เหลียงหย่งอวี๋ถูกหลอกแต่ฉีเหล่ยก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก
เขาอาจจะเอาเงินของเหลียงหย่งอวี๋มาได้ แต่สุดท้ายก็โอนเงินส่วนหนึ่งไปให้แฟนสาวหมอของเขา แม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมดแต่ก็ถือว่าเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าทันทีที่เขาโอนเงินสกปรกให้แฟนสาว เธอก็บริจาคทั้งหมดให้กับโรงพยาบาล
เหตุผลที่แฟนสาวหมอตัดสินใจที่จะเป็นคนที่แกล้งตบตาเพราะเธอสามารถแสร้งทำเป็นตั้งท้องได้โดยที่ไม่มีพิรุธ
แต่ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ครั้งเดียว เธอแค่ทำลงไปเพื่อสั่งสอนให้คนสารเลวรู้สำนึก
ดูผิวเผินแล้วทั้งคู่ได้ตกลงวันแต่งงานและวางแผนจะจดทะเบียนสมรสในวันถัดมา ทว่าจริงๆ แฟนสาวหมอได้ตัดสินใจว่าเธอจะเลิกกับเขาแล้ว
ระหว่างนี้ถังหนิงจับตาดูความคืบหน้าของเรื่องนี้ แต่เธอก็ได้เริ่มเตรียมการกลับมาของจู้ซิงมีเดียในเวลาเดียวกัน
หลงเจี่ยกำลังจะคลอดลูกคนที่สอง ในขณะที่หลินเฉี่ยนพร้อมที่จะกลับมาดูแลแล้ว ถังหนิงวางแผนว่าจะคอยอยู่เบื้องหลัง เธอจึงไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหาร อย่างไรเสียเธอก็ยังต้องสานต่อความฝันของเฉียวเซิน
ทว่าน่าเสียดายที่เฉียวเซินจากไปแล้ว เพราะการหาหุ้นส่วนทางธุรกิจซึ่งมีความคิดเหมือนกันที่คอยช่วยเธอสร้างภาพยนตร์ไซไฟได้นับว่าเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเมื่อเธอไม่รู้ว่าจะให้ผู้กำกับคนไหนมากำกับมดราชินีสอง
ตอนนี้เองที่มีข่าวศิลปินฆ่าตัวตายเกิดขึ้นในวงการบันเทิง ว่ากันตามจริงแล้วเขาไม่ใช่ศิลปินแต่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์นอกกระแสผู้สันโดษคนหนึ่ง
ด้วยเขาหมกมุ่นกับการสร้างภาพยนตร์แนวจรรโลงใจ สุดท้ายจึงใช้เงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวจนเกลี้ยง ทำให้ลูกสาวของเขาต้องตายเพราะความอดอยาก
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ถังหนิงก็ตกใจที่คนเราสามารถอดอยากจนตายได้เพราะเรื่องอย่างนั้น
โชคดีที่ผู้กำกับคนนั้นฆ่าตัวตายไม่สำเร็จและผู้ช่วยของเขาก็ช่วยเอาไว้ทัน
เหตุการณ์นี้สร้างความฮือฮาไม่น้อยและทำให้หลายคนเห็นอกเห็นใจ
ถังหนิงดูภาพยนตร์ของผู้กำกับคนนั้นและพบว่าล้วนทั้งหนักหน่วง หดหู่ และบ้าบิ่นเล็กน้อย
แสดงให้เห็นตัวตนที่สุดโต่งของเขา! ด้วยเหตุนี้ถังหนิงพลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้…
…
ไม่กี่วันต่อมา ในที่สุดเหลียงหย่งอวี๋ก็รู้ตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเงินในบัญชีของเธอ ตอนนั้นเธอกำลังประทินโฉมอยู่ที่ร้านเสริมความงามก่อนพบว่าตัวเองไม่มีเงินติดอยู่ในบัญชีเลยแม้แต่น้อย
ทีแรกเธอคิดว่าเครื่องรูดบัตรคงมีปัญหาจึงลองอีกครั้ง แต่ลองอยู่หลายครั้งเครื่องก็ยังแสดงผลว่าบัตรของเธอใช้การไม่ได้
สุดท้ายเธอถึงได้ต่อสายหาธนาคารเพื่อถามให้แน่ใจ และรู้ว่าเงินทั้งหมดของเธอถูกโอนออกไปด้วยเช็คเงินสด
ทันใดนั้นเธอนึกถึงฉีเหล่ยและเรื่องที่เขาให้เธอเซ็นบางอย่างในคืนนั้น เธอกระจ่างในใจขึ้นทันที
เธอจึงเธอหาฉีเหย่ย “ฉีเหล่ย คุณอยู่ที่ไหน”
ฟังจากเสียงของเธอ เขาก็ดูออกว่าเธอคงจะรู้เรื่องเงินของตัวเองแล้วจึงบอกกลับไป “ฉันมาดูงานที่ต่างประเทศ”
“เกิดอะไรขึ้นกับเงินของฉัน” เหลียงหย่งอวี๋ถาม
อย่างไรก็ตามคำถามของเธอกลับได้เสียงวางสายที่ดังไม่หยุดเป็นคำตอบ…
เหลียงหย่งอวี๋ตกอยู่ในความตื่นตระหนก เธอพุ่งไปที่บ้านของฉีเหล่ยเพื่อตามหาเขา แต่คนที่อยู่ที่บ้านของเขากลับเป็นคุณหมอคู่หมั้นสาวของฉีเหล่ย
“คุณมาหาใครเหรอคะ”
“เธอเป็นใคร” เหลียงหย่งอวี๋ถาม
“ฉันเป็นคู่หมั้นของฉีเหล่ยค่ะ!” คุณหมอสาวจงใจทำเป็นไม่รู้เรื่อง “คุณมาผิดบ้านหรือเปล่าคะ”
“เป็นไปไม่ได้ ถ้าเธอเป็นคู่หมั้นของเขา แล้วฉันเป็นใครล่ะ” เหลียงหย่งอวี๋ถามขณะผลักหมอสาวให้พ้นทางก่อนบุกเข้าไปในบ้านเพื่อตามหาฉีเหล่ย
“เลิกหาได้แล้วค่ะ เขาไม่ได้อยู่ที่บ้าน” เธอเอ่ยพร้อมยกแขนกอดอก “ฉันบอกเขาว่าอยากกินเค้กสับปะรดที่เฉิงหนานน่ะค่ะ เขาก็เลยไปซื้อมาให้”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้”
“เป็นไปไม่ได้ยังไงล่ะคะ เหลียงหย่งอวี๋ ทุกคนรู้เรื่องคุณกันหมด คุณมีลูกสาวสองคน และคนหนึ่งก็แท้งไป แล้วคุณยังถูกตระกูลที่ร่ำรวยทอดทิ้งอีก ทุกคนเอาแต่ด่าทอคุณกันหมดแล้ว ทำไมฉีเหล่ยต้องอยากคบกับคุณล่ะคะ
“อีกอย่างฉันก็อุ้มท้องลูกของเขาอยู่และเขาก็ขอฉันแต่งงานแล้ว คุณคงไม่เชื่อจริงๆ ว่าเขาจะคบกับรองเท้ามือสองหรอกใช่ไหมคะ” เธอเอ่ยเย้ยอย่างเหยียดหยาม “โอ๊ะ แล้วเขาก็โอนเงินพันล้านหยวนที่คุณให้เขามาให้ฉันแล้วด้วยนะคะ!”
เมื่อพูดถึงเงินหนึ่งพันล้านหยวนของเธอ เหลียงหย่งอวี๋ก็โผเข้ามาคว้าไหล่ของเธอเอาไว้พลางส่ายหน้า “เอาเงินของฉันคืนมา คืนเงินฉันมา…”
“ทำไมฉันต้องคืนให้คุณด้วยล่ะ คุณเองก็หลอกเอาเงินนี้มาจากตระกูลตี๋ไม่ใช่เหรอคะ อีกอย่างฉันก็บริจาคให้โรงพยาบาลไปหมดแล้วด้วย ความฝันของคุณที่จะเป็นชนชั้นสูงพังไม่มีชิ้นดีแล้ว ฉันว่าคุณควรเลิกหวังที่ร่ำรวยเหมือนกันนะคะ”
เหลียงหย่งอวี๋ก้าวถอยหลังไปไม่กี่ก้าวและเริ่มเขย่าตัวคุณหมอสาวยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่หญิงสาวทั้งสองคนกำลังยื้อยุดกันอยู่นั้น ฉีเหล่ยกลับมาพร้อมกับกล่องเค้กสัปปะรดในมือ เมื่อเห็นว่าคนรักของตัวเองถูกทำร้าย เขาเข้ามาผลักเหลียงหย่งอวี๋ออกไปทันที “เธอทำอะไรของเธอเนี่ย ยัยบ้า”
“ฉีเหล่ย ทำไมคุณถึงทำกับฉันอย่างนี้ล่ะ”
“เธอเป็นคนที่ทำตัวไร้ค่าจนพลีกายให้ฉันเองนะ!” เขาตวาดพลางปกป้องคู่หมั้นของเขา “นักขุดทองอย่างเธอที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งงานเข้าตระกูลรวยๆ ก็หลอกง่ายอย่างนี้แหละ ฉันก็แค่ลงโทษเธอแทนสวรรค์เท่านั้นเอง!”
“คุณมันหน้าไม่อาย!”
เหลียงหย่งอวี๋ทรุดลงกับพื้นและเริ่มปล่อยโฮอย่างสิ้นหวัง “เอาเงินฉันคืนมา!”
“ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร ถ้าเธอไม่ออกไปฉันจะบอกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาลากตัวเธอไป”
สุดท้าย เหลียงหย่งอวี๋จึงถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไล่ออกมา ตอนนั้นเองที่เธอรู้สึกหวาดกลัวด้วยว่าตัวเองไม่เหลืออะไร…แม้แต่เงินสักแดงเดียว!
เงินหนึ่งพันล้านหยวนของเธอ!
เธอได้มอบให้เขาไปทั้งหมดอย่างง่ายดายและช่วยเขาลงทุนจัดงานแต่งงานของเขา!
ทว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุด เรื่องที่เลวร้ายที่สุดคือการที่เมื่อสื่อรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วรีบมาถ่ายรูปเธอร้องไห้อยู่ด้านนอกห้องพักของฉีเหล่ย มันเป็นภาพที่ดูน่าสมเพชไม่น้อย
“เฮ้ นี่มันยัยคุณนายที่ได้เงินไปหนึ่งพันล้านหยวนนี่ ทำไมเธอถึงได้ร้องไห้อยู่บนพื้นล่ะ”
“เลิกพูดได้แล้วน่า รีบถ่ายรูปซะ นี่มันน่าสมเพชสิ้นดี”
“เธอน่าจะโดนหลอกเอาเงินค่าทำขวัญจากการหย่าที่ได้มาจากตระกูลตี๋ไป น่าสงสารจัง”
“พวกคุณทั้งหมดไสหัวไปซะ เลิกถ่ายรูปฉันสักที…หยุดเดี๋ยวนี้! พวกคุณมันพวกชอบกดขี่คนอื่น!”
กล้องเก็บภาพเหลียงหย่งอวี๋ร้องไห้ไว้ได้มากมาย ทว่าความเจ็บปวดไม่มีที่สิ้นสุดยังคงรอเธออยู่ แน่นอนว่าในตอนนี้ฉีเหล่ยไม่รู้ว่านักข่าวที่มารออยู่บริเวณห้องพักของเขาเป็นฝีมือของคู่หมั้น เขาแค่รู้สึกว่ามันทะแม่งๆ!
คืนนั้นคู่หมั้นของฉีเหล่ยรวบรวมหลักฐานที่เขากับเหลียงหย่งอวี๋รวมหัวกันโจมตีตระกูลตี๋ รวมถึงหลักฐานที่ฉีเหล่ยโกงและหลอกลวง ในระหว่างที่เขาหลับเธอยังคัดลอกรายชื่อคนรู้จักของเขาทุกคนและโพสต์ทุกอย่างที่เตรียมมาให้ทุกคนได้รู้!
จากนั้นจึงเก็บข้าวของและเตรียมตัวจากไป…
…ว่าแต่เธอจะไปไหนน่ะหรือ เธอจะไปต่างประเทศเพื่อถอยตัวเองมาให้ห่างจากเรื่องฉาวโฉ่
คืนนั้นฉีเหล่ยนอนหลับสนิท หากแต่เมื่อเขาตื่นขึ้นมา…
…เขาถึงกับตกตะลึงกับจำนวนสายที่ไม่ได้รับบนหน้าจอโทรศัพท์