บทที่ 230 : ผู้ชอนไชบาดาล
โดริสเหงื่อกาฬแตกพลั่ก
มันให้ความรู้สึกราวกับใครบางคนกำลังมองเธออยู่ใกล้ ๆ แต่เธอแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ข้างหลังตัวเองเลย
‘คาถาปฐพี’ ของเธอครอบคลุมพื้นที่เกือบหนึ่งตารางกิโลเมตรเต็ม ๆ และเธอต้องสังเกตเห็นแน่ถ้ามีใครอยู่ในระยะนี้
แต่ความจริงก็คือไม่มีอะไรอยู่ข้างหลังเธอเลย
และในขณะเดียวกัน โดริสก็สาบานได้ว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง
ในฐานะของผู้หยั่งรู้ ‘การทำนาย’ และ ‘การหยั่งรู้’ จึงเป็นด้านสำคัญที่สุดสำหรับเธอ และลางสังหรณ์ของเธอก็เชื่อมโยงกับบรรยากาศลึกลับของเธอด้วย
เมื่อคำนึงถึงความสามารถระดับภัยพิบัติของเธอ การที่เธอสังหรณ์ว่ามีบางอย่างผิดไปจึงน่าขำยิ่งกว่าการมีคนระดับเหนือนภาสะดุดขาตัวเองล้มเสียอีก
ดังนั้นความจริงก็คือ จะต้องมีตัวตนลึกลับที่แข็งแกร่งจ้องเธออยู่ตลอดเวลาแน่นอน
แต่ในตอนนี้ โดริสไม่มีเวลามามัวกังวลแล้วว่าใครจ้องเธออยู่ เธอมีเวลาเสียสมาธิได้เพียงเท่านี้
ตั้งแต่เริ่ม ความสนใจของเธอทั้งหมดก็ถูกทุ่มไปยังรอยแตกแดนนิมิตที่กำลังหมุนวนตรงหน้าเธอ
‘ผู้ชอนไชบาดาล’ คือชื่อของสัตว์มายาที่จะออกมาจากรอยแตกแดนนิมิต
โดริสได้ชื่อและระดับพลังของมันมาจากการทำนาย รวมไปถึงภาพที่ไม่ปะติดปะต่อบางภาพด้วย
สัตว์มายาตัวนี้อยู่ในระดับภัยพิบัติและแข็งแกร่งมาก และเป็นไปได้ว่าโดริสอาจจะไม่สามารถรับมือมันได้ในเขตป่าเขานี้ เหตุเพราะสภาพแวดล้อม ขนาด และคุณภาพของเจ้าสัตว์มายานี้
รอยแตกแดนนิมิตนี้มีความแปลกของมันอยู่เช่นกัน มันเปิดออกลึกลงไปใต้ดิน
ดังนั้นสถานการณ์ในอุดมคติอย่างการ ‘เย็บ’ รอยแตกแดนนิมิตล่วงหน้าจึงทำไม่ได้ ตัวเลือกเดียวที่เหลืออยู่จึงเป็นการปิดล้อมแล้วฆ่าเจ้าผู้ชอนไชบาดาลนี้เสีย
ทว่าผู้ชอนไชบาดาลสามารถขยับตัวใต้ดินได้อย่างอิสระและมีเปลือกหนาที่หลั่งกรดกัดกร่อนออกมาได้ นอกจากความสามารถในการหนีอย่างรวดเร็วแล้ว มันยังสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ได้ด้วย
สถานการณ์น่าเป็นห่วงอย่างมาก
ถ้าโดริสกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์มายาตัวนี้เพียงลำพัง เธอก็จะสามารถใช้คาถาทำลายล้างวงกว้างเพื่อขุดพื้นลงไปสามฟุตแล้วบีบให้มันออกมาได้
แต่ตอนนี้ เธอต้องปกป้องคนของเธอ รวมไปถึงป่าที่พวกเธออาศัยอยู่ด้วย
นี่คือความรับผิดชอบที่มากับอำนาจทำนายของผู้หยั่งรู้
ตู้ม!
“มันกำลังมา!”
ดวงตาของโดริสเบิกกว้างขึ้น แล้วเธอก็มองขึ้นไป
หนอนที่ดูเหมือนปลาแลมเพรย์ทะลวงพื้นออกมาราวกับปลาวาฬกระโดดเหนือผิวน้ำ แล้วพุ่งตรงมาที่เธอพร้อมขากรรไกรที่อ้ากว้าง
กระแสโคลน ก้อนดินและเศษต้นไม้แตก ๆ ระเบิดออกจากใจกลางจุดระเบิดนั้น โดริสยกคทาในมือของเธอขึ้นสูง ไร้ความหวั่นไหวและไม่ขยับจากที่
คทาไม้ของเธอเปล่งแสงวูบหนึ่ง แล้วแสงเส้นขวางบาง ๆ ที่เปล่งแสงเรือง ๆ ก็ปรากฏขึ้น
โดริสเอื้อมมือออกไปทำท่าราวกับกำลังจะยิงธนู แล้วคทาของเธอก็เปลี่ยนเป็นธนูยาว เมื่อเธอขยับตัวเช่นนั้น แสงสว่างก็มารวมตัวกันเป็นลูกธนูที่เปล่งแสงบนสายธนู
สายตาของเธอเพ่งเล็งไปที่จุดเดียว กระทั่งสายลมแรงที่กระทบใบหน้าของเธอยังไม่ทำให้เธอสะดุ้งสะเทือน
ผู้ชอนไชบาดาลอ้าปากออกจนสุดอย่างตะกละตะกลาม เผยให้เห็นลำคอลึกมืดด้านหลังวงล้อซี่เขี้ยวที่ซ้อนกันไปมา ในตอนนี้เอง โดริสก็ปล่อยสายธนูที่ง้างจนตึงออกไป
ฟิ้ว!
ลูกธนูที่เปล่งแสงพุ่งแหวกอากาศ เปลี่ยนเป็นเส้นแสงอันเจิดจ้า แทงตรงเข้าไปในคอของผู้ชอนไชบาดาลแล้วฝังลงไปในร่างของมัน
“แก๊ซ!! ก๊าซซซซ!!”
เจ้าหนอนยักษ์ฟาดตัวกลางอากาศอย่างแรงแล้วดีดตัวขึ้นราวกับมีก้างปลาตำคอ มันดิ้นพราด ๆ ไปทุกทิศทุกทาง และวงซี่เขี้ยวก็จิกกลับเข้าไปในเนื้อกรามของมันทุกการชักดิ้นของร่างมัน
ตูม! โครม!
ต้นไม้แถวนั้นต่างถูกกวาดไปข้าง ๆ แล้วล้มระเนระนาดลง พร้อม ๆ กับกรดที่หลั่งของมาจากตัวเจ้าหนอนกัดกร่อนทุกอย่างที่มันสัมผัส แล้วเปลี่ยนไปเป็นกองของเหลวที่ส่งเสียงฉ่า
มีเพียงบริเวณที่ปกป้องไว้ด้วยคาถาปฐพีเท่านั้นที่ยังปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน
โดริสดีดตัวถอยหลังไปหลายเมตรแล้วง้างสายธนูขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เธอยิงลูกธนูแสงออกไปสามดอกพร้อม ๆ กัน พวกมันแหวกอากาศไปปักที่เป้าหมายของเธอในพริบตา สร้างแผลที่ฉีกกว้างขึ้นบนตัวเจ้าหนอน
คาถาปฐพีทำให้พื้นดินอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ร่าย แต่เดิมเธอได้เสริมความแข็งของพื้นดินไปแล้ว ทำให้เปลือกหนา ๆ ของผู้ชอนไชบาดาลเกิดรอยขีดข่วนเมื่อมันเคลื่อนผ่านแง่งหินแหลม ซึ่งนี่ก็คือเหตุที่มันโกรธนัก
“กร๊าซซซซซ!!!”
เจ้าหนอนเดือดดาล แล้วเสียงที่เกินจินตนาการของมนุษย์ก็ดังออกมาจากตัวมัน เส้นหนวดมากมายคลี่ออกเกาะเกี่ยวกับต้นไม้และโขดหินใกล้เคียง แล้วมันก็ดีดตัวเข้าใส่โดริสอีกครั้ง
โดริสสูดหายใจลึก ๆ สงบใจตัวเองลง แล้วเสกห่าฝนลูกธนูเข้าใส่เจ้าหนอนในขณะที่ขยับไปสู่จุดที่เธอตั้งค่ายลอบโจมตีเอาไว้
เธอกำลังจะลากเจ้าผู้ชอนไชบาดาลไปที่นั่น!
เรื่องราวกำลังเป็นไปตามแผน…
ทว่าหลังจากการโจมตีหนึ่ง โดริสก็เห็นเจ้าหนอนชะงักลงราวกับหมดแรงแล้ว แล้วระฆังเตือนภัยก็เริ่มดังลั่นในหัวของเธอ
“ไม่ดีแล้ว!”
ใบหน้าของโดริสแข็งค้างไปในขณะที่เธอเปลี่ยนคทาของเธอกลับสู่รูปลักษณ์เดิมของมัน เธอเอื้อมมือออกไปรวบรวมอีเธอร์รอบ ๆ ตัวพลางร่ายคาถา ไม่นานจากนั้นผืนดินก็ส่งเสียงคำรามดังลั่น แล้วโล่พสุธาชั้นแล้วชั้นเล่าก็พุ่งขึ้นซ้อนเป็นชั้น ๆ สร้างเป็นกำแพงดินที่แข็งแกร่ง
“กำแพงปราการ!”
เจ้าหนอนยักษ์โง ‘หัว’ ของมันขึ้นมาแล้วนิ่งไป แล้วร่างของมันก็กระเพื่อมไหวอย่างรวดเร็วพร้อม ๆ กับที่มันอ้าปากออกมาพ่นแม็กม่าที่เรืองแสงสีแดงออกมาเป็นสายอย่างกะทันหัน!
รอยแยกของแดนนิมิตเปิดขึ้นใต้ดิน และจากโครงสร้างร่างกายพิเศษเฉพาะของผู้ชอนไชบาดาล มันก็สามารถกลืนแม็กม่าหลอมละลายเก็บไว้ในตัวมันได้เป็นจำนวนมาก
แม็กม่าหลอมละลายที่ปนเปไปด้วยอีเธอร์ตกลงบนกำแพงดินแล้วทำให้มันกลายเป็นสีดำพร้อมด้วยเสียงฉ่า ก่อนที่จะเริ่มหลอมละลายพื้นดิน ทว่าตัวแม็กม่าเองนั้นไม่อาจสร้างความเสียหายได้มาก เมื่อมันกร่อนชั้นโล่ดินไปได้ ตัวแม็กม่าเองก็แข็งตัวแล้วทำให้ดิน หิน และทรายแข็งตัวขึ้นมาเสียแทน
การตอบสนองของโดริสถูกต้องตรงเผง
ทว่าแม็กม่าก็ตกลงบนต้นไม้ด้วย ทำให้ไฟลุกโหมขึ้นในพริบตา แล้วก็เปลี่ยนไปเป็นไฟป่าที่เกรี้ยวกราด
เสียงร้องอย่างตกใจของคนของเธอดังออกมาจากไกล ๆ
หัวใจของโดริสหล่นวูบ
ในตอนที่ความสนใจของเธอถูกดึงออกไปนั้นเอง โดริสก็ได้ยินเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เมื่อเธอหันกลับมา เจ้าหนอนยักษ์ก็หยุดพ่นแม็กม่าแล้วมุดลงดินไปแล้ว
ดูเหมือนว่าในที่สุดผู้ชอนไชบาดาลจะรับรู้แล้วว่าศัตรูของมันวางแผนอะไรไว้แล้วหนีกลับไปยังสภาพแวดล้อมที่มันคุ้นชิน ในขณะที่พลังของโดริสกระเจิดกระเจิงไป
ราวกับปลาที่ได้กลับสู่น้ำ เจ้าหนอนยักษ์เคลื่อนไหวใต้ดินด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
ไม่นาน เสียงรบกวนอื้ออึงก็ดังออกมาจากทิศที่เหล่าเอลฟ์อยู่
โดริสกำลังจะเลิกล้มการดับไฟแล้วไปช่วยคนของเธอ ทว่าก็มีเสียงสั่นสะเทือนดังออกมาจากพื้น
ครืน.!!!
ชั่วพริบตาสั้น ๆ ภาพหนึ่งก็แวบเข้ามาในใจของโดริส เป็นภาพของรอยแตกแดนนิมิตที่ใต้ดินที่เปิดกว้างขึ้นอีกครั้ง แล้วผู้ชอนไชบาดาลอีกตนหนึ่งก็โผล่ออกมา…
ดวงตาของเธอหรี่ลง แล้วเธอก็พลันตระหนักได้ว่าสัตว์มายาพวกนี้อยู่กันเป็นฝูง!