ตอนที่ 61
คำมั่นเมื่อสองปี
เจ้าชายลำดับหนึ่ง มิลาน เฮลิฟาลเต้ เป็นบุคคลเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ
ตั้งแต่หน้าตาหล่อเหลา ผมสีแพลตตินั่มบลอนด์สว่างเป็นประกาย
อีกทั้งยังมีความแข็งแกร่งผิดกับร่างกายที่ดูบอบบาง ด้วยความสามารถทางเวทมนตร์ที่ช่วยเสริมพลังกาย ทำให้ไม่มีใครกล้าเทียบเคียง
อายุอานามหนุ่มแน่น เพียงยี่สิบปี แม้บางครั้งจะยังตัดสินใจไม่เด็ดขาดจากการขาดประสบการณ์ แต่ถ้าเทียบกับวัยเดียวกัน ก็จะเป็นผู้ที่มีความคิดอ่านลึกซึ้ง รอบคอบ และเยือกเย็น เป็นคนประเภทที่ตรงกันข้ามทุกประการ กับสาวน้อยชายวัยกลางคนขี้หงุดหงิดเห็นแก่ตัว
และตอนนี้ ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม มิลาน กำลังสับสนกับคำพูดของบิดา ราชาชวาน
“แต่งงาน!? กับใคร!?”
“ไม่ได้ฟังที่พูดเมื่อกี้เลยหรือ? ก็แกกับเซเลนไงเล่า”
ท่าทางสับสนในตอนนี้ ดูไม่สมกับคนอย่างมิลานแม้แต่น้อย แต่ก็น่าจะปรกติสำหรับชายหนุ่มในวัยนี้ ชวานหัวเราะเบาๆ เหตุผลครึ่งหนึ่งคือระอา อีกครึ่งหนึ่งคือขบขัน
“ต-แต่ว่า อายุยังน้อย ผมเองก็…”
“แกเองก็ยี่สิบแล้ว ชีวิตของตัวเองก็รีบจัดการให้เรียบร้อยซะ จะได้เป็นมกุฎราชกุมารให้บัลลังก์ของเฮลิฟาลเต้มั่นคงได้สักที”
ชวานพูดกับมิลานด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง
ตำแหน่งราชาของเฮลิฟาลเต้นั้นเป็นของชวาน แต่ก็เฉพาะยุคสมัยนี้ สักวันเขาต้องสละราชสมบัติไปใช้ชีวิตอย่างสงบ เพราะฉะนั้น จึงต้องทำให้มิลานรับช่วงต่อได้อย่างราบรื่น
เพราะวันนี้สงบสุข ไม่ได้หมายความว่าพรุ่งนี้จะสงบสุข
“จะเป็นการแต่งงานทางการเมือง เพื่อให้ประเทศชาติแข็งแกร่งยิ่งขึ้น หรือแต่งงานด้วยความรัก เกื้อหนุนกันไปจนแก่เฒ่า ไม่ว่าอย่างไหน เซเลนก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดอยู่ดี”
“เธอเพิ่งจะสิบขวบเองไม่ใช่หรือครับ? เร็วเกินไป…”
“ไม่หรอก ทั้งเฮลิฟาลเต้และอาร์คุยล่าก็เริ่มแต่งงานกันที่อายุสิบห้าปี อีกแค่ห้าปี บางที่ก็ผ่านไปไวจนไม่ทันรู้ตัวเลยนะจ๊ะ”
ไอบิสช่วยพูดเพื่อให้มิลานใจเย็นลง แต่มิลานยังดูเหมือนลังเล ราชาและราชินีนึกเหนื่อยหน่ายอยู่ในใจ เพราะลูกชายของตนเป็นคนโลเลได้ถึงเพียงนี้
“เมื่อถึงตอนนั้น แกจะอายุยี่สิบห้า และเซเลนจะอายุสิบห้า ทุกคนในประเทศจะคาดหวังกับยุคสมัยของแก”
“ก็จริง…”
ราชาผู้มากความสามารถและราชินีผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตา องค์ชายศักดิ์สิทธิ์และเจ้าหญิงแสงจันทร์ หนุ่มรูปงามและสาวน้อยเลอโฉม มารีก็จะมีอายุได้สิบเจ็ดปี เป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม ความเชื่อมั่นในราชวงศ์เฮลิฟาลเต้จะเต็มเปี่ยม และในความจริง ถ้ามองข้ามคนสามัญสำนึกเพี้ยนที่แฝงตัวอยู่ในนั้นได้ก็จะสมบูรณ์แบบที่สุด
“แน่นอนว่าไม่ได้บังคับ ถ้าคิดถึงผลประโยชน์และความเหมาะสมให้ถี่ถ้วนแล้วยังมีคนอื่นอีก ก็เลือกคนที่แกคิดว่าดีที่สุดนั่นแหละ ถ้าแกไม่ชอบเซเลน เดี๋ยวจะหาคนที่ไว้ใจได้ให้เธอแต่งเข้าตระกูลนั้นไป”
“ผมไม่เคยคิดไม่ชอบเธอเลยครับ!”
มิลานไม่ได้พูดติดขัดเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ตอบออกมาเสียงดังชัดเจน แม้แต่ตัวเขาเองยังแปลกใจ
ทางฝั่งชวานก็แค่มองดูเหมือนรู้คำตอบอยู่แล้ว
“ก็รู้อยู่ ความปรารถนาของเซเลนก็เหมือนกัน อย่างที่บอกบอกไปก่อนหน้านี้ ว่าเธอเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแกแล้ว ในตอนที่พาเธอมา แกพูดไว้ว่าจะรับผิดชอบให้ถึงที่สุด เพราะฉะนั้นก็รับมาเป็นคู่ชีวิตที่ช่วยเต็มเต็มสิ่งที่แกขาดหายซะเลยสิ”
อันที่จริงน่าจะเป็น ช่วยฉุดขาให้ร่วงหล่นตามกัน
“ถึงแม่จะอยากเห็นหน้าหลานเร็วๆก็เถอะ แต่ร่างกายของเธออ่อนแอ ตัวก็เล็กบอบบาง ช่วยอ่อนโยนกับเธอหน่อยนะ อย่างรุนแรงเกินไปล่ะ”
เรื่องสมองไม่ขอพูดถึง จริงๆแล้ว สภาพร่างกายของเซเลนก็ไม่ได้ย่ำแย่นัก นอกจากอาการแพ้แสงแดดก็มีเรื่องที่ไม่ชอบออกกำลังกายกับรับประทานอาหารไม่เป็นเวลาจนทำให้ตัวเล็กเมื่อเทียบกับวัย นอกนั้นก็ถือว่ามีสุขภาพดีพอประมาณ
“ท่านแม่… กำลังสนุกอยู่สินะครับ?”
“ถึงแม่จะล้อเล่น แต่สักวันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่ดีนะจ๊ะ และก่อนจะถึงขั้นนั้น ยังมีปัญหาที่ต้องแก้อยู่อีก”
ไอบิสที่ยิ้มแย้มมาตลอด เริ่มจริงจังขึ้นมาบ้าง อาจเป็นประเด็นที่ต้องพูดในฐานะราชินี
มิลานเข้าใจดี จึงตั้งใจฟังเรื่องต่อจากนี้
“อย่างที่ไอบิสว่ามานั่นแหละ อุปสรรคสุดท้ายที่จะขวางไม่ให้แกแต่งงานกับเซเลนได้อย่างมีความสุข”
ชวานกล่าวเช่นนั้นพร้อมหยิบม้วนกระดาษขึ้นมากางออกให้มิลานได้เห็น
“นั่นคือ…”
“สองปีก่อน เพื่อให้ได้ตัวเซเลนมา แกได้ทำสัญญาเอาไว้ สถานการณ์ต่างออกไปเพราะตอนนี้เป็นที่รู้กันไปทั่วแล้วว่าเซเลนคือเจ้าหญิงลำดับสองของอาร์คุยล่า ปัญหาคือหลังจากตรงนี้”
“หลังจากนี้?”
มิลานทวนคำพูดของชวานซ้ำ ก่อนที่ชวานจะพูดต่อ
“เมื่อเซเลนอายุได้สิบห้าปี แกก็จะแต่งงานกับเธอได้อย่างถูกต้อง ผู้คนทั้งหลายจะร่วมยินดี และได้รับคำอวยพรมากมาย แต่จะไม่มีมาจากคนคนหนึ่ง”
“…ราชินีอาร์คุยล่า แม่ของเซเลน”
มิลานคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งชวานก็พยักหน้าตอบรับว่าความคิดนั้นถูกต้อง
“ใช่แล้ว หลังจากเซเลนมีชื่อเสียงในฐานะเจ้าหญิงแสงจันทร์เมื่อสองปีก่อน อาร์คุยล่าส่งทูตมาขอรับตัวเธอคืน ในตอนนั้นพวกเราได้ปฏิเสธ ถ้ายอมรับข้อเสนอ เซเลนจะต้องกลับไปอยู่ในคุกเพื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือไปจนวันตายอย่างแน่นอน”
ที่ทำให้ชวานและมิลานโมโหมากที่สุดคือเรื่องที่ว่า สิ่งเดียวที่คนพวกนั้นต้องการคือ เพื่อใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของเซเลนเท่านั้น จึงได้ทำการปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวเพื่อปกป้องเธอ
แต่ทางฝั่งของเซเลนเข้าใจว่า อาร์คุยล่ามารับกลับบ้านพร้อมกับอาลัว แต่ถูกมิลานปฏิเสธ จึงได้โมโหทางนี้แทน
“ข้าได้คุยกับไอบิสในเรื่องนี้แล้ว มีความเห็นตรงกันว่าทางเราต้องการให้อาร์คุยล่าเป็นพันธมิตรที่เท่าเทียม ไม่ใช่ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงเยี่ยงอาณานิคม นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เซเลนมีความสุข”
หลังคำพูดของชวาน ก็มีคำพูดของไอบิสต่อทันที
“ชีวิตของเด็กน่าสงสารคนนั้นต้องถูกแบ่งแยกตั้งแต่อายุยังน้อย หลังจากพามาที่เฮลิฟาลเต้ได้ไม่นานก็ถูกคำสาปทำร้ายจนหลับใหล ความสุขของเธอช่างสั้นเหลือเกิน ใช่ไหมจ๊ะ?”
“…ครับ”
เขาเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของไอบิส มิลานกำหมัดแน่น
ที่ผ่านมา มิลานเป็นฝ่ายรับจากเซเลนมากกว่าให้ (รู้สึกไปเอง) บางครั้งในตอนที่พยายามทำให้เธอดีใจก็กลับสร้างความลำบากให้กับเธออีก
หัวใจของมิลานถูกความจริงนี้ทิ่มแทงอยู่เรื่อยมา
“เพราะฉะนั้น ถึงอยากให้เซเลนได้พบแต่กับความสุข อาจฟังดูเป็นเรื่องยาก แต่อยากให้เธอคืนดีกับราชินีอาร์คุยล่าที่เป็นแม่แท้ๆของเธอ… ต่อให้พวกเรานับเธอเป็นครอบครัว ก็ยังเทียบไม่ได้กับการได้รับความรักจากพ่อแม่บังเกิดเกล้า”
“เข้าใจแล้วครับ”
สภาพแวดล้อมที่มิลานเติบโตมา ไม่มีศึกสายเลือดหรือการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ เป็นกรณีที่ค่อนหายากสำหรับราชวงศ์
ทำให้เป็นครอบครับที่สนิทสนมกันดี ความระหองระแหงกับมารีจึงเป็นเรื่องใหญ่ การที่ได้เซเลนมาช่วยไกล่เกลี่ยให้ครอบครัวใกล้ชิดกันได้อีกครั้ง ทำให้รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
“สรุปว่า แกต้องไปอาร์คุยล่าอีกครั้งในฐานะเอกอัครราชทูตชั่วคราว ในตอนนี้ ชื่อของเซเลนก็เป็นที่รู้จักไปทั่วทวีปแล้ว ไม่น่าไปเจอพวกฉวยโอกาสเสนอตัวเข้ามาใกล้ชิดกับแกอีก”
ภารกิจสำคัญเพื่อให้เซเลนกับแม่ของเธอคืนดีกันได้สำเร็จ
เป็นเป้าหมายหลักของชวานและไอบิส… ไม่สิ คือความต้องการของทุกคนที่เห็นเซเลนเป็นคนสำคัญ ซึ่งก็รวมถึงมิลาน
เพื่อทำให้ราชินีอาร์คุยล่ายอมรับในตัวของเซเลน เมื่อถึงเวลาได้แต่งงานกับมิลานก็จะไม่มีใครคัดค้าน เซเลนจะเป็นบุคคลอันเป็นที่รักของคนทั้งทวีปอย่างแท้จริง ทั้งเฮลิฟาลเต้และอาร์คุยล่าก็จะเจริญรุ่งเรื่องไปพร้อมๆกัน ชวานเชื่อเช่นนั้น โดยที่ไม่รู้ว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง คนที่ทุกข์ทรมานที่สุดจะมีแต่เซเลนเพียงคนเดียว
“ท่านพ่อท่านแม่ไม่ต้องกังวล ต่อให้ไม่มีเรื่องแต่งงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมก็จะทำให้เซเลนได้รับความรักจากแม่แท้ๆของเธอให้ได้ ผมจะเตรียมตัวให้พร้อมเดินทางไปอาร์คุยล่าทันทีครับ”
“ช้าก่อน ไม่ต้องรีบขนาดนั้น ครั้งนี้ไม่ใช่ศัตรูที่ใช้กำลังเข้าสยบได้เหมือนกลุ่มผู้ใช้คำสาป แต่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ความสัมพันธ์ระหว่าแม่และลูกไม่ใช่อะไรที่แกจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ”
ก่อนที่มิลานจะขอตัวออกจากห้อง ชวานก็ได้ห้ามเอาไว้ด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“บางทีแกก็ใจร้อนจนน่าตกใจ อย่างตอนที่บุกเข้าไปในป่าสีขาวเมื่อสองปีก่อนก็เหมือนกัน หรือเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเซเลน?”
“คิดว่าควรลงมือให้เร็วเพื่อตอบสนองความไว้ใจที่ท่านพ่อแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชทูตครับ…”
“ใจเย็นๆก่อนก็ได้ แกยังไม่รู้จักราชินีอาร์คุยล่าดีเลยด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ทั้งหลายที่พวกเรายังไม่รู้ แกจะทำให้สำเร็จโดยไม่มีผู้ช่วยไม่ได้”
“ผู้ช่วย?”
มิลานเอียงคอสงสัย และสังเกตได้ว่าข้างนอกห้องอีกฝั่งหนึ่งของประตูยังมีคนอื่นอยู่อีก
“เพิ่งส่งจดหมายเรียกตัวไปแท้ๆ ยังอุตส่าห์รีบมาในทันที ช่วยได้เยอะเลย”
หลังจากชวานให้อนุญาต ทหารยามหน้าห้องก็เปิดประตูให้คนคนหนึ่งเข้ามา
เป็นคนที่รู้จักกันดี อาลัวในชุดสีชมพูอ่อนเข้ามาในห้อง
“ขออภัยที่มารบกวนเวลาของท่าน ราชาชวาน”
“ไม่หรอก ทางนี้เรียกมาเอง ต้องขอโทษที่เรียกมาอย่างกะทันหัน ข้าอยากขอยืมความรู้ของเจ้า ทำตัวตามสบายเถอะ”
“มิได้ค่ะ! ท่านยอมทำถึงขนาดนี้เพื่อน้องสาวของฉัน เซเลน… หวังว่าฉันจะมีประโยชน์… ให้พวกท่านใช้งานเพื่อช่วยเหลือเธอให้ได้ค่ะ!”
ถึงจะถูกบอกให้ทำตัวตามสบาย แต่อาลัวก็ยังคุกเข่าทั้งที่อยู่ในชุดเดรส เมื่ออยู่ต่อหน้าชวาน
ผู้ที่ใกล้ชิดกับราชินีอาร์คุยล่ามากที่สุดและรู้ถึงความสัมพันธ์ภายในเป็นอย่างดี ในที่นี้ไม่มีใครอื่นนอกจากอาลัว พี่สาวของเซเลน ชวานตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากอาลัวก็เพราะเหตุนี้
และแล้ว อาลัว ซึ่งเป็นคนที่เซเลนต้องการแต่งงานด้วยมากสุด จะทำการสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง เพื่องานแต่งงานของเซเลนและมิลาน ซึ่งเป็นคนที่เซเลนไม่ต้องการแต่งงานด้วยมากที่สุด