สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 254 งูเหลือมยักษ์

“พวกเราไปช่วยคนก่อน แล้วค่อยจัดการพวกมัน” ซูจิ่นซีแตะที่หัวไหล่ของเยี่ยโยวเหยาแผ่วเบา

ลมหายใจเย็นชาของเยี่ยโยวเหยาค่อยๆ สงบลง เขาหันไปหาซูจิ่นซีแล้วพยักหน้า

“เจ้ารู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของพวกเขาหรือไม่”

“รู้” ซูจิ่นซีพูด

เยี่ยโยวเหยาจับมือพาซูจิ่นซีเดินออกไปเงียบๆ

พวกเขากลับไปยังเส้นทางเดิม จนมาถึงทางแยกสามทางนั้น

ซูจิ่นซีชี้ไปทางซ้ายมือแล้วพูดว่า “คงต้องเดินผ่านเส้นทางนี้ ก่อนหน้านี้เส้นทางนี้มีสารพิษมากที่สุด หม่อมฉันจึงไม่ได้เลือก ทว่าเพราะมีสารพิษมากที่สุด จึงใช้สำหรับคุมขังนักโทษ”

“พิษที่อยู่ระหว่างทาง เจ้ากำจัดได้หรือไม่? ”

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วมุ่น “หม่อมฉันไม่แน่ใจนัก สมุนไพรในระบบถอนพิษเหลืออยู่ไม่มากแล้ว นอกจากนั้นเส้นทางนี้ยังลึกมาก หม่อมฉันไม่สามารถตรวจสอบสารพิษระหว่างทางได้ทั้งหมด”

เยี่ยโยวเหยาไม่ต้องการต่อสู้ในสนามรบที่เขาไม่มั่นใจ ทว่าคนเหล่านั้นคือลูกน้องของเขา เป็นกลุ่มคนที่เขากับบรรพบุรุษฝึกฝนมาด้วยความยากลำบาก เยี่ยโยวเหยาไม่สามารถทอดทิ้งพวกเขาได้

“ท่านอ๋องวางพระทัย หม่อมฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยคนเหล่านั้นออกมาให้ได้เพคะ” ซูจิ่นซีพูด

เยี่ยโยวเหยาพยักหน้า และพาซูจิ่นซีเดินไปตามเส้นทางที่อันตราย

ยิ่งเดิน เสียงแจ้งเตือนของระบบถอนพิษก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ดังมากขึ้น… ผ่านไปครู่หนึ่ง ด้านหน้าก็มีเสียงยุงพิษดัง ‘หึ่ง หึ่ง หึ่ง’ ใกล้เคียงกับตอนที่ลงหน้าผามาก่อนหน้านี้ ยุงพิษจำนวนมากมุ่งหน้ามาทางพวกเขา

ซูจิ่นซีใช้ผงยาที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ ยุงพิษทั้งหมดจึงถูกกำจัด

หลังจากนั้นก็เป็นงูพิษ

ซูจิ่นซีปาดน้ำยาลงบนกระบี่ของเยี่ยโยวเหยา ส่วนนางก็ใช้ผงพิษจัดการกับงูพิษเหล่านั้นให้สิ้นซาก

ทว่าขณะที่กำลังเดินไปข้างหน้า เยี่ยโยวเหยาก็พบว่า ใบหน้าของซูจิ่นซีมีบางอย่างผิดปกติ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า มือของซูจิ่นซีที่เขาจับอยู่นั้นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบ

เมื่อเห็นซูจิ่นซีเป็นเช่นนี้ เยี่ยโยวเหยาก็คาดเดาได้ว่าที่อยู่ข้างหน้าคือสิ่งใด

จนถึงตอนนี้ เยี่ยโยวเหยายังไม่เคยเห็นสิ่งที่ทำให้ซูจิ่นซีหวาดกลัวได้ นอกจากเจ้าหนูพวกนั้น

“เยี่ยโยวเหยา… ”

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเป็นเกลียว นางมองหน้าเยี่ยโยวเหยาด้วยใบหน้าขาวซีด หน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบ

“ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่”

“อืม! ”

ซูจิ่นซีกัดริมฝีปาก นางหยิบผงยาจากระบบถอนพิษออกมาหนึ่งห่อ ผงยาห่อนี้เหมือนกับผงยาก่อนหน้าที่นางมอบให้เยี่ยโยวเหยาตอนอยู่บนหน้าผา

เยี่ยโยวเหยามองซูจิ่นซีด้วยแววตาลึกซึ้ง ซูจิ่นซีก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาจับเสื้อบริเวณเอวของเยี่ยโยวเหยาไว้แน่น

จี๊ด จี๊ด จี๊ด จี๊ด…

หนูพิษเคลื่อนเข้ามาใกล้พวกเขาทุกที ซูจิ่นซีไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามอง

เมื่อหนูพิษกำลังเข้ามาใกล้พวกเขา เยี่ยโยวเหยาก็พาซูจิ่นซีเหาะขึ้น ขณะเดียวกัน เขาก็สะบัดแขนเสื้อกว้างเพื่อบดบังสายตาซูจิ่นซี

การกระทำที่ระมัดระวังเช่นนี้ ทำให้ซูจิ่นซีรู้สึกอบอุ่นใจ

จากนั้น เยี่ยโยวเหยาจึงนำผงยาห่อนั้นทั้งหมดโปรยใส่หนูพิษที่อยู่บนพื้น ในบรรดาหนูพิษเหล่านี้จะมีสองถึงสามตัวที่มีขนาดใหญ่มาก ทั้งยังกระโดดขึ้นมาโจมตีซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา

ที่นี่ไม่เหมือนตอนที่พวกเขาเพิ่งมาถึงก้นเหวด้านล่าง หนูพิษกระโดดขึ้นมา ซูจิ่นซีได้ยินเสียง นางตัวสั่นเทาและเกือบร้องตะโกนออกมา มือทั้งคู่คว้าจับที่เอวของเยี่ยโยวเหยาอย่างแน่นหนาอีกครั้ง

เยี่ยโยวเหยาไม่มีทีท่าวิตก เขาตวัดกระบี่ยาวโจมตีหนูพิษเหล่านั้น จากนั้นก็เหาะข้ามหนูพิษพวกนั้นไป

เวลานี้ด้านล่างเต็มไปด้วยหนูพิษมากมายสุดลูกหูลูกตา เยี่ยโยวเหยาไม่ได้ลงไป เพียงใช้พลังที่ปลายเท้าแตะผนังกำแพงทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบา

ด้านล่างยังมีหนูพิษจำนวนมาก พวกมันถาโถมเข้ามาราวกับฝูงสัตว์ร้ายที่ทรงพลัง แต่ผงยาในมือของเยี่ยโยวเหยาถูกใช้หมดไปแล้ว

ทว่าเขาไม่ได้ขอจากซูจิ่นซีเพิ่มอีก เขาเกรงว่าขณะที่ซูจิ่นซีหยิบผงยา นางจะมองเห็นฉากอันน่ากลัวที่อยู่ด้านล่าง

เยี่ยโยวเหยาโอบกอดซูจิ่นซี เขาส่งพลังแตะปลายเท้าไปที่ผนังกำแพงทั้งสองข้างอย่างต่อเนื่อง พลางตวัดกระบี่สังหารหนูพิษ และเคลื่อนที่ไปด้านหน้าไม่หยุด

ขณะนั้น จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังครืน ไม่รู้ว่าตอนที่เยี่ยโยวเหยาใช้พลังจากปลายเท้าแตะไปบนผนังกำแพง เขาเหยียบสิ่งใดเข้า ทันใดนั้น ประตูกำแพงหินด้านหน้าพลันเปิดออก

หนูพิษโจมตีพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง ทว่าเมื่อประตูนั้นเปิดออก พวกมันก็ทำราวกับพบเจอสิ่งที่หวาดกลัว เหล่าหนูพิษต่างตื่นตระหนกและถอยให้ห่างจากประตูบานนั้น

เยี่ยโยวเหยาคิดอย่างฉับไว เขาพาซูจิ่นซีเหาะเข้าไปในช่องประตูนั้น

หนูพิษด้านนอกไม่กล้าไล่ตามเข้ามาด้านใน ทำเพียงร้อง จี๊ด จี๊ด จี๊ด เสียงดังอยู่หน้าประตู เสียงร้องนั้นฟังดูมีทั้งความโกรธและความหวาดกลัวปะปนกันไป

เยี่ยโยวเหยารีบพาซูจิ่นซีค้นหากลไกในห้องศิลาเพื่อหาทางปิดประตูบานนั้น ทว่าค้นหาอยู่นาน กลับไม่พบสิ่งใด

“เยี่ยโยวเหยา มีงูเหลือมยักษ์” ซูจิ่นซีรีบเตือน

เยี่ยโยวเหยาหยุดชะงักทันที ในมือกำกระบี่ไว้แน่น

พวกเขามองไม่เห็นสิ่งใดเลย ที่นี่เป็นเพียงห้องศิลาธรรมดาห้องหนึ่งเท่านั้น ไม่ใหญ่โตนัก อีกทั้งผนังโดยรอบทั้งสี่ด้านยังไม่มีอันใดซุกซ่อนไว้

ทว่าระบบถอนพิษตรวจพบส่วนประกอบบางอย่างบนตัวของงูเหลือมยักษ์ และซูจิ่นซีก็ได้ยินเสียงของมันผ่านอาคมกำไลปี่อั้น แต่ซูจิ่นซีไม่แน่ใจถึงตำแหน่งที่แน่ชัด เนื่องจากเสียงนั้นดังอื้ออึงมาก ราวกับมาจากทุกทิศทาง

“อยู่ทางนี้! ”

จู่ๆ ซูจิ่นซีก็ดึงเยี่ยโยวเหยา เยี่ยโยวเหยาจึงหันหลังกลับมาในทันที

ช่วงเวลาต่อมา พลันเกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น กำแพงที่อยู่ด้านหลังพวกเขาเมื่อครู่นี้พังทลายลงมา ท่ามกลางฝุ่นที่ลอยตลบอบอวล มีงูเหลือมยักษ์ตัวเขื่องเลื้อยออกมาจากด้านใน

เมื่องูเหลือมยักษ์ปรากฏตัวออกมา หนูพิษที่อยู่ด้านนอกต่างแตกตื่นหนีไปคนละทิศละทาง พริบตาเดียวทางเดินแคบๆ ด้านนอกก็เงียบสงบลง

ทว่าพวกเขายังไม่สามารถผ่อนคลายความตึงเครียดในจิตใจลงได้ เนื่องจากงูเหลือมยักษ์ที่อยู่ตรงหน้ายังคงแสดงท่าทีคุกคามน่ากลัว มันเลื้อยเข้ามาด้วยเจตนามุ่งร้าย สิ่งที่มันพุ่งเข้าโจมตีไม่ใช่หนูพิษที่อยู่ข้างนอก แต่เป็นพวกเขา

“เยี่ยโยวเหยา พวกเราต้องต่อสู้อย่างรวดเร็ว ที่นี่คงอยู่ไม่ไกลจากตำหนักใต้ดินที่กูสือซานกับพรรคพวกอยู่ หากมัวชักช้า พวกเขาต้องรู้ตัวอย่างแน่นอน” แม้ซูจิ่นซีจะหวาดกลัวอยู่บ้าง ทว่านางก็บังคับตนเองให้สงบลง

เยี่ยโยวเหยาก็คิดเช่นเดียวกัน

“หนูพิษพวกนั้นคงไม่ออกมาอีกแล้ว เจ้าไปรอทางนั้นสักครู่”

“อืม! ” ซูจิ่นซีถอยไปยืนอีกด้านแต่โดยดี

รูปร่างของงูเหลือมยักษ์ตัวนั้น มีความหนาประมาณรอบเอวของซูจิ่นซี เมื่อมันอ้าปากจะมีขนาดกว้างเท่ากับปากโอ่ง

จู่ๆ งูเหลือมยักษ์ก็พลิกตัวและใช้หางฟาดมาทางเยี่ยโยวเหยา เยี่ยโยวเหยาเหาะขึ้นไปกลางอากาศ หลบหนีการโจมตีจากงูเหลือมยักษ์

หลังจากนั้น งูเหลือมยักษ์ก็หมุนตัวมาทางด้านซ้ายของเยี่ยโยวเหยาอย่างรวดเร็ว หมายจะใช้ลำตัวของมันรัดเยี่ยโยวเหยา ทว่าเยี่ยโยวเหยารวดเร็วกว่ามากนัก ซูจิ่นซีเห็นเพียงเยี่ยโยวเหยาตวัดกระบี่ยาวฟันลงมาที่ลำตัวของงูเหลือมยักษ์ด้วยพลังแข็งแกร่งและแม่นยำ จนลำตัวของงูเหลือมยักษ์ขาดสะบั้น

นี่เป็นเพียงกระบวนท่าที่สองของการต่อสู้ระหว่างเยี่ยโยวเหยากับงูเหลือมยักษ์ ดวงตาของซูจิ่นซีเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

บุรุษผู้นี้ช่างเก่งกาจเสียจริง!

แม้งูเหลือมยักษ์จะถูกตัดขาดเป็นสองท่อน ทว่าลำตัวท่อนบนของมันยังเคลื่อนไหวได้ ลำตัวที่เปียกโชกไปด้วยเลือดพุ่งโจมตีมาทางเยี่ยโยวเหยาอีกครั้ง ครั้งนี้เยี่ยโยวเหยาใช้กระบี่ยาวแทงไปที่ปากของงูเหลือมยักษ์ และรวบรวมพลังเฉือนกระบี่ไปตามแนวลำตัวของงูจนมันแยกออกเป็นสองส่วน

งูเหลือมยักษ์แผดร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด ลำตัวที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนตกลงบนพื้น และไม่ขยับเขยื้อนอีกเลย

ใช้เพียงสามกระบวนท่าเท่านั้น…

ซูจิ่นซีเฝ้ามองอยู่ด้านข้างตลอดเวลา ตอนนี้ดวงตาทั้งคู่ที่มองไปทางเยี่ยโยวเหยาเปี่ยมล้นไปด้วยความชื่นชม

เท่ยิ่งนัก ผู้ที่ฝึกวรยุทธ์ช่างเท่จริงๆ หลังจากนี้หากมีโอกาส นางจะต้องเรียนวรยุทธ์ให้จงได้

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset