สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 71.1 เหยาเหยาเสนอแผนการ (1)

หลังพบว่าทิศทางที่ไฟกำลังไหม้คือตำแหน่งของห้องครัว เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกใจกระตุกอย่างรุนแรง เจ็บปวดยิ่งนัก
ทันใดนั้นรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมากขึ้นมา!
ยังไม่ทันได้คิดอะไร ร่างกายเขาราวมีความรู้สึกนึกคิด วิ่งไปทางห้องครัวอย่างรวดเร็วทันที
ในใจอดภาวนาไม่ได้ อย่าเกิดเรื่องใดเลย อย่าเลย…
“เอ๊ะ นายท่านล่ะ!?”
ซิงที่มองสังเกตไปทางห้องครัว พอหัวหน้ากลับมา ไม้เห็นแม้แต่เงาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทำให้เขารู้สึกสงสัย
และเหม่ยที่อยู่ด้านข้าง กลับมีสีหน้าราวกำลังตรึกตรอง มองไปยังทิศที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋รีบร้อนวิ่งหายไปเมื่อครู่ ก่อนพึมพำกับตัวเองว่า
“นี้เป็นครั้งแรกที่นายท่ายกังลเช่นนี้ ช่างแปลกเสียจริง!”
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เหม่ยและซิงยังรีบตามไปที่ห้องครัว

ไฟโหมกระหน่ำอย่างไม่ปราณี ราวปีศาจกำลังปล่อยไฟอันร้อนแรงออกมา ทำให้ไหม้ลุกลามไปทั่วห้องครัว
อุณหภูมิร้อนผ่าวนั้น ยิ่งนานยิ่งสูงขึ้น ทำให้เล่อเหยาเหยาร้อนจนเหงื่อท่วมทั้งตัว เสื้อผ้าเปียกชุ่ม
ที่สำคัญคือควันไฟที่แสบจมูก ทำให้เธอสำลักไม่หยุด
ภายในลำคอเจ็บปวดแสบปวดร้อนราวกับถูกไฟคลอก
เล่อเหยาเหยาเวลานี้ ส่งเสียงตะโกนออกมาไม่ได้เลย
ทว่าการตกใจของเธอเมื่อครู่ ถูกคนพบเข้าแล้ว ผ่านไปไม่นานกลางดึกที่เงียบสงัด พลันมีเสียงเอะอะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ด้านนอกมีเสียงตะโกนที่ลนลานตกใจ ฝีเท้าวุ่นวาย ทันใดนั้นคล้ายมีเสียงร้องไห้อย่างสุดชีวิตของเสี่ยวมู่จื่อดังเข้ามา
แต่เล่อเหยาเหยาเวลานี้ กลับไม่มีแรงแม้แต่ส่งเสียงตอบกลับไป
เพราะเธอเวลานี้เหน็ดเหนื่อยและไม่สบายอย่างมาก
ร้อนยิ่งนัก บนร่างกายราวกับติดไฟ เธอต้องถูกย่างเป็นแน่
เธออยากร้องตะโกน ทว่าในลำคอปวดแสบปวดร้อนยิ่งนัก
เธออยากหนี แต่เท้าเธอปวดแปลบ ทำให้เธอไม่มีแรงแม้จะลุกยืน
สุดท้าย ไม่รู้เพราะสูดควันเข้าไปมากเกินไปหรือไม่ ภาพตรงหน้าเธอเริ่มเลือนลาง ทั้งหมดเริ่มมืดสลัวลง โคลงเคลง ราวไม่ใช่ความจริง…
เธอใกล้ตายแล้วสินะ!
แต่หลังจากตายไป เธอจะกลับโลกปัจจุบันหรือไม่!?
เธออยากไปกลับจริงๆ เธอคิดถึงบ้าน…
นี้คือความคิดก่อนหมดสติไปของเล่อเหยาเหยา หลังจากนั้นเธอไม่รับรู้อะไรอีก
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงไม่รู้ว่าขณะที่ตนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง มีคนว้าวุ่นใจเพราะเธอ

“เสี่ยวเหยาจื่อล่ะ!?”
หลังรีบร้อนมาถึงห้องครัว เหลิ่งจวิ้นอวี๋จับตัวบ่าวรับใช้คนหนึ่งที่มือถือถังน้ำไว้ ก่อนเอ่ยถามทันที
น้ำเสียงเขาเยือกเย็น ทว่าแฝงด้วยความร้อนรนอย่างมาก ทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกเพียงหนังศีรษะชาวาบ
และเมื่อมองดวงตาเย็นชาแดงก่ำนั้นของเขาอีกครั้ง ต้องตกใจจนตาเหลือกออกมา ก่อนหมดสติไป
เมื่อเห็นบ่าวรับใช้ที่ไร้ประโยชน์หมดสติไป สีหน้าเหลิ่งจวิ้นวอี๋ยิ่งขรึมลง
ทว่าพอเขากวาดตามองไปเห็นเสี่ยวมู่จื่อกำลังร้องไห้อยู่ไม่ไกลจากห้องครัว ใจหายแวบ ราวตกลงไปในเหวลึกที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง
เขายังอยู่ด้านใน!
หลังรับรู้เรื่องนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตกใจ พลันแย่งถังน้ำในมือบ่าวรับใช้ด้านข้าง แล้วนำน้ำเย็นในถังราดรดลงบนตัว
โดยไม่สนว่าการกรำเช่นนี้ของตนทำให้ผู้คนตกใจมากเพียงใด หลังจากนั้นเหลิ่งจวิ้นอวี๋พาร่างกายที่เปียกชื้นของตนพุ่งเข้าไปในทะเลเพลิงอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า
“ตายแล้ว ท่านอ๋อง รีบเร็วเข้า รีบช่วยท่านอ๋อง”
เสียงร้องตะโกนอย่างลนลานของทุกคน ภายในวังอ๋องพลันเกิดเสียงเอะอะโวยวายทางนั้นทางนี้ขึ้น
ไม่ว่าคนด้านนอกจะตะโกนเรียกเช่นไร เวลานี้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ในใจเต็มไปด้วยคนตัวเล็กที่ประณีตบอบบางนั้น
พอนึกถึงว่าเขายังอยู่ในห้องครัว หรืออาจประสบเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น ในเขาเจ็บปวดราวถูกมีดทิ่มแทง จนแทบหายใจไม่ออก
นอกจากนี้แม้ตอนที่เขาเข้ามา ร่างกายจะเปียกชุ่มแล้วก็ตาม
แต่ไฟในห้องครัวรุนแรงเกินไป อุณภูมิสูงมาก ผ่านไปไม่นาน เสื้อผ้าและผมของเขาที่เปียกชื้นแห้งสนิทอย่างรวดเร็ว
แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับอดกลั้นกับอุณภูมิที่ร้อนแรงนี้ ดวงตาเย็นชาสอดส่องภานในห้องครัวที่เปลวไฟลุกโชนอยู่นั้นไม่หยุด
คิ้วงามนั้น เวลานี้ขวมดแน่น จนแทบกลายเป็นคำว่า ‘ชวน’
ขณะที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ร้อนใจจนแทบบ้า ในที่สุดเขาก็พบคนผู้นั้น
เห็นเล่อเหยาเหยานอนหมดสติอยู่บนพื้น ใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋คลายลงพร้อมกัน ก่อนพลันจับไว้แน่น
ทว่าเขาไม่คิดให้มากความ ขณะที่เจอตัวเล่อเหยาเหยารีบอุ้มเธอขึ้น พุ่งออกไปจากห้องครัวที่เปลวไฟโหมกระหน่ำราวกับบินทันที
ขณะที่เขาพุ่งออกมา ห้องครัวด้านหลังเขาเกิดเสียง‘โครม’ดังขึ้น จากนั้นทั้งหมดพังถล่มตามลงมา
ขณะที่เกิดเหตุการณ์แสนอันตรายนั้น โชคดีที่เขาหนีออกมาได้ทันเวลา พร้อมทั้งช่วยนำเล่อเหยาเหยาที่หมดสติออกมา
ทุกคนมองทะเลเพลิงที่พังถล่มห้องครัวลงมา และเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่รวดเร็วดั่งลูกศร จนตอนนี้ยังไม่หายตกใจและได้สติคืนมา
จนกระทั่งหัวหน้าขันทีลี่ด้านข้างร้องตะโกนขึ้นมา ทุกคนถึงพลันได้สติ ช่วยกันดับไฟ เชิญหมอหลวง เวลานี้ยุ่งวุ่ยวายยิ่งนัก
ทว่าหลังทุกคนเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่ได้บาดเจ็บ ทั้งยังช่วยเล่อเหยาเหยาออกมาได้ ทุกคนที่เดิมร้อนใจ โล่งอกลงในที่สุด
มีเพียงหัวหน้าขันทีลี่ด้านหลังเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ที่บนใบหน้าแก่ยับย่นดูกระสับกระส่าย
แม้เขาคิดว่าท่านอ๋องเริ่มเอาใจใส่ผู้อื่นเป็นเรื่องดี แต่ห่วงใยขันทีผู้หนึ่งเกินไป นี่มันดีหรือไม่ดีกันแน่!?

เรื่องไฟไหม้วังรุ่ยอ๋องเมื่อคืน ผ่านไปไม่ถึงวัน รับรู้กันทั่วแคว้นเทียนหยวน
นอกจากนี้ไม่รู้ผู้ใดปล่อยข่าวออกไป ลือกันว่าท่านอ๋องไม่สนใจชีวิต พุ่งดข้าไปในกองเพลิง เพียงช่วยขันทีน้อยผู้หนึ่งออกมา
เรื่องนี้แพร่ออกไป ราษฎรพลันนินทากันไปต่างๆ นานา
บางคนถอนหายใจ เดิมทีพญายมไม่ใช่โหดเหี้ยมเย็นชา อำมหิตน่ากลัว กลับเพื่อขันทีน้อยผู้หนึ่ง ไม่คำนึงถึงชีวิต พุ่งเข้าไปในกองเพลิง ทำให้ทุกคนซาบซึ้งอย่างยิ่ง!
บางคนเอ่ยว่าพญายมช่วยเหลือขันทีโดยไม่คิดชีวิตนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะพญายมไม่ชื่นชอบสตรี แต่ขันทีน้อยคือสนมผู้ชายที่เขาเลี้ยงดูไว้
ตรงข้ามกับข่าวลือต่างๆ นานานี้ คนที่อยู่ในเหตุการณ์กลับไม่รสนใจไยดี เพราะข่าวลือภายนอกสำหรับเขานั้นมีมากมายอยู่แล้ว รวมถึงตอนนี้ใจทั้งหมดของเขาตกอยู่ที่คนตัวเล็กบนเตียง ไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจคนอื่น
มองเห็นใบหน้าคนบนเตียงนั้นยังคงแดงก่ำ แม้เขาจะเพียงสูดดมควันเข้าไปมากเกินไป โดยทั่วไปไม่ได้บาดเจ็บหนัก แต่พอเหลิ่งจวิ้นอวี๋นึกถึงเมื่อครู่เพียงนิดเดียว เพียงนิดเดียวที่ต้องสูญเสียเขาไป ใจเจ็บปวดราวถูกมีดกรีด
ไม่เคยมีผู้ใดทำให้เขาเจ็บปวดใจมาก่อน นอกจากขันทีตรงหน้านี้
พอคิดถึงเรื่องนี้ ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋ทั้งจนปัญหาและกลัดกลุ้ม
สุดท้ายเพียงถอนหายใจเบาๆ ออกมา
“เห้อ ข้าควรทำเช่นไรกับเจ้า!?”
…………………………………….

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset