บทที่ 1539 เธอคือผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย
คุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นนี่เปลี่ยนแฟนสาวนับไม่ถ้วน ภายนอกตระกูลเสิ่น กุลสตรีไม่น้อยต่างก็เข้าหาคุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่น ถ้าสามารถเกาะคุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นได้ก็ย่อมทะยานฟ้า
เวลานี้กุลสตรีกับหญิงสูงศักดิ์ต่างยิ้มหยันส่ายหน้า มิน่าผู้หญิงอย่างนี้สามารถเข้ามาในงานเลี้ยงของตระกูลเสิ่นได้ ที่แท้ก็ถูกคุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นถูกใจแล้วนี่เอง…
“ฉันก็ว่า ผู้หญิงคนนี้จะเตะคุณชายตระกูลหังได้ยังไง ที่แท้ก็มีเป้าหมายใหม่แล้ว นี่ยังไง…คุณชายใหญ่ตระกูลหังไม่มีทางเทียบคุณชายใหญ่เสิ่นได้หรอก” หนึ่งในหญิงสูงศักดิ์ที่แต่งชุดขุนนางดั้งเดิมหัวเราะเยาะเอ่ย
“คิกๆ คุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นอยากพาผู้หญิงมางานเลี้ยง ยังไม่ง่ายอีกเหรอ…”
“อย่าพูดสิ ผู้หญิงคนนี้เกาะคุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นได้ นั่นก็เป็นความสามารถของเธอนะ”
ตามการวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่ากุลสตรีและหญิงสูงศักดิ์มากมาย คุณหนูใหญ่ตระกูลซุนก็เงื้อมือฟาดใส่เยี่ยหวันหวั่น
ทว่า ได้ยินแค่เสียง ‘เพียะ’ ดังกังวาน เยี่ยหวันหวั่นยกแขนขวาน้อยๆ จับแขนของคุณหนูใหญ่ตระกูลซุนไว้ในพริบตา
“แกยังกล้าโต้ตอบอีก!” เห็นดังนั้นคุณหนูใหญ่ตระกูลซุนเอ่ยเสียงเย็นเยียบ
“ไปให้พ้น!”
เยี่ยหวันหวั่นออกแรงแขนผลักด้านหน้าเบาๆ ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เห็นแค่ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลซุนร่างซวนเซ ทรงตัวไม่อยู่ ล้มลงไปกับพื้นทันที คุณชายใหญ่ตระกูลหังตาไวมือไว คว้ากอดคุณใหญ่ตระกูลซุนไว้
“นังผู้หญิงร้ายกาจดีนักนะแก ใช้วิธีชั้นต่ำพวกนั้นมาล่อลวงฉัน…หลอกเอาฉันไม่ยอมรับ ตอนนี้ยังกล้าลงมือทำร้ายคน!”
คุณชายใหญ่ตระกูลหังจ้องเยี่ยหวันหวั่นพร้อมเอ่ยเสียงเย็น
เวลานี้ถึงแม้กุลสตรีและหญิงสูงศักดิ์มากมายรังเกียจเยี่ยหวันหวั่นถึงขีดสุด แต่ยังไงเสียคุณชายใหญ่ตระกูลเสิ่นก็เชิญอีกฝ่ายมาด้วยตัวเอง คนอื่นๆ แม้อยากเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างก็ไม่ใคร่สะดวก
“เสี่ยวเฟิง เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
เวลานี้เอง จี้ซิวหร่านที่มุมปากแฝงรอยยิ้มยากอธิบายก็เดินช้าๆ มาถึงตรงนี้
เมื่อเห็นจี้ซิวหร่านปรากฏตัว คนทั่วทั้งงานต่างตกตะลึง ผู้หญิงคนนี้…ถึงกับรู้จักจักรพรรดิจี้!?
หรือว่าอีกฝ่ายก็คบชู้กับจี้ซิวหร่านด้วย?
แต่จี้ซิวหร่านขึ้นชื่อว่าเว้นระยะห่างจากผู้หญิง…นี่มันเรื่องอะไรกัน…
เห็นจี้ซิวหร่านออกหน้า เนี่ยหลิงหลงที่อยู่ไม่ไกล ในดวงตาวาบประกายเย็นเยียบ
เวลานี้ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในฝูงชน หลังสายตายตกอยู่บนตัวของเยี่ยหวันหวั่นก็พลันหน้าเปลี่ยนสี
ผู้หญิงคนนั้น…ถ้าเขามองไม่ผิด…น่าจะเป็น…ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยไม่ใช่เหรอ!
ก่อนหน้านี้ชายวัยกลางคนเคยเห็นหน้าผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยอยู่ใกล้ๆ กับพันธมิตรอู๋เว่ยมาก่อน ความประทับใจสลักฝังแน่น
ถึงแม้วันนี้การแต่งตัวของผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยจะต่างกับที่เขาเคยเห็นเมื่อหลายวันก่อนโดยสิ้นเชิง แต่นี่ก์คือผู้นำไป๋ของพันธมิตรอู๋เว่ย เขาไม่มีทางจำผิดเด็ดขาด…
หรือก็หมายความว่า นี่แม่ง คนทั้งกลุ่มพูดว่าผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยล่อลวงคุณชายใหญ่ตระกูลซุนเหรอ!
นี่ไม่ใช่อภิมหาล้อเล่นเลยหรือไง! แบดเจอร์รัฐอิสระ ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย อยากได้ผู้ชายหนึ่งคนยังต้องไปล่อลวง? แย่งแม่งไปเลยต่างหากถึงจะเป็นวิธีการของพันธมิตรอู๋เว่ย!
“ผู้นำไป๋น่าสนใจจริง ตอนนี้กลับชอบทะเลาะกับคนอื่น เป็นผู้ดีไม่น้อย”
ขณะที่ทุกคนกำลังตกใจกับการปรากฏตัวของจี้ซิวหร่าน ชายสีหน้าเรียบนิ่ง ดวงตาฉาบน้ำแข็งเย็นชาคนหนึ่งก็เดินมาถึงข้างตัวเยี่ยหวันหวั่น
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
“ไม่รู้สิ…”
“ก่อนหน้านี้ฉันเห็นผู้นำตระกูลเสิ่นคุยสบายๆ กับเขา ผู้นำตระกูลเสิ่นเรียกเขาว่าผู้นำอาชูร่า…”
“ผู้นำอาชูร่า!?”
กุลสตรีและหญิงสูงศักดิ์จำนวนหนึ่งตกตะลึงพรึงเพริด อาชูร่า หนึ่งในสามกองกำลังศูนย์กลางของคุกแห่งบาป และผู้นำอาชูร่า ก็คือหัวหน้าของอาชูร่า!
—————————————————————————————–
บทที่ 1540 หน้าหนังหมู
“เดี๋ยวก่อน ผู้นำอาชูร่า…เรียกผู้หญิงคนนั้นว่าอะไรนะ” กุลสตรีหนึ่งในนั้นมีสีหน้าตกใจ เหมือนเธอได้ยินชื่อไป๋เฟิงจากปากผู้นำอาชูร่า
ไป๋เฟิงชื่อนี้ถึงแม้นึกไม่ออกชั่วขณะ แต่กลับคุ้นอย่างยิ่ง เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน
“พี่เฟิง พี่สู้กับใครน่ะ!?”
ทันใดนั้นเป่ยโต่วก็ยกหมูหันสาวเท้าก้าวเดินเข้ามาในฝูงชนกับชีซิง
“หมอนี่บอกว่าฉันยั่วยวนเขา ส่วนคู่หมั้นเขาจะให้ฉันตายอยู่ที่นี่” เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ย
“ยั่วยวนใครนะ” เป่ยโต่วพินิจมองรอบด้าน ในที่สุดสายตาก็ตกอยู่บนร่างของคุณชายใหญ่ตระกูลหัง
“เชี่ย…ยั่วยวนเจ้านี่? ถุย มองหน้าตาแม่งยังกับหน้าหนังหมูแก พี่เฟิงยั่วยวนแกเนี่ยนะ ไปเอาแม่แกไป๊!” เป่ยโต่วพูดจบก็โยนหมูหันในมือใส่หน้าของคุณชายใหญ่ตระกูลหังในพริบตา
“แก…นังนั่นยั่วยวนคู่หมั้นฉัน แถมยังขู่เอาเงินของคู่หมั้นฉันด้วย!” คุณหนูใหญ่ตระกูลซุนมองเป่ยโต่วพร้อมตะคอกน้ำเสียงโมโห
“เหลวไหลฉิบหาย!” เป่ยโต่วมองคุณหนูใหญ่ตระกูลซุน “ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยฉันยังต้องไปยั่วยวนคู่หมั้นแก แถมยังขู่เอาเงินคู่หมั้นแกด้วยรึไง”
“พันธมิตรอู๋เว่ยอยากได้อะไร แย่งมาก็ได้แล้ว” เวลานี้ชีซิงรับคำเอ่ย
ทันทีที่คำว่าพันธมิตรอู๋เว่ยออกมา คุณชายใหญ่ตระกูลหังกับคุณหนูใหญ่ตระกูลซุนก็พลันหน้าเปลี่ยนสี ดวงตาเต็มไปด้วยแววไม่อยากเชื่อ
พวกเขาพูดว่าอะไรนะ…
ผู้หญิงตรงหน้านี้คือคนของพันธมิตรอู๋เว่ย…แถมยังเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย!
ไป๋เฟิงแบดเจอร์ของรัฐอิสระงั้นเหรอ!
“เธอ…เธอคือผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย!?” คุณหนูใหญ่ตระกูลซุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวไม่อยากเชื่อ
“เหลวไหล” ชีซิงชำเลืองมองคุณหนูใหญ่ตระกูลซุนแวบหนึ่ง “นี่แกแม่งตาบอดสินะ ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยก็ไม่รู้จัก แกเป็นคนของตระกูลซุนใช่ไหม…ถ้าฉันจำไม่ผิด ตระกูลซุนก็อยู่ใกล้กับพันธมิตรอู๋เว่ยพวกฉัน เป็นกองกำลังใต้อาณัติพันธมิตรอู๋เว่ยพวกฉันสินะ”
“ซุนหลงคือพ่อแกใช่ไหม” ชีซิงถามคุณหนูใหญ่ตระกูลซุน
คุณหนูใหญ่ตระกูลซุนแทบจะพยักหน้าโดยสัญชาตญาณ
“งั้นก็ใช่แล้ว ตระกูลซุลแกกล้าแข็งขึ้นทุกที ตอนนี้แม้แต่ผู้นำพันธมิตรก็กล้าใส่ร้าย” ชีซิงเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ สีหน้าไร้อารมณ์
เมื่อสิ้นเสียงของชีซิง คุณหนูใหญ่ตระกูลซุยพลันสับสนว้าวุ่น เธอไม่อยากเชื่อว่า หญิงสาวหน้าตาอ่อนวัยอ่อนหวานคนนี้…แท้จริงจะเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย…หัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยที่ฆ่าคนไม่กะพริบตา ก่อเรื่องชั่วทุกอย่างคนนั้น!
“พันธมิตรอู๋เว่ย…นี่มันเรื่องอะไรกัน…”
เวลานี้ ‘เนี่ยอู๋โยว’ ที่อยู่ไม่ไกลขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้แซ่เยี่ยชื่อหวันหวั่นเหรอ…ยิ่งไปกว่านั้นยังมาจากประเทศจีน มาตอนนี้ในงานเลี้ยงตระกูลเสิ่น จะกลายเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยไปได้ยังไง!
อย่าว่าแต่ ‘เนี่ยอู๋โยว’ แม้กระทั่งเนี่ยหลิงหลงก็มีสีหน้าประหลาด
ถึงแม้เนี่ยหลิงหลงรู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นก็คือเนี่ยอู๋โยวตัวจริงเสียงจริง แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า เนี่ยอู๋โยวเกี่ยวข้องกับพันธมิตรอู๋เว่ย…
อย่าบอกนะว่า ตอนเยี่ยหวันหวั่นอยู่ข้างนอกนั้น ยังก่อตั้งพันธมิตรอู๋เว่ยด้วย!
แต่พอคิดดูอย่างละเอียด เนี่ยหลิงหลงกลับค้นพบว่า มีบางอย่างไม่สมเหตุสมผล
ถึงแม้ว่าเนี่ยอู๋โยวจะก่อตั้งพันธมิตรอู๋เว่ยจริงๆ งั้นเธอตอนนี้อยู่ในสภาวะเสียความทรงจำ ยังไม่ฟื้นคืนความทรงจำที แล้วจะไต่ไปนั่งบัลลังก์ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยได้ยังไง…
ถ้าเนี่ยอู๋โยวฟื้นคืนความทรงจำแล้วจริงๆ จะไม่รู้จักถังถัง ไม่รู้จักคุณนายตระกูลเนี่ยได้ยังไงอีก นี่ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด
‘หรือว่าเธอในภาวะเสียความทรงจำ จะบังเอิญถูกพันธมิตรอู๋เว่ยมองเป็นไป๋เฟิง…’ เนี่ยหลิงหลงลอบใคร่ครวญในใจ แต่ดูยังไงก็ขัดๆ กัน