน่แล้ว!
คอนกรีฟเย้ยหยันกับตนเองแล้วลุกขึ้นยืน แล้วเขาก็ตะคอกคำสั่งออกมา บอกเหล่าลูกน้องของเขาว่าการแลกเปลี่ยนครั้งนี้สำคัญยิ่งยวด และเขาจะไปร่วมเปิดงานด้วยตนเอง
แน่ล่ะ เขาไปที่นั่นเพื่อเสพความสิ้นหวังสุดหัวใจที่จะปรากฏบนใบหน้าของเชอร์รี่นั่นแหละ
—
การประชุมในครั้งนี้ของงานเลี้ยงโลหิตถูกจัดขึ้นโดยสมาชิกที่ใช้โค้ดเนม ‘มังกรทะยาน’ ด้วยวาระการประชุมคือการแต่งตั้งสมาชิกใหม่และแนะนำให้รู้จักกับสมาชิกคนอื่น ๆ
สถานที่จัดประชุมอยู่ในซอย 336 ภายในห้องลับในบาร์ที่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเป็นเจ้าของ
ชื่อจริง ๆ ของ ‘มังกรทะยาน’ คือดันลอป กัล นักเวทมนตร์ดำระดับสัตว์ประหลาดที่เชี่ยวชาญเวทมนตร์การสรรค์สร้าง เขาเป็นมือฉมังในการสร้างสัตว์ประหลาดตัดต่อและเข้าร่วมการประชุมของงานเลี้ยงโลหิตมาหลายต่อหลายปี
เขาแนะนำสมาชิกใหม่มาแล้วหลายคนและกลายเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและอำนาจมากพอดูในงานเลี้ยงโลหิต
ในโอกาสนี้ เขากำลังจะแต่งตั้งนักเวทมนตร์ดำที่สมาชิกอีกคนของงานเลี้ยงโลหิตแนะนำมา
“นายต้องขอบคุณที่ซิคคาร์โด้ไม่ได้มาเข้าร่วมประชุมครั้งนี้นะ นายถึงได้โชคดีได้ฉันเป็นคนแต่งตั้งนายในวันนี้ คนที่เข้าร่วมทุกคนเป็นรุ่นพี่ในระดับสัตว์ประหลาดทั้งหมด และไม่ใช่อะไรที่ระดับสัตว์ประหลาดหน้าใหม่จะมีหวังไปเทียบตัวเองด้วยได้”
“ระวังการวางตัวของนายไว้ คงดีที่สุดถ้าถ่อมตัวสร้างความประทับใจแรกเข้าไว้เพื่อซื้อใจพวกเขา”
“อย่าไปเหยียบเท้าใคร ไม่งั้นนายจะเจ็บตัวเอง”
มังกรทะยานอบรมตามธรรมเนียมแล้วเอียงศีรษะไปหานักเวทมนตร์ดำที่ตามมาข้างหลังเขา “เข้าใจไหมอสรพิษดำ?”
‘อสรพิษดำ’ คือโค้ดเนมที่สมาชิกใหม่คนนี้ตั้งให้ตัวเอง
ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงโลหิตต้องสวมหน้ากากเพื่อปกปิดเรื่องส่วนบุคคลเอาไว้ และติดต่อกับผู้อื่นโดยใช้โค้ดเนมเท่านั้น
สมาชิกใหม่สวมชุดคลุมสีดำและหน้ากากเหล็กที่เชื่อมติดกับฮู้ด เผยเพียงดวงตาวาววับที่เหมือนกับงู
อสรพิษดำตอบกลับอย่างว่าง่ายด้วยเสียงแหบเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว”
สุนัขตัวใหญ่ที่มีขนสีขาวดั่งหิมะที่แทบเท้าของเขาเห่าเสียงดังออกมากะทันหัน จากนั้นแลบลิ้นออกหอบแฮ่กด้วยสีหน้าออกจะถือตัวและดูไร้เดียงสาเป็นพิเศษ
มังกรทะยานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ทว่าจู่ ๆ เขาก็ถอนหายใจ “นายมีสายเลือดมนุษย์งูเหรอ?”
“อืม”
“พอเข้าใจล่ะ ตัดสินจากชุดของนายแล้ว นายกำลังพยายามเลียนแบบ ‘บุรุษหน้ากากดำ’ อยู่ล่ะสิ?”
อสรพิษดำหยุดฝีเท้าแล้วมองไปที่มังกรทะยาน
มังกรทะยานมองอสรพิษดำด้วยสายตายอมรับและเข้าอกเข้าใจ ขำหึ ๆ อย่างกระอักกระอ่วนพลางถูมืออย่างเขิน ๆ “ที่จริงแล้ว ไวลด์ก็เป็นไอดอลของฉันเหมือนกัน”