ตอนที่ 319 คิดถึงมากเกินไป
เมื่อหลินเยียนได้สติกลับมาก็ถูกกอดอยู่ในอ้อมอกที่แฝงความเย็นเยียบของสายลมยามค่ำคืนแล้ว
ชั่วพริบตานั้น โลกทั้งใบก็เต็มไปด้วยกลิ่นไออันแสนจะเงียบสงบราวกับป่าลึกที่แสนจะคุ้นเคยนั้น แฝงไว้ด้วยกลิ่นของใบยาสูบจางๆ …
ถึงแม้จะนับว่าคบหากันมานานแล้ว แม้กระทั่งจูบก็จูบกันแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่เคย…ใกล้ชิดเผยอวี้เฉิงขนาดนี้มาก่อนเลย…
เพราะเผยอวี้เฉิงไม่เหมือนคนที่มีอารมณ์ร้อนแรงแบบนั้นเลยสักนิด แม้แต่ตอนที่ยั่วเย้าเธอทุกครั้งก็ทำอย่างช่ำชอง แต่การกอดนี้กลับเหมือนถ่ายทอดและเปิดเผยอารมณ์ที่ไม่คงที่ของผู้เป็นเจ้าของออกมาอย่างนั้น
หลินเยียนหัวสมองว่างเปล่า เพราะการกอดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยนี้ ทำให้เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นทันที
จากนั้นก็มีคำพูดของเผยอวี้เฉิงประโยคนั้นผุดขึ้นมา…
คิดถึงเธอจนไม่สบาย…
เผยอวี้เฉิงรีบกลับมาก่อนเวลากะทันหัน กระทั่งว่ายังปรากฏตัวอยู่ภายในห้องเก็บของร้างแห่งนี้อย่างกะทันหันอีกด้วย หรือว่าเป็นเพราะ…
เพราะคิดถึงเธอ เลยรีบกลับมาก่อนเวลา
เพราะอยากเจอเธอทันที แต่ก็กังวลเรื่องที่เธอเคยพูดไว้ว่าห้ามให้คนอื่นรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา ดังนั้นถึงให้เผยหนานซวี่จัดเตรียม…สถานที่นัดเจอแบบนี้?
พริบตานั้น หลินเยียนรู้สึกตกใจเพราะความคิดนี้ของตัวเอง
มีเพียงเสียงลมหายใจของคนทั้งสองภายในห้องเก็บของอันแสนจะเงียบสงัดเท่านั้น
ติ๊ด…
ติ๊ด…
ติ๊ด…
ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
หลินเยียนมองไปที่นาฬิกาข้อมือเผยอวี้เฉิงโดยอัตโนมัติ จากการคาดเดาของเธอ นาฬิกาเรือนนี้น่าจะเป็นเครื่องมือตรวจวัดทางการแพทย์อะไรสักอย่างแน่
เหมือนจะร้องเตือนแค่ช่วงที่เผยอวี้เฉิงได้รับความกระทบกระเทือนทางอารมณ์ ค่าภายในร่างกายเกินเกณฑ์ที่กำหนดเท่านั้น
เอ่อ แล้วเธอไปทำให้เขากระทบกระเทือนตรงไหนอีก?
เมื่อเห็นอุปกรณ์เตือนส่งเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง หลินเยียนก็เริ่มเครียดขึ้นมาทันที “เอ่อ…ดังแล้ว…นาฬิกาดังแล้ว…ต้องไปหาหมอ…”
หลินเยียนเพิ่งคิดจะขยับตัว ทันใดนั้นก็ถูกกดกลับไปอีก
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หายแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยปากพูด
หลินเยียน “…”
จะไม่เป็นไรได้ยังไง!
ก่อนหน้านี้เผยอวี่ถังบอกเธอว่ามันร้ายแรงเสียขนาดนั้น!
หลินเยียนร้อนใจทันที “จะไม่เป็นไรได้ยังไง คุณชายสามเคยบอกสภาพร่างกายของคุณให้ฉันฟังแล้ว บอกว่าคุณจะได้รับความกระทบกระเทือนไม่ได้ คุณไปเมืองนอกคราวนี้เหนื่อยมากเกินไปหรือเปล่าคะ?”
เผยอวี้เฉิงฟังเสียงร้อนรนจะเป็นจะตายของหลินเยียน ค่อยลืมตาที่ปรือเล็กน้อยขึ้นมา ดวงตาปรากฎรอยยิ้มฉายวาบ ผงกศีรษะแล้วตอบว่า “อืม”
เธอรู้!
หลินเยียนกำลังจะพูด วินาทีต่อมาเผยอวี้เฉิงก็พูดต่อไปว่า “คิดถึงมากเกินไป”
หลินเยียน “…”
การพูดโดยส่งข้อความกับการพูดด้วยตัวของเผยอวี้เฉิงเองนั้นให้ความรู้สึกสองอย่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เธอยังพอรับการส่งข้อความไหว แต่ตอนนี้…
เธอค่อนข้าง ตื่นเต้นบ้างแล้ว…
หมายความว่าเขาคิดถึงเธอมากเกินไปจริงๆ ดังนั้นเขาถึงบอกให้เผยหนานซวี่จัดเตรียมสถานที่ผุพังเล็กๆ แบบนี้เพื่อเจอหน้าเธออย่างงั้นเหรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินเยียนก็รู้สึกพูดไม่ออก
ก่อนที่สมองจะถูกความตื่นเต้นทำให้สับสน หลินเยียนรีบเบี่ยงเบนหัวข้อสะเปะสะปะ “คือ…คือว่า…ยังไม่ทันได้บอกคุณเลย เรื่องของคุณแม่ฉัน ของคุณตาฉัน รวมถึงของคุณอาเซี่ยจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ขอบคุณนะคะ”
เผยอวี้เฉิงเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “เธอไม่ต้องเกรงใจ เดิมทีก็มีสาเหตุมาจากฉันอยู่แล้ว”
“แต่ถึงยังไงคุณก็เป็นคนจัดการ…ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจคุณผิดไป…ขอโทษนะคะ…”
หลินเยียนพูดอธิบาย “ถึงยังไงด้วยอำนาจของคุณ ถ้าคิดจะบีบบังคับฉันก็มีวิธีนับไม่ถ้วน เรื่องพวกนั้นคุณพูดแค่ประโยคเดียวก็ได้แล้ว ดังนั้นตอนนั้นเพราะฉันอารมณ์ร้อนเกินไป ฉันเลยเข้าใจคุณผิดไปโดยไม่รู้ตัว แต่คิดไม่ถึงว่า…”
ในที่สุดเผยอวี้เฉิงก็ปล่อยตัวหญิงสาว กลับคืนสู่ความเฉยชาอย่างที่เคยเป็นมา “อยากรู้ไหมว่าเพราะอะไร?”
ตอนที่ 320 ทำไม่ลง
หลินเยียนผงกศีรษะโดยอัตโนมัติ
มีหลายครั้งที่ท่าทีและการกระทำของเผยอวี้เฉิงขัดแย้งกันเอง ทำให้เธอไม่เข้าใจเลย
หลังจากได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเผยอวี้เฉิง เธอก็หมดข้อสงสัย เผยอวี้เฉิงทำเรื่องพวกนั้นออกมาได้จริงๆ ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเผยอวี้เฉิงถึงไม่ได้ทำแบบนั้น
“ก็…ไม่เข้าใจอยู่บ้างจริงๆ ค่ะ…” หลินเยียนสารภาพตามตรง
ในความมืดสลัว ชายหนุ่มซึ่งสวมชุดที่มีแต่ฝุ่นเต็มไปหมดกำลังจ้องมองเธออย่างสงบนิ่งพร้อมเอ่ยว่า “ทำไม่ลง”
เพราะทำไม่ลง…
หลินเยียน “…”
เสี้ยววินาทีที่คำพูดหลุดออกจากปากมา ใจของหลินเยียนก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างมากระแทก ความรู้สึกชาวาบแผ่ขยายไปตามอวัยวะและกระดูกภายในชั่วพริบตา
กรรมแท้ๆ…
เธอหาหัวข้อไปอย่างงั้นเอง เดิมทีคิดว่าจะช่วยผ่อนความตื่นเต้นลงไปได้บ้าง แล้วทำไมสุดท้ายกลับยิ่งตื่นเต้นได้ล่ะ
ตอนนี้หลินเยียนเสียกระบวนไปอย่างสิ้นเชิงแล้วจริงๆ เฮ้อ เผยอวี้เฉิงมีท่าทีอย่างไรกับเธอกันแน่?
ช่างเหมือน…หมอก เหมือนฝน และเหมือนสายลม เดาทางไม่ถูกเลย
หลินเยียนหัวเราะด้วยความกระอักกระอ่วนใจ ไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปเช่นไรดี เธอพูดพึมพำออกมาว่า “คือว่า…ที่นี่…ราชาภาพยนตร์เผยเป็นคนหางั้นเหรอคะ”
เผยอวี้เฉิง “อืม”
หลินเยียน “แค่ก ปลอดภัยมากจริงๆ”
เผยหนานซวี่ก็ทำไปได้ เป็นถึงราชาภาพยนตร์ แต่กลับตั้งอกตั้งใจหาสถานที่ให้พวกเขาสองคนแอบเจอกัน
เพียงแต่ต้องให้เผยอวี้เฉิงเป็นคนขอ เผยหนานซวี่ถึงจะทำให้แบบนี้
หลินเยียนมองเผยอวี้เฉิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าสลับซับซ้อน
ก่อนหน้านี้ไม่นานนักยังอยากจะควบคุมทุกอย่างของเธอไว้แท้ๆ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ทำตามความต้องการของเธอด้วยความดูแลเอาใจใส่แบบนี้ได้ล่ะ…
“เหมือนคุณจะกลับมาก่อนตั้งหลายวัน งานทางนั้นเรียบร้อยแล้วเหรอคะ” หลินเยียนถาม
“ยังเหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย ไม่จำเป็นต้องให้ฉันอยู่ด้วย” เผยอวี้เฉิงตอบ
หลินเยียน “อ้อ…ใช่แล้วล่ะ วันนี้ฉันปิดกล้องแล้วนะคะ”
เผยอวี้เฉิง “อืม รู้แล้ว”
เอ่? รู้แล้ว? เผยหนานซวี่คงบอกเขาสิท่า…
ภายในห้องเล็กสกปรกดำมืดเก่าผุพังห้องนี้ ทั้งสองเริ่มคุยกันในลักษณะที่อีกฝ่ายพยายามหาเรื่องคุย
หลินเยียนมองดูชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ขนาดนี้ก็ยังมีสภาพเหมือนเทพบุตรลงมาจุติดังเดิม รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงเลยจริงๆ
ก่อนหน้านี้ยังเตรียมตัวที่จะอธิบายให้เผยอวี้เฉิงเข้าใจอีกครั้งตอนที่ได้เจอกันเสียด้วยซ้ำ
เพียงแต่นับตั้งแต่คุยกับเผยอวี่ถังคราวก่อนจนได้รับรู้สภาพร่างกายของเผยอวี้เฉิง เธอก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปเลย
ยิ่งไปกว่านั้น…
หลินเยียนมองนาฬิกาที่ข้อมือเผยอวี้เฉิง
นาฬิกาเรือนนั้นยังคงส่งเสียงดัง ‘ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด’ อยู่ตลอดเวลา แม้ความถี่คล้ายจะค่อยๆ ช้าลงก็ตาม แต่ก็ยังส่งเสียงขาดๆ หายๆ ไม่หยุดอยู่ดี แล้วหลินเยียนยังจะกล้าพูดที่ไหนกันเล่า
หลินเยียนกระแอมเบาๆ แสร้งพูดด้วยท่าทางสบายอารมณ์ไม่สนใจอะไร “ใช่แล้วล่ะ เพื่อนสาวคนสนิทของฉันคนหนึ่งช่วงนี้เธอหงุดหงิดมาก มาบ่นกับฉันตลอดเลย ที่เธอคบกับแฟนเธอ ไม่ใช่เพราะชอบเขา แต่ต้องแสดงละครเพราะเหตุผลพิเศษบางอย่าง ตอนนี้เพื่อนสนิทฉันกลุ้มใจมากว่าควรบอกแฟนเธอเรื่องนี้ดีไหม”
เผยอวี้เฉิงฟังหญิงสาวพูดด้วยท่าทีสงบนิ่ง สีหน้านิ่งสงบล้ำลึก ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่แม้แต่น้อย
“คุณเผย เรื่องแบบนี้คุณคิดว่ายังไงคะ” หลินเยียนพูดอย่างระมัดระวัง
เมื่อหลินเยียนพูดจบ ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง ห้องเล็กอันคับแคบนั้นเงียบกริบ
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มก็ดังอยู่ข้างใบหู “ความแตกต่างระหว่างการทำตามอำเภอใจกับความหลงใหลตลอดชีวิตก็คือการทำตามอำเภอใจจะยาวนานกว่าเล็กน้อย[1]”
[1] ความแตกต่างระหว่างการทำตามอำเภอใจกับความหลงใหลตลอดชีวิตก็คือการทำตามอำเภอใจจะยาวนานกว่าเล็กน้อย ข้อความจากนิยายเรื่อง ภาพวาดโดเรียนเกรย์ : The Picture of Dorian Gray โดย ออสการ์ ไวลด์