ตอนที่ 679 ความแตก! ความลำเอียงและเผด็จการของกู้เชิน (9)
เรื่องที่อวี๋กานกานคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลกู้เป็นกระแสแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองในช่วงนี้
เพื่อนที่ทำงานของเธอต่างซุบซิบกันถึงเรื่องนี้ ทั้งยังเจอกับคนไข้แปลกๆ อีกมากมาย บางคนป่วยจริงแต่บางคนก็เข้ามาตีสนิท
ไม่พูดก็คงไม่ได้ว่าฐานะเบื้องหลังครอบครัวสามารถเปลี่ยนคนคนหนึ่งได้อย่างสิ้นเชิง
ทางด้านอวี๋กานกานมีแขกไปใครมามากมาย เธอยุ่งเสียจนหัวหมุน กู้ซูหลิงก็ยุ่งเหมือนกัน เพียงแต่ยุ่งไปอีกแบบ
เมื่อก่อนตอนที่กู้เชินยังเอ็นดูเธอ เธอก็คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลกู้ ภายนอกเธอดูอ่อนโยนและสง่างาม แต่ความจริงกลับเป็นคนเย่อหยิ่งและชอบดูถูกเหยียดหยาม
และมักจะไม่เห็นพวกคุณหนูตระกูลเล็กๆ อยู่ในสายตา
ตอนนั้น พวกเธออิจฉาริษยากู้ซูหลิงมาก รู้ทั้งรู้ว่าเป็นเพียงลูกติดแต่กลับใช้ชีวิตเป็นคุณหนูใหญ่ตัวจริง
อีกทั้งเพราะมีกู้กรุ๊ปคอยหนุนอยู่เบื้องหลัง ต่อให้กู้ซูหลิงจะหยิ่งผยองหรือดูถูกต่างๆ นานาต่อหน้าพวกเธอ พวกเธอก็ไม่กล้าปริปากใดๆ ทั้งสิ้น
แต่ว่าตอนนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้ว
ลูกสาวแท้ๆ ของกู้เชินกลับมาแล้ว กู้เชินต้องการหย่ากับจูอวี้ลู่ จากหงส์ฟ้าต้องกลับมาเป็นอีกาอีกครั้ง
ยิ่งหลิงนีปล่อยคำพูดออกไปว่าใครก็ตามที่ยังเข้ากับกู้ซูหลิงต่อไปก็ไม่ต้องยุ่งกับเธอ สิ่งนี้ทำให้พวกเธอสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ดีนี้ในการเล่นงานกู้ซูหลิงที่พวกเธอเคยได้รับความเดือดร้อนจากเธอมาก่อน
พวกเธอเริ่มนัดกู้ซูหลิงออกมา กู้ซูหลิงคิดว่าพวกเธอยังเห็นแก่ความเป็นเพื่อน แต่พอไปหาแล้วกลับถูกกลั่นแกล้ง
มีผู้หญิงคนหนึ่งแสดงความหยาบคายตบหน้าเธอสองฉาด เหมือนที่กู้ซูหลิงเคยตบหน้าเธอเมื่อคราว
ใบหน้าของกู้ซูหลิงบวมทั้งสองข้าง เธอก็กรีดร้องด้วยความทนไม่ไหว เธอถามแต่ทุกคนก็หัวเราะ
เธอทั้งโกรธและแค้นแต่ตอนนี้กลับไม่กล้าทำอะไร จึงทำได้เพียงออกมาจากตรงนั้นด้วยความโมโห
ตอนที่เธอกำลังจะออกไปก็ยังถูกปาด้วยขวดเครื่องดื่มใส่ร่าง กู้ซูหลิงกรีดร้องโวยวายด้วยความเจ็บแต่กลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งหัวเราะเยาะ “ฉันกำลังจะทิ้งขยะพอดี แต่ใครใช้ให้เธอมาขวางถังขยะล่ะ”
กู้ซูหลิงโกรธมากและความโกรธของเธอก็แผดเผาจนทำให้ความร้ายกาจแสดงออกมาทางสีหน้า
ขยะอย่างนั้นเหรอ
เห็นชัดๆ ว่าเป็นขวดเครื่องดื่มที่ยังไม่ได้เปิด
แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไร โชคดีที่เป็นแค่ขวดพลาสติกเธอยังทนไหว หากทำให้หล่อนโกรธเกรงว่าต่อไปอาจจะโดนขวดแก้วปาหัวแตกก็ได้
กู้ซูหลิงกุมใบหน้าที่ร้อนผ่าวของเธอและเดินจากไปอย่างอับอายตามด้วยเสียงหัวเราะขบขัน
เหอตงสามสิบปี เหอซีสามสิบปี
อย่าล้อเลียนผู้อื่นว่าอ่อนแอและอย่ารังแกผู้อื่นว่าเป็นคนยากจน
โลกหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น
กู้ซูหลิงโกรธแค้นในใจแต่กลับไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดยังไงเมื่อถูกเธอรังแกในตอนนั้น
ดังนั้นการอยู่แนวหน้าอย่าใช้ผู้แข็งแกร่งเพื่อรังแกผู้อ่อนแออย่ารังแกผู้อ่อนแอให้มากเกินไป
กู้ซูหลิงรู้ว่าวิธีเดียวที่จะช่วยตัวเองในตอนนี้คือขอร้องให้กู่เชินกลับบ้าน
ขอแค่กู้เชินกลับมาบ้านก็จะมีหนทางแก้ไขเรื่องหย่า
ไม่ว่าอย่างไรเธอจะให้พวกเขาหย่ากันไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเธอก็จะไม่เหลืออะไรเลย ต่อไปใครจะรังแกเธอก็ได้
หากต้องการให้กู้เชินกลับบ้านเพื่อไม่ให้กู้เชินหย่ากับแม่ ตอนนี้มีเพียงคนเดียวที่จะช่วยได้นั่นก็คืออวี๋กานกาน
ต่อให้เธอจะเกลียดแค้นอวี๋กานกานมากแค่ไหน ตอนนี้ต้องมีท่าทีอ่อนเข้าไว้แล้วไปหาอวี๋กานกาน
กู้ซูหลิงตรงไปหาอวี๋กานกานที่อวี้อีถัง แล้วอยู่ข้างนอกโรงพยาบาล ตอนนี้คนเยอะมาก เธอพุ่งเข้าไปขวางหน้าอวี๋กานกานแล้วร้องไห้ฟูมฟาย “น้องสาว พี่ผิดไปแล้ว”
ตอนที่ 680 ความแตก! ความลำเอียงและเผด็จการของกู้เชิน (10)
อวี๋กานกานตกใจขมวดคิ้วและมองเธอ “เธอทำอะไร”
“น้องสาว พี่ผิดไปแล้ว ผิดทุกอย่างเอง เธออย่าถือโทษแม่พี่เลยนะ แม่พี่ไม่รู้อะไรทั้งนั้น แม่ถูกใส่ร้าย”
อวี๋กานกานเบนสายตาหนี
กู้ซูหลิงพล่ามต่อ “คุณพ่อไม่กลับบ้านสองวันแล้ว คุณแม่ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับป่วยจนลุกจากเตียงไม่ขึ้น น้องสาว พี่ขอร้องล่ะนะ ให้คุณพ่อกลับบ้านเถอะ ให้คุณพ่อมาดูคุณแม่หน่อย ขอแค่เธอยอม…”
“หยุดเดี๋ยวนี้!” อวี๋กานกานอดไม่ได้จึงเอ่ยขัดเธอเสียงเบา “กรุณาอย่าเรียกพล่อยๆ ฉันไม่ใช่น้องสาวเธอ ฉันกับเธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน อีกอย่างอย่ามาหาฉันด้วยเรื่องของแม่เธออีก เพราะนี่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเหมือนกัน”
“ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะ” กู้ซูหลิงพูดอย่างเสียใจ “ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบแม่ของฉันเพราะแม่แต่งงานกับคุณพ่อ แต่แม่ฉันแต่งงานกับคุณพ่อมาสิบกว่าปีแล้ว ตอนนั้นที่เธอหายตัวไปคุณพ่อทั้งเหงาและว้าเหว่มาก ใช้ชีวิตผ่านไปทุกวันอย่างน่าสงสารแล้วแม่ฉันก็อยู่เคียงข้างเขามาตลอด หลายปีมานี้แม่ฉันเป็นภรรยาที่ดีมาตลอด ใครๆ ต่างก็รู้ทั้งนั้น แม่ไม่เคยทำเรื่องอะไรผิด เธอจะให้พ่อกับแม่หย่ากันไม่ได้เด็ดขาด คุณพ่อเป็นทุกอย่างของแม่ หากหย่ากันแล้วแม่ฉันต้องตายแน่ๆ”
อวี๋กานกานปัดป้องมือ แล้วเอ่ยย้ำ “ฉันว่าเธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ พวกเขาจะหย่ากันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
กู้ซูหลิงพูดอย่างอ่อนแรง “ฉันไม่ได้บอกว่าที่พ่อแม่หย่ากันมันเกี่ยวข้องกับการกลับมาของเธอ ฉันแค่อยากบอกเธอ คุณพ่อแต่งกับแม่ฉันหลังจากที่แม่เธอเสียไปแล้วแล้วพวกเขาก็แก่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องหย่ากันเลยนี่”
อวี๋กานกานกระตุกมุมปาก
แม้เธอจะไม่พูดแต่ทุกคำพูดของเธอมันแฝงความหมายที่กำลังบอกว่าทันทีที่อวี๋กานกานกลับบ้านก็เป็นชนวนให้กู้เชินกับจูอวี้ลู่ต้องหย่ากัน
ผู้คนรายล้อม กู้ซูหลิงจงใจทำให้เธอลำบากใจแล้วก็อยากยืมคนพวกนี้มากดดันเธอ
หวังว่าเธอจะรับปากเพื่อรักษาชื่อเสียง ให้กู้เชินกลับไปหาจูอวี้ลู่ที่บ้าน ให้กู้เชินไม่ต้องหย่ากับจูอวี้ลู่
มิฉะนั้นเธอจะเป็นลูกเลี้ยงร้ายกาจที่ไม่สามารถทนต่อแม่เลี้ยงของเธอได้
อวี๋กานกานพูดอย่างชักจะอดทนไม่ไหว “ฉันขอย้ำอีกครั้งแล้วจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่ พวกเขาจะหย่ากันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน”
กู้ซูหลิงทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้ “ตกลงเธอจะเอายังไงถึงจะให้คุณพ่อกลับไปหาคุณแม่ ไม่อย่างนั้นฉันจะคุกเข่าขอร้อง”
อวี๋กานกานยกมือเกี่ยวเส้นผมคล้องหู แล้วยิ้มอ่อน “เอาสิ งั้นเธอก็คุกเข่าขอร้องฉันสิ”
คำพูดนี้ทำเอากู้ซูหลิงเบิกตาโตมองอวี๋กานกานอย่างไม่อยากเชื่อ
คิดไม่ถึงว่าอวี๋กานกานจะให้เธอคุกเข่าจริงๆ เธอไม่กลัวเรื่องนี้จะลือออกไป ต่อไปคนในแวดวงจะด่าว่าเธอร้ายกาจเหรอ ถึงยังไงตอนนี้ก็เป็นคู่พี่น้องดังกระฉ่อนแล้ว เธอเองก็อยู่บ้านกู้มาสิบกว่าปีเหมือนกัน
แต่กลับไม่รู้ว่าเดิมทีอวี๋กานกานไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวแวดวงสังคมใดๆ
ช่วงนี้เธอรำคาญคนแปลกที่เข้าหา ทางที่ดีถือโอกาสใช้เรื่องนี้ทำให้คนพวกนั้นไปไกลๆ จากเธอ
กู้ซูหลิงอยากคุกเข่าให้ทุกคนรู้ว่าอวี๋กานกานแกล้งเธอ พอกลับมาก็ต้องทำให้เธอสองแม่ลูกต้องออกจากบ้าน
แต่เธอเห็นว่าอวี๋กานกานมีวีหน้าเรียบนิ่ง ริมฝีปากยกยิ้มเยาะ เธอก็รู้ทันทีว่าอวี๋กานกานกำลังปั่นหัวเธอ ต่อให้คุกเข่าก็ไม่มีประโยชน์ แล้วก็กลายเป็นเพียงตัวตลก
อวี๋กานกานคือศัตรูตัวฉกาจของเธอ!