“ขอบอกเผื่อไว้ก่อนนะเมี้ยว อย่าคิดหนีเชียวล่ะเมี้ยว? การที่นายจะสามารถหนีออกจากที่นี่ด้วยตัวเองน่ะ มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะเมี้ยว”
ซึสึทำแต่รอยยิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมเสียงเหมียวๆของเธอ
พร้อมกันนั้นเธอก็มัดมือของผมด้วยเชือก
จากนั้นเธอก็บังคับให้ผมยืนขึ้น
ผมกำลังสงสัยว่าเธอจะทำอะไรกันแน่
ในตอนนั้นเองซึสึก็ได้ดึงเชือกที่มัดแขนของผมออกไปทางประตู
ในที่สุดก็ได้ออกจากห้องซักที
“ท่านซึสึ ที่ห้องใต้ดินเตรียมการเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ผู้ว่าจ้างมาถึงแล้วเหรอเมี้ยว?”
“ค่ะ เขาไปรออยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“รับทราบ เหนื่อยหน่อยนะเมี้ยว”
พอผมเดินออกมาจากประตูห้อง ผมก็เจอกับเด็กผู้หญิงสองคนที่ใส่เสื้อผ้าสีดำรัดรูปเหมือนกับซึสึ
ทั้งสองคนนั้นเป็นเอลฟ์ แล้วเอลฟ์ทั้งสองคนนั้นก็หันมาหาผมและยิ้มให้ผม
“นั่นคือเด็กหนุ่มที่พูดถึงงั้นเหรอ? ค่อนข้างใช้ได้เลยนี่นา”
“จริงด้วย งานจ้างวานในครั้งนี้ท่าจะมีอะไรดีๆเยอะนะเนี่ย♡”
พวกเธอสองคนเป็นเอลฟ์ผิวขาวที่ค่อนข้างหน้าตาดีเลยล่ะ
งั้นที่มีสาวๆที่น่าเกลียดของโลกนี้มารวมกันที่นี่กันขนาดนี้
แสดงว่าที่นี่คือกิลด์แห่งความมืดจริงๆนั่นเอง
“พวกเธอน่ะ อย่าไปทำให้เขากลัวสิ”
“ค่าาา ท่านซึสึ”
“เอาล่ะ ไปกันเถอะเมี้ยว”
ผมคิดจะเรียกเอลฟ์สองคนนั้น แต่ก่อนที่ผมจะได้เรียก
ซึสึก็ดึงเชือกที่ข้อมือของผมไว้ก่อน
ผมจึงต้องไปกับเธออย่างไม่มีทางเลือก
ถึงงั้นก็เถอะนะ เป็นรูปแบบอาคารที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแฮะ
ห้องอื่นนอกจากห้องที่ผมเคยอยู่ เหมือนจะเป็นประตูเลื่อนที่มีกระดาษสีขาวๆแปะอยู่ที่ประตูทรงสี่เหลี่ยมทั้งหมดเลย
จากที่ได้ยินมา เหมือนจะเรียกว่าฟุสึมะรึเปล่านะ? (ประตูเลื่อนขาวๆของญี่ปุ่น)
เหมือนที่ซึสึบอกเมื่อกี้ว่าที่นี่ไม่ใช่เมืองคาสซานดร้าท่าจะจริงแฮะ
ไม่มีตรงไหนที่มีอาคารสไตล์ตะวันออกเหมือนเมืองคาสซานดร้าซักนิด
แล้วก็มีทางเดินไม้ที่พอเดินจะได้ยินเสียงไม้เอี๊ยดๆ
หลังจากนั้นไม่นานก็เดินมาถึงกำแพงหนึ่งที่เป็นทางตัน แต่ส่วนหนึ่งของกำแพงนั้น
มีทางเข้าไป พอมองดูดีๆเหมือนจะเป็นทางลงไปสู่ห้องใต้ดิน
ยังกับว่าเป็นเส้นทางสู่นรกเลยแฮะ
“เข้าไปในนี้แหละเมี้ยว เดี๋ยวจะนำทางให้เอง ระวังเท้าไว้ด้วยล่ะเมี้ยว!”
“เข้าใจแล้ว….”
ผมก็ลังเลนิดหน่อย แต่มือผมถูกมัดไว้แบบนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้
นอกจากนี้แล้ว ถ้าคุณซิลเวียอยู่ข้างหน้านี้ล่ะก็ ผมก็คงมีแต่ต้องไปเท่านั้น
[อาร์กุส โทโมชิบิโยะ]
หลังจากซึสึท่องคาถาด้วยเสียงเล็กๆของเธอ ก็เกิดลูกบอลแสงขนาดเล็กเท่าฝ่ามือของเธอปรากฎขึ้นบนมือของเธอ
มันส่องสว่างเล็กน้อย ในที่สุดผมก็สามารถมองเห็นเท้าของผมได้ซักที
“ต้องลงบันไดตรงนี้ไปไกลอีกหน่อยน่ะ ถ้าเกิดกลัวล่ะก็ จะมาเกาะแขนไว้ก็ได้นะเมี้ยว? เมี้ยวฮ่าฮ่า!”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ รีบไปกันเถอะ”
“ชิ….น่าเบื่อจริงเมี้ยว”
ซึสึยิ้มให้ผม แต่พอผมตอบแบบนั้นไปอย่างเย็นชา เธอก็เลยทำหน้ามุ่ย
ผมลงบันไดไปตามที่ซึสึบอกอย่างเงียบๆ
เหมือนที่ซึสึพูดเลย บันไดนี่มันไกลกว่าที่คิด
ยิ่งกว่านั้นบันไดนี่ยังกว้างพอให้เดินสวนกันทั้งสองฝั่งด้วย
แต่ถ้าจะผ่านบันไดนี้โดยไม่มีแสงสว่างมันอาจจะอันตรายเหมือนกัน
“…..นี่ ขอถามอะไรหน่อยได้รึเปล่า?”
“หืม อะไรล่ะเมี้ยว?”
ผมเรียกซึสึในตอนที่ลงบันไดมาได้ซักพัก
“พวกเธอลักพาตัวผมกับคุณซิลเวียมาได้ก็จริง แต่ถ้าจู่ๆพนักงานกิลด์กับนักผจญภัยแรงค์ S หายไปแบบนี้ กิลด์จะไม่คิดว่ามันแปลกๆหรอกเหรอ ยิ่งกับคุณซิลเวียที่เป็นลูกสาวบริษัทใหญ่แล้วด้วย ครอบครัวของเธอจะต้องตามหาเธอกันอย่างเต็มที่แน่ๆ พวกเธอน่ะคิดจะจัดการเรื่องนี้กันยังไงล่ะ?”
“อ๋า เรื่องเนี้ยวหรอกเหรอ”
จู่ๆซึสึก็หยุดเดินแล้วหันกลับมามองทางผม
แล้วเธอก็วางมือข้างหนึ่งบนสะโพกของเธอ เอนหลังแล้วก็ อะแฮ่มออกมา
“หึหึ มาตรการรับมือกับเรื่องแบบนั้นน่ะ สำหรับกิลด์แห่งความมืดแล้วมันสมบูรณ์แบบมากเลยล่ะเมี้ยว!”
“สมบูรณ์แบบเนี่ย…..?”
“อย่างที่นายพูดนั่นแหละ ครอบครัวกับเพื่อนของนายจะต้องเอะใจกับการหายตัวไปอย่างกันทันหันแน่นอนเมี้ยว แต่พวกเราก็ได้เตรียมการสำหรับเรื่องนั้นไว้แล้วล่ะเมี้ยว!”
ซึสึพูดต่อด้วยท่าทางภูมิใจ หางแมวดำของเธอก็แกว่งไปมาแบบดูเหมือนอยากจะโอ้อวดเหมือนกัน
“ก่อนอื่น ทางเราได้ส่งจดหมายลาออกจากงานของนายไปแล้วไงล่ะเมี้ยว!”
“จดหมายลาออก!?”
“ในจดหมายนั้นได้ระบุว่า[ผมได้รับเงินเดือนสูงๆกับที่พักดีๆจากกิลด์นักผจญภัยในเมืองอื่นแล้ว ดังนั้นผมจะย้ายไปที่นั่น ผมได้ส่งเอกสารสมัครพร้อมเตรียมย้ายไปที่แล้วแล้ว]ไงล่ะเหมียว”
“เดี๋ยวนะ งั้นก็แปลว่าตอนนี้ผมว่างงานอะดิ!? แล้วเงินเกษียณล่ะ!?”
ตกงานด้วยฝีมือคนอื่นเนี่ยนะ โหดร้ายฟ่ะ….!
“พอเงินเกษียณถูกจ่ายแล้วมันจะเข้าบัญชีเงินฝากของนายเองนั่นแหละเมี้ยว”
“แต่ต่อให้จะมีจดหมายลาออกแบบนั้น ทุกคนในกิลด์ก็น่าจะต้องคิดว่ามันแปลกๆแน่ๆ แถมกิลด์มาสเตอร์ก็ยังเป็นพ่อบุญธรรมของผมด้วยนะ”
“หึหึ คิดว่ามีแค่นั้นเหรอเมี้ยว”
“อะไร?”
ซึสึหัวเราะอย่างเพลิดเพลินกับท่าทางที่ดูสิ้นหวังของผม และเธอก็พูดต่อไป
“สิ่งที่ส่งไปน่ะ ไม่ได้มีแค่จดหมายลาออกอย่างเดียวหรอกน่ะแต่มีจดหมายอำลาด้วย….ใช่แล้ว พวกเราส่งเอกสารมอบหมายงานของสถานที่ที่นายจะไปไว้ด้วยไงล่ะเมี้ยว!”
“วะ ว่าไงนะ….!?”
“ไม่เพียงแค่นั้น มือสังหารของทางเรายังได้แอบเข้าไปในกิลด์เพื่อเก็บกวาดโต๊ะทำงานของนายเรียบร้อยแล้วไงล่ะ หึหึ….โต๊ะทำนายตอนนี้ไม่มีแม้แต่ฝุ่น มันกลายเป็นโต๊ะว่างๆไปแล้วยังไงล่ะเมี้ยว”
“ยะ อย่าบอกนะว่า โต๊ะทำงานนั้นถูกส่งต่อไปให้กับคนอื่นแล้วอย่างงั้นเหรอ!?”
“ฮึฮึ ถ้าเกิดว่านายหายตัวไปกระทันหันทุกคนจะสงสัยเอาได้ แต่ถ้าทำขนาดนี้ก็คงไม่มีใครคิดว่าถูกลักพาตัวโดยกิลด์แห่งความมืดหรอกเมี้ยว….”
กะ ก็จริง ถ้าวางแผนไว้แยบยลขนาดนั้น
คนรอบตัวผมก็คงไม่มีใครคิดว่าผมถูกกิลด์แห่งความมืดลักพาตัวมาหรอก…
กิลด์แห่งความมืดนี่สุดจัดเลยแฮะ แต่แบบนี้ผมก็ตกงานโดยสมบูรณ์เลยอะเดะ!?
“ถะ ถ้ามีฝีมือในการจัดการเอกสารดีขนาดนั้น ทำไมถึงได้มาอยู่ที่กิลด์แห่งความมืดนี่ล่ะ?”
“หื้ม….ผู้ชายคงไม่เข้าใจสินะเมี้ยว”
ซึสึหันหน้าไปทางด้านข้างของเธอ
“ผู้หญิงน่าเกลียดอย่างพวกเราน่ะ เป็นได้แค่ตัวตลกของพวกนักผจญภัยเท่านั้นแหละ นอกจากงานอันตรายก็ไม่มีอย่างอื่นที่ทำได้แล้วล่ะเมี้ยว”
“…….”
“แม้จะทำเต็มที่ หรือจะปกป้องประเทศแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วก็ยังถูกเลือกปฏิบัติอยู่ดีเมี้ยว”
ดวงตาของซึสึที่ว่างเปล่า มองไปยังที่ๆห่างไกลออกไป
“ต่อให้จะฝึกวิชาหรือยกระดับการเป็นนักผจญภัยไปขนาดไหน แต่สายตาของคนรอบๆตัวก็ไม่เคยดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ก็เคยคิดหรอกนะว่าถ้าพยายามต่อไปก็คงจะมีอะไรดีขึ้น….แต่ในวันหนึ่ง ตอนที่เค้าลงไปในดันเจี้ยนกับเพื่อนๆในปาร์ตี้ก็ได้เจอกับการปะทุของมอนสเตอร์ล่ะเมี้ยว”
ซึสึเองเคยเป็นนักผจญภัยมาก่อนเหมือนกับคุณซิลเวียแล้วก็โรเซนครูเซอร์งั้นสินะ
“ในระหว่างที่กำลังวิ่งหนี ก็ถูกเพื่อนๆทิ้งให้อยู่กับฝูงมอนสเตอร์คนเดียวล่ะเมี้ยว”
ซึสึหันกลับมามองผมด้วยแววตาที่มีความตั้งใจและความเข้มแข็ง
“ในตอนนั้นเค้าถึงได้เข้าใจไงล่ะเมี้ยว ว่าต่อให้พยายามไปขนาดไหนก็ไม่มีทางสำเร็จ เพราะงั้น ถ้าเพื่อให้ใช้ชีวิตแบบที่ต้องการแล้วล่ะก็ ต่อให้ต้องเดินไปบนทางที่ผิดก็จะทำล่ะเมี้ยว”
และแล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมพวกเราสองคน
แต่พอผ่านไปซักพักผมก็เปิดปากพูดกับเธอ
“ขอโทษนะ…..”
ผมขอโทษซึสึ แล้วเธอก็กระพริบตาปริบๆ
“หืม? ทำไมนายต้องขอโทษล่ะเมี้ยว?”
“ก็แบบ….ทั้งที่ผมไม่รู้อะไรเลยแท้ๆ แต่ผมก็กลับเอาแต่ตัดสินอะไรเองไปคนเดียว”
ซึสึจ้องใบหน้าของผมด้วยความตกใจ
“นายรู้สึกเสียใจอย่างงั้นเหรอเมี้ยว?”
ซึสึยังคงจ้องหน้าผม พร้อมกันนั้นเธอก้เดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ
ตอนนี้หน้าของซึสึอยู่ต่ำกว่าหน้าอกของผมเพราะเธออยู่บันไดขั้นล่างกว่าหน่อยนึง
“ฮึฮึ เป็นคนดีน่าดูเลยนะเมี้ยว…..อืม ถึงหน้าตาจะไม่ได้ดีมากขนาดนั้นก็เถอะนะ”
“ขอโทษที่ไม่ได้หน้าตาดีก็แล้วกัน!”
“แต่ว่า พอได้ดูดีๆแล้วก็ค่อนข้างจะใช้ได้อยู่นะ ขยับมาให้ดูใกล้ๆหน่อยสิเมี้ยว”
พอพูดแบบนั้นซึสึก็ได้ยื่นมือมาแตะปลายคางของผม
“เอาล่ะ ส่งเสียงอ้อนเมี้ยวออกมาหน่อยสิ…..เอ๊ะ? มนุษย์เนี่ยไม่ส่งเสียงตอนเกาคางอย่างงั้นเหรอเมี้ยว? เรื่องจริงเหรอเนี่ย แต่เอาเถอะ จะยังไงก็ช่างมันละกันเมี้ยว”
คางและแก้มของผมถูกเกาเบาๆด้วยปลายนิ้ว
บางทีหางเธอก็มาจิ้มหน้าท้องผมเหมือนกัน
“โอ๋ โอ๋ เด็กดีจังเลยนะเมี้ยว เค้าค่อนข้างถูกใจนายเลยล่ะเมี้ยว♡….แต่ให้ทำแบบนี้ก็ไม่เห็นใจนายมากขึ้นหรอกนะ”
ซึสึพูดแบบนั้นพร้อมเกาคางของผมลงไปถึงคอ
“งานที่ทำอยู่ตอนนี้ก็ดีอยู่แล้วล่ะนะเมี้ยว นอกจากนี้ทุกคนในกิลด์แห่งความมืดก็เป็นคนที่หน้าตาน่าเกลียดเหมือนกันหมดด้วย ไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกลังเลเลย…..นอกจากนี้แล้ว ในครั้งนี้ก็อาจมีเศษเหลือตกมาถึงก็ได้นะ……♡”
(เศษเหลือก็คือเผื่อได้นางจะได้กินตับพระเอกหลังจากคนอื่นกินไปแล้วเหมือนพล็อตNTR ขืนใจ)
“เศษเหลือ?”
ซึสึเงยหน้าขึ้นจ้องมองผมพร้อมเลียมุมปากด้วยปลายลิ้น
แววตาสีน้ำเงินและสีทองของเธอเปล่งประกายมาก
“ฮ่าฮ่า♡ หวังว่านายจะตั้งตารอนะเมี้ยว”