วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 1112 คุณนายโม่เป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริง!

“มันจะไม่เด่นไปหน่อยเหรอคะ”

พอถังหนิงคิดว่าชื่อของเธอจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอในช่วงเปิดของภาพยนตร์ทุกเรื่อง เธอก็รู้สึกว่ามันดูเอิกเกริกเกินไปเสียหน่อย

“คุณสร้างหนังที่ทุกคนรัก คุณจะทำอะไรก็ได้ตามใจคุณ ไม่มีอะไรมากเกินไปหรอกครับ!” โม่ถิงดึงภรรยาเข้ามาในอ้อมแขนก่อนสูดรับกลิ่นกายของเธอ “ต่อไปเหลียงหย่งอวี๋จะไม่ใช่แค่คนเดียว คุณจะต้องถูกตัวปลอมคนอื่นอาศัยชื่อเสียงของคุณไปหากินอีก เราก็แค่เตรียมรับมือกับเรื่องอย่างนั้นเท่านั้นเองครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจคุณเถอะค่ะ!” ถังหนิงพยักหน้ารับ

หลังจากถูกเหลียงหย่งอวี๋ทำให้ทุกข์ทรมานมาหลายวัน ตระกูลตี๋รู้สึกตาสว่างกับโลกแห่งความเป็นจริง พวกเขานึกไม่ถึงว่าจะมีใครที่ไร้ยางอายมากไปกว่าพวกเขาอยู่จริงๆ

หลังจากเสียเงินไปหนึ่งพันล้านหยวน คุณชายรองตระกูลตี๋พ่ายแพ้อย่างหมดรูปในครั้งต่อมาที่ต้องเจอกับคู่รักโม่

อำนาจของเขาในกิจการของตระกูลถูกแบ่งให้กับบรรดาพี่น้อง และกลายเป็นคนที่ไม่ได้มีความสำคัญแต่อย่างใด

ด้วยความที่เขามีเวลาว่างมากขึ้น ตี๋หลินเทียนไม่อาจเลิกคิดถึงเรื่องบาดหมางกับเหลียงหย่งอวี๋ เขาจึงไปพบกับโม่ถิงกับถังหนิง

หากแต่เขาก็ต้องแปลกใจที่ทั้งถังหนิงกับโม่ถิงดูไม่ทุกข์ร้อนแม้แต่น้อย การท้าทายของเหลียงหย่งอวี๋ไม่ได้ทำให้พวกเขาสะทกสะท้านสักนิด

“ทั้งประธานโม่กับคุณนายโม่อดทนได้เก่งจริงๆ โดนเหลียงหย่งอวี๋เหยียดหยามขนาดนี้แต่พวกคุณทั้งสองคนก็ยังเฉยอยู่ได้ ผมล่ะนับถือพวกคุณจริงๆ!”

“ฉันขี้เกียจจะไปเสียอารมณ์กับคนอย่างเธอน่ะค่ะ!” ถังหนิงตอบ “แต่ไหนๆ เราพูดเรื่องนี้กันแล้ว ผมอยากจะบอกให้รู้ว่าตระกูลตี๋คงไม่มาอยู่ในจุดนี้ถ้าไม่ชื่นชอบเด็กผู้ชายมากกว่าผู้หญิงหรอกค่ะ คุณโทษใครไม่ได้หรอกนะคะ!”

หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ ตี๋หลินเทียนหัวเราะออกมา “ผมรู้ว่าตัวเองผิดครับ ถึงได้ถูกลงโทษอยู่อย่างนี้ไง แต่ว่าเรื่องเหลียงหย่งอวี๋ล่ะครับ

“ผมได้ยินมาว่าคุณนายโม่เป็นคนฉลาดและมีไหวพริบ เลยอยากจะขอคำแนะนำเพื่อกำจัดคนพวกนี้ให้สิ้นซากครับ!”

ถังหนิงนิ่งเงียบอย่างเข้าใจสิ่งที่ตี๋หลินเทียนกำลังพูดถึง ผ่านไปชั่วขณะ เธอก็เงยหน้าขึ้นเหลือบมองชายที่กำลังทำงานยุ่งอยู่ในห้อง และตอบตี๋หลินเทียนกลับไป “ถ้าคุณชายรองตี๋รู้จักควบคุมตัวเองก็คงไม่เป็นอย่างในตอนนี้หรอกค่ะ”

“ผมได้บทเรียนแล้วครับ หวังว่าต่อไปคุณนายโม่จะชี้ทางสว่างให้ผม ไม่ต้องห่วงนะครับ ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือเปล่า ผมก็จะไม่ทำให้คุณเดือดร้อนเด็ดขาด”

ถังหนิงส่ายหน้าก่อนเอ่ย “การช่วยคุณมันไม่ได้เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ…แต่ว่าฉันมีเงื่อนไข”

“ว่ามาเลยครับ!”

“ฉันไม่อยากเห็นคุณเลือกที่รักมักที่ชังเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิงอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ยอมช่วยคนที่เลือกปฏิบัติอย่างคุณเด็ดขาด” ถังหนิงว่าขึ้น

ตี๋หลินเทียนสูดควันบุหรี่เข้าปอดก่อนพยักหน้ารับ “ผมตกลงครับ”

“สอง คุณห้ามทำร้ายใครอีก! ความรุนแรงมันไม่ได้ทำให้กลัวได้จริงๆ หรอกนะคะ”

“เรื่องนั้นก็ไม่มีปัญหาครับ…”

หลังจากตี๋หลินเทียนตกลงรับเงื่อนไขทั้งสองข้อนี้ ในที่สุดถังหนิงก็เอ่ยเข้าเรื่อง “เรื่องที่เหลียงหย่งอวี๋

กล้าเหยียบหัวฉันขึ้นไปหมายความว่าเธอไม่ได้สนใจใครอีกแล้ว แต่ฉันอยากจะบอกเหตุผลสำคัญที่เธอปรากฏตัวต่อหน้ากล้องบ่อยๆ เป็นเพราะเธอกลัวว่าตระกูลตี๋จะตามเอาคืนไงคะ!

“ยิ่งตระกูลตี๋พยายามจะโจมตีเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งจะใช้คุณเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ตระกูลตี๋ถึงควรเลิกทำตัวบุ่มบ่ามไงคะ”

“แล้วเราต้องทำยังไงล่ะครับ”

“ขอโทษ บริจาคเงิน และปรับปรุงตัวเองค่ะ ทำให้ทุกคนรู้ว่าคุณสำนึกผิดและขอบคุณเหลียงหย่งอวี๋ที่ได้สอนบทเรียนที่มีค่าให้คุณ จากนั้นก็ขอให้ต่อไปเธอโชคดี คุณถึงจะกู้หน้าตระกูลตี๋กลับมาได้ครึ่งหนึ่ง คนก็จะเห็นว่าอย่างน้อยคุณก็รู้จักจะขอโทษและปรับปรุงตัว ต่อไปถ้าเหลียงหย่งอวี๋พยายามจะรีดไถเงินจากคุณอีก คุณก็จะตีหน้าเศร้าต่อหน้าสื่อได้ทันทีค่ะ!

“นั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของตระกูลตี๋แล้ว!

“สอง การทำให้เหลียงหย่งอวี๋ทุกข์ทรมานไม่ใช่เรื่องยากหรอกค่ะ ตอนนี้เหลียงหย่งอวี๋กำลังพยายามเกาะชื่อเสียงของฉันและทุ่มทุนสร้างหนังของเธออยู่ รวมถึงจ้างคนระดับชั้นแนวหน้าด้วย เธอผลาญเงินเป็นบ้าเป็นหลัง! ถ้าคุณใช้จิตวิทยากลับและถือโอกาสนี้ในการสร้างกระแสให้เหลียงหย่งอวี๋โดยทำให้เธอเหลิงว่าเป็นที่หนึ่งในโลก สุดท้ายเธอก็จะต้องทุกข์ทรมานกับผลตอบรับเองนั่นแหละค่ะ มันเป็นลูกเล่นที่มักจะใช้กันในวงการอยู่แล้ว!

“เธอก็แค่ดังขึ้นมาได้ชั่วครั้งชั่วคราวเพราะคุณไปตบหน้าเธอ แต่เดี๋ยวกระแสก็ต้องเงียบลงไปอยู่ดี ในเมื่อคุณต้องการทำให้เธอสูญเสียทุกอย่าง มันเป็นทางเดียวที่จะทำลายเธอได้ค่ะ

“แน่นอนว่าระหว่างที่คุณกู้หน้าของตระกูลตี๋ คุณเองก็ควรตามสืบว่าใครที่คอยช่วยเธออยู่เบื้องหลังด้วย ถ้าคุณหาหลักฐานมาได้ วันแห่งความทรมานของเหลียงหย่งอวี๋คงมาถึงในไม่ช้าค่ะ!”

เมื่อได้ยินคำแนะนำของถังหนิง ตี๋หลินเทียนหัวเราะออกมา “ผมว่าไม่ผิดไปจากข่าวลือเลยนะครับ!

“คุณนายโม่เป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริง!”

“ฉันไม่เคยเริ่มโจมตีใครก่อนนะคะ ฉันแค่สู้กลับแบบตาต่อตาฟันต่อฟันเท่านั้นเองค่ะ!” ถังหนิงตอบ “ฉันถึงได้เตือนคุณไงคะ ว่าถ้าตระกูลตี๋ไม่ได้ขอโทษด้วยความจริงใจ ฉันจะเปิดโปงความจริงให้สื่อได้รู้กัน”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ มีคุณเป็นตัวอย่างแล้ว ที่จริงผมก็คิดว่าการมีลูกสาวก็ไม่ได้แย่นักหรอกครับ

“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ ประธานโม่กับคุณนายโม่”

ถังหนิงส่ายหน้าคล้ายจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้น อย่างไรเสียในทางปฏิบัติพวกเขาก็มีศัตรูคนเดียวกัน

ทว่าถังหนิงไม่เคยเป็นคนประเภทที่ยืมมือคนอื่นมากำจัดศัตรู ทุกอย่างที่เธอบอกตี๋หลินเทียนแค่ต้องการช่วยตระกูลตี๋เท่านั้น ส่วนเรื่องที่เหลียงหย่งอวี๋ติดค้างเธอไว้เป็นการส่วนตัวเธอจะตามคิดบัญชีทีหลัง!

ใครก็ตามที่กล้ามาใช้เธอเป็นบันไดจะต้องชดใช้คืน!

ภาพยนตร์ของเหลียงหย่งอวี๋สร้างกระแสได้มาก แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะต่อว่า แต่แฟนคลับของนักแสดงในภาพยนตร์ก็ยังคงพยายามออกมาปกป้องศิลปินคนโปรดของพวกเขา

[พวกคุณรู้ได้ยังไงว่าหนังจะออกมาห่วยทั้งที่ยังไม่ได้ถ่ายทำด้วยซ้ำ คุณเห็นอนาคตได้หรือยังไง]

[ศิลปินคนโปรดของฉันเป็นนักแสดงที่น่าทึ่ง ฉันมั่นใจว่าหนังจะไม่น้อยหน้ากว่าหนังของถังหนิงหรอก!]

[มันเรียกว่าเกาะกระแสถังหนิงได้ยังไง ในเมื่อคำว่ามดราชินีไม่ได้เป็นของถังหนิงด้วยซ้ำ!]

แล้วจะทำอย่างไรกับคนพวกนี้ได้เล่า

ทว่าไม่นานหลังจากนั้น ไห่ลุ่ยได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะก่อตั้งถังฟิล์มขึ้น หมายความว่าต่อไปนี้สัญลักษณ์ของถังหนิงจะปรากฏในภาพยนตร์ทุกเรื่องเพื่อสร้างเครื่องหมายเฉพาะให้กับภาพยนตร์ของเธอ

[เยี่ยมไปเลย ต่อไปนี้พอเห็นสัญลักษณ์เราก็จะรู้ได้ทันทีว่าเป็นหนังของถังหนิง]

[ไห่รุ่ยจัดการได้รวดเร็วจริงๆ ฉันว่านังตัวปลอมนั่นต้องบีบให้พวกเขาทำอย่างนี้แน่]

[ต่อไปนี้ก็จะจำหนังของถังหนิงได้ง่ายขึ้น เราแค่ต้องมองหาสัญลักษณ์ของเธอ…]

[ประธานโม่ฉลาดมาก เย่! ฉันไม่เคยคิดสนใจชายตามองผลงานห่วยๆ อื่นเลย ไม่ว่าผู้สร้างจะเป็นใครก็ตาม]

มันเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการบ่งบอกถึงภาพยนตร์ของถังหนิง อย่างไรเสียสัญลักษณ์ก็มีลักษณะเฉพาะและไม่อาจลอกเลียนแบบได้

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์
Status: Ongoing
ถังหนิง ผู้กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นนางแบบแนวหน้า แต่เพราะรักจึงสละสิ้นทุกอย่าง ทว่าคืนก่อนวันวิวาห์ที่เธอกำลังจะได้ครองรักดั่งหวังนั่นเอง คู่หมั้นของเธอกลับหนีออกไปกับหญิงอื่น ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ เธอจึงเดินจ้ำไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขต “ประธานโม่คะ ในเมื่อเจ้าสาวของคุณยังไม่มาและเจ้าบ่าวของฉันก็หนีไปแล้วอย่างนี้… ฉันว่า… เรามาแต่งงานกันเสียเลยดีไหมคะ” … ก่อนแต่งงานเธอเอ่ยว่า “แม้เราจะนอนร่วมเตียงกัน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” หลังแต่งงานเขาเอ่ยว่า “ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรือ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset