ตอนที่ 383 หรือว่าจะมีวิธีอื่นอีก?
“พี่สะใภ้ครับ พี่อย่าได้เชื่อคำพูดเลอะเทอะของตาแก่นี่นะ ยาที่พวกเขาคิดค้นเพื่อพี่อวี้ก็พอๆ กับยาพิษแหละ พวกเขาต้องการแค่ทำภารกิจสำเร็จ ยับยั้งอาการได้ชั่วคราว เขาไม่สนใจหรอกว่าพี่อวี้จะทรมานแค่ไหน!
ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพทุรนทุรายแบบนั้น แค่สัมผัสโดนอากาศยังอันตรายเลย แบบนั้นยังเรียกว่ามีชีวิตอยู่อีกเหรอ?” ฉินฮวนพูดขึ้นด้วยความลนลาน
“เด็กน้อยไร้เดียงสา แกจะไปรู้อะไรล่ะ พูดอะไรมั่วๆ อยู่ได้…” อาจารย์ถันโมโหจนแทบหัวใจวาย
เจ้าหนุ่มนี้ตั้งข้อสงสัยกับผลงานที่พวกเขาวิจัยออกมาด้วยหยดเหงื่อ ช่างเหิมเกริมจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็เริ่มด่าทอขึ้นมา
“พวกเราเป็นเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ถ้าพวกนายเห็นแก่คุณชายใหญ่ก็รีบหลบไปซะ!”
“นั่นสิ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ พวกนายรับผิดชอบได้เหรอ?”
“ต่อให้ผลข้างเคียงของยามหาศาลขนาดไหน มันสำคัญกว่าการมีชีวิตต่อไปได้อีกเหรอ?”
…
หลินเยียนถูกป่วนจนปวดหัว แต่คำพูดของฉินฮวนทำให้เธอฉุดคิดเล็กน้อย ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามฉินฮวนขึ้น “แล้วนอกจากกินยาแล้วนายยังมีวิธีอื่นอีกเหรอ?”
ฉินฮวนดูมีความหวังแล้วรีบเอ่ยปากพูดขึ้น “มีครับๆๆ ถ้าพี่ไปนอนกับพี่อวี้…ถุ้ย…ผมหมายถึงแค่พี่อยู่ในบริเวณที่พี่อวี้มองเห็นก็พอครับ! ถ้ามีการสัมผัสถึงเนื้อถึงตัวก็จะดีกว่าเดิมเยอะเลยครับ!”
หลินเยียน “…???”
หลินเยียนฟังแล้วถึงกับพูดไม่ออก นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ผ่านไปสักพักแล้ว หลินเยียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันว่า คำพูดของหมอดูน่าไว้ใจกว่า…”
เพราะยังไงเจ้าฉินฮวนนี่ดูท่าทางประหลาดพิลึก
ต่อให้โรคของเผยอวี้เฉิงจะขึ้นอยู่กับอารมณ์ และในบางครั้งเธอสามารถทำให้อารมณ์ของเผยอวี้เฉิงสงบลง แต่มันก็อันตรายเกินไป จะทำเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องตลกได้ไงล่ะ
คิดว่าเธอเป็นตุ๊กตานำโชคจริงๆ แล้วหรือไง?
“โธ่เอ้ย! ทำไมพี่สะใภ้ไม่เชื่อผมล่ะครับ! พี่คือยาของพี่อวี้! พี่มีผลมากกว่ายาสงบหรือยาบ้าบอคอแตกพวกนั้นอีก!”
“ไอ้บ้า! แกกล้าบอกว่าสิ่งที่ฉันวิจัยขึ้นมาเป็นของบ้าบอคอแตกงั้นเหรอ…”
…
เห็นท่าว่าจะมีการทะเลาะครั้งที่สองเกิดขึ้น สีหน้าหลินเยียนตึงขึ้นมาทันที “หุบปากให้หมดนี่แหละ! ฉันจะเข้าไปดูอาการของคุณเผยอวี้เฉิงก่อน!”
“อะไรนะ! ไม่ได้นะ! นี่มันอันตรายเกินไป! ตอนนี้ใครก็ห้ามเข้าใกล้คุณชายใหญ่”
อาจารย์ผมขาวนั่นยังไม่ทันพูดจบ หลินเยียนก็เดินมายังห้องนอนของเผยอวี้เฉิงแล้ว ขณะที่ผู้คนยังไม่ทันได้ตั้งตัว เธอบิดกุญแจบนลูกบิดประตูแล้วเดินเข้าไปทันที
เผยหนานซวี่อึ้งไปทันที อยากห้ามไว้แต่ก็ไม่ทันแล้ว
อาจารย์ถันเองก็ตกใจเช่นกัน “ยัยหนูนี่! ไม่อยากหายใจแล้วเหรอ?”
เข้าใกล้เผยอวี้เฉิงตอนนี้ ไม่ตายก็เจ็บสาหัส!
ทุกครั้งที่พวกเขาฉีดยาสงบให้เผยอวี้เฉิงยังต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะควบคุมจากทางไกล…
แต่เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ผู้คนได้แต่มองหญิงสาวเข้าไปข้างในอย่างโผงผาง จากนั้นต่างจ้องมองไปยังอุปกรณ์ที่มีแสงไฟสีแดงกะพริบอย่างไม่หยุดหย่อนด้วยสายตากังวล
…
ขณะที่หลินเยียนเดินเข้าไป ด้านในไม่ได้เละเทะเหมือนที่เธอคิดไว้ดั่งครั้งที่แล้ว แล้วก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่คนข้างนอกพูดด้วย
ภายในห้องนิ่งสงบ มีเพียงเสียงสัญญาณแจ้งเตือนดังจากนาฬิกาเป็นพักๆ
ส่วนเผยอวี้เฉิงกำลังนอนหลับไหลอยู่บนเตียงอย่างสงบ…
แต่ในขณะนี้สีหน้าของเขาไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ บนหน้าผากเต็มไปด้วยหยดเหงื่อ สีหน้าทรมาน หายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกำลังเผชิญหน้าต่อเรื่องราวอันเลวร้ายสุดๆ อยู่…
ตอนที่ 384 ความรักนี้ต้องเสี่ยงชีวิตขนาดนี้เลยเหรอ!
หลินเยียนรีบเดินเข้าไปทันที…
แทบจะวินาทีเดียวกับที่เธอเข้าใกล้ ผู้ชายบนเตียงเบิกตาขึ้นอย่างกะทันหัน
ภายในความมืดมิด แววตาคู่นั้นเผยความน่ากลัวที่หลินเยียนไม่เคยพบเห็นมาก่อน เยือกเย็นถึงขีดสุด ราวกับสัตว์ป่าที่กระหายเลือดเช่นนั้น เหมือนกับว่าทุกอย่างสามารถพังทะลายลงภายในชั่วพริบตา…
ความกดดันมหาศาลกระจายไปทั่วห้องจนทำให้หลินเยียนสันหลังเย็นวาบ ราวกับรากออกมาจากส้นเท้าเช่นนั้น หยุดชะงักอยู่กับที่แล้วไม่กล้าเดินหน้าอีกต่อไป
ในขณะเดียวกัน นาฬิกาบนข้อมือเผยอวี้เฉิงเหมือนถูกบางอย่างกระตุ้นจนดังขึ้นด้วยจังหวะที่เร่งรีบกว่าเดิม
เสียงนั้นยิ่งทำให้รู้สึกหวาดระแวงไปกว่าเดิม…
ราวกับเสียงพยากรณ์ถึงเรื่องราวอันตรายและน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้…
ความหวาดกลัวทะลักออกมาจากส่วนลึกในหัวหลินเยียน ปฎิกิริยาแรกคือต้องวิ่งหนีเดี๋ยวนี้ วิ่งหนีผู้ชายคนนี้และความอันตรายตรงหน้าไปให้ไกล…
แต่ขณะที่เธอมีความคิดแบบนี้เกิดขึ้น สายตาของเผยอวี้เฉิงน่ากลัวยิ่งขึ้น…
หลินเยียนพยายามข่มใจลงทำให้ตัวเองใจเย็น
เผยอวี้เฉิงในขณะนี้ เหมือนกำลังฝันร้ายแล้วสะดุ้งตื่นเพราะเธอ ดังนั้นจำเธอไม่ได้ในชั่วขณะแค่นั้นเอง
ดังนั้น ใจเย็น! ใจเย็น!
อย่ากลัว…
เธอแอบรู้สึกว่าการที่ตัวเองกลัวอาจจะกระทบฝ่ายตรงข้ามมากขึ้น
เธอพยายามนึกภาพความอ่อนโยนที่ผู้ชายตรงหน้าปฎิบัติต่อเธอมาตลอด…
นึกถึงคำว่า ‘ไม่อยากปล่อยเธอไว้’ ที่เผยอวี้เฉิงพูด นึกคำว่า ‘อยากได้รางวัลอะไร’ นึกถึงภาพที่เขาบอกกับตัวเองว่า ‘ตอนเธออยู่ในสนามแข่งสวยมาก’
หลินเยียนหลับตา บังคับไม่ให้ตัวเองถอยหลังไป แต่ยืนอยู่กับที่แล้วฝืนใจเอ่ยปากขึ้นเสียงเบา “คุณเผยคะ…”
ภายในห้องที่มีแต่เสียงสัญญาณดังอยู่ คำพูดเบาๆ อย่าง ‘คุณเผยคะ’ จากหญิงสาวราวกับเป็นแสงริบหรี่ที่สาดส่องเข้ามาสู่ความมืดมัว
แววตาเย็นเยือกของเผยอวี้เฉิงสั่นคลอนเล็กน้อย เหมือนกับว่าเพิ่งตั้งตัวได้
จากนั้น นัยน์ตาอันน่าหวาดกลัวคู่นั้นเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ สายตาคู่นั้นค่อยๆ มองไปยังหญิงสาวตรงหน้า…
“คุณเผยคะ คุณรู้สึกยังไงบ้าง ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” หลินเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองไปยังผู้ชายที่ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา
และแล้วหลินเยียนก็ไม่ได้รับคำตอบจากชายหนุ่มแต่อย่างใด
เผยอวี้เฉิงเหมือนสัตว์ป่าที่ไร้ความรู้สึกและไม่มีสติ ภายในชั่วพริบตาเขามาถึงข้างๆ หลินเยียนแล้ว
ขณะนี้ หลินเยียนและเผยอวี้เฉิงสบตากันซึ่งๆ หน้า
นัยน์ตาเผยอวี้เฉิงราวกับจักรวาลที่มีดวงดาวเปล่งประกายไปทั่ว น่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง
แต่หลินเยียนไม่มีเวลาไปชื่นชมนัยน์ตาคู่นั้นของเผยอวี้เฉิง สิ่งที่ปรากฎอยู่ในนั้นคือความเย็นยะเยือกที่ทำให้แทบจะหายใจไม่ออก
เมื่อเผชิญหน้าต่อแววตาอันหนาวเหน็บสุดขั้วคู่นั้น หลินเยียนเกิดความคิดอยากวิ่งหนีทันที
“คุณเผย… คุณเป็นไงบ้างคะ?” หลินเยียนมองไปทางเผยอวี้เฉิงแล้วพยายามสงบอารมณ์ตัวเอง
สิ้นเสียงหลินเยียน เผยอวี้เฉิงเอื้อมมือมาอย่างกะทันหัน ในขณะที่หลินเยียนยังตั้งตัวไม่ทัน เขาคว้าแขนขวาของหลินเยียนเอาไว้
เมื่อสัมผัสถึงความแรงของฝ่ามือชายหนุ่มแล้ว เม็ดเหงื่อซึมออกมาเต็มหน้าผากหลินเยียน ผู้ชายคนนี้อยากกระชากแขนเธอออกมาหรือเปล่า
ความรักนี้…ต้องเสี่ยงชีวิตขนาดนี้เลยเหรอ
“คุณ…”
หลินเยียนยังไม่ทันได้พูดต่อ ความเยือกเย็นในแววตาเผยอวี้เฉิงทวียิ่งขึ้น
‘โครม!’
วินาทีต่อมา ผู้คนที่อยู่นอกห้องได้ยินแต่เสียงดังสนั่นออกมาจากห้อง
สีหน้าเผยหนานซวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำท่าจะพุ่งตัวเข้าไปในห้อง
แต่ขณะที่เผยหนานซวี่ยังไม่ทันได้ทำอะไร เขาถูกฉินฮวนดึงกลับมาอย่างแรง “คุณชายรอง! เดี๋ยวก่อน!”