ตอนที่23 ความทรงพลังของเวทย์จิตวิญญาณ
ฮิคารุพาลาเวียออกนอกเมืองพร้อมกับใช้อำพรางหมู่ ทั้งคู่เดินไปตามถนนหลัก จากนั้นก็เดินเข้าไปในหุบเขา ทั้งคู่เดินมาจนถึงที่ที่ไม่น่าจะมีใครเห็น ที่นั่นถูกปกคลุมไปด้วยพุ่มไม้ แถวนั้นมีทั้งแมลงและนก แต่ไม่มีมอนสเตอร์ แต่ถ้ามีเขาจะใช้อำพรางหมู่ทันที
“ฮิคารุ ที่ราบนี่มันกว้างไปถึงไหนเหรอ”
“ก็อีกสักหน่อยน่ะ แต่ต้องใช้ม้าวิ่งไปทั้งวันเลยนะกว่าจะถึง”
“ใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ…”
สายลมพัดมาทำให้ผมสีเงินของเธอปลิวไสว แต่ว่าตอนนี้ผมของเธอสั้นลงแล้ว มันทำให้ฮิคารุเศร้านิดหน่อย
“….ร้อนจังเลยนะ”
พระอาทิตย์ส่องแสงแรงกล้า ฮิคารุคิดว่าเขาต้องหาซื้อชุดอื่นนอกจากชุดดำนี่แล้ว
“แล้วเราจะทำอะไรต่ออ้ะ ใช้เวทย์เหรอ”
“ก่อนหน้านั้น ขอดูโซลการ์ดของเธอหน่อยสิ”
“ได้สิ”
[โซลการ์ด]
[ชื่อ] ลาเวีย
[สร้างที่] วิหารพอนกีเอลก้า อาณาจักรพอนโซเนีย
[ศาสนา] เทศกาลเทพสุริยัน 6
[คลาส] ———
ต่างกับกิลด์การ์ดแฮะ
“ลาเวีย ชื่อของเธอ….”
“อ๊ะ”
นามสกุลของเธอหายไปแล้ว
.”…….”
ลาเวียจ้องไปที่โซลการ์ดอยู่พักหนึ่ง
“เราเป็นอิสระแล้วสินะ”
“ใช่แล้ว”
“แล้วทำไมถึงอยากดูโซลการ์ดของเราล่ะ”
“พอดีอยากรู้ว่าเธอมีคลาสอะไรน่ะ แล้วเลขที่อยู่ข้างหลังศาสนาล่ะ”
“มันเป็นเลขที่บอกว่าบริจาคให้เทศกาลไปเท่าไรน่ะ”
“บริจาค?”
“จะมีเทศกาลที่จัดด้วยวิหารอยู่ทุกปีน่ะ ถ้าบริจาคไปพวกเขาจะบันทึกลงในโซลการ์ดน่ะ เขาบอกว่านี่จะช่วยให้เข้าใกล้กับเทพสุริยันน่ะ”
ฮิคารุกัดฟัน ทุกคนนั้นได้รับการอวยพรจากเทพผ่านคลาสอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องทำอะไรอย่างการบริจสคเลย
“เอ่อ ฉันคิดว่า…”
“นี่มันเป็นแค่วิธีการหาเงินแบบนึงน่ะ”
“เธอรู้อยู่แล้วเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ พวกระดับสูงของวิหารน่ะใส่ชุดสวยแถมยังพุงพลุ้ยอีกตะหาก”
เน่าไปถึงแกนเลยสินะ ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของเราอยู่แล้ว ฮิคารุคิด
“อาวล่ะ แล้วเธอมีคลาสอะไรล่ะ เธอยังไม่ได้เลือกใช่มั้ยล่ะ”
“เอ่อ….ฮิคารุ”
“อะไรเหรอ”
“อย่าตกใจไปนะ”
แล้วเธอก็เขียนลงบนดิน
【Ordinary Spirit Magic User God: Basic Spirit Mage】7
【Wide Area Noble Blood Rescue God: Noblesse】7
【Magic Principle Creation God: Challenger of Magic Principles】5
【Flame Spirit God: Flame Magus】4
“…อะไรแบบนี้น่ะ” เธอว่า
ฮิคารุอ่านแล้วก็พยักหน้ากับตัวเอง
“แล้วไอ้ กฎแห่งเวทย์ (Magic Principle) นี่มันอะไรน่ะ”
“สนใจไอ้นี่หรอกเหรอ”
“แค่สงสัยน่ะ”
สองแต้มถูกแบ่งลงไปให้สายนี้ โรแลนด์นั้นมีความรู้เกี่ยวกับเวทย์อยู่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีเรื่องนี้
“พูดตรงๆนะ เราก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะ เวทย์ของเรามันสร้างขึ้นมาเอง”
“สร้างขึ้นมาเองเหรอ หมายความว่ายังไงน่ะ”
“ก่อนที่จะอธิบาย อยากเห็นเวทย์ของเราก่อนมั้ยล่ะ”
ฮิคารุพยังหน้า เพราะนี่เป็นสิ่งที่ฮิคารุอยากทำตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“…อูววว….”
เวทย์มนต์จะถูกเรียกว่าเวทย์จิตวิญญาณ เชื่อกันว่าจิตวิญญานนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญของธรรมชาติ บนโซลบอร์ดก็มีสาย ความสัมพันธ์ทางวิญญาณอยู่ และแบ่งออกเป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ
การใช้มานาของตัวเองเพื่อขอพลังของจิตวิญญาณ นั่นแหละ คือเวทย์จิตวิญญาณ
แต่ก็มีเวทย์อย่างเวทย์รักษาของพอลล่าที่ใช้มานาของตัวเองโดยตรงเพื่อเพิ่มความสามารถในการรักษาตัวเองของผู้ถูกรักษา เวทย์นี้นั้นต่างกันเพราะไม่ได้ยืมพลังของจิตวิญญาณมาใช้ แต่มานานั้นถือเป็นสิ่งจำเป็นของทั้งคู่
“จิตวิญญาณเอ๋ย จงสดับเสียงของข้า จงเผาศัตรูให้เป็นเถ้าถ่านด้วยเพลิงของเจ้าเสีย”
การที่ใช้เวทย์ได้นั้นถือเป็นเรื่องที่สะดวกสบายเป็นอย่างมาก เคยมีงานเขียนที่บอกว่ามนุษย์ได้ทำพันธสัญญากับจิตวิญญาณในอดีต
แต่ในโซลบอร์ดสายความสัมพันธ์ทางวิญญาณมันมี รังสรรค์เวทย์อยู่ด้วยนี่นาคงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกมั้งนะ
ลาเวียนั้นใช้บทร่ายเดียวกันกับอีส แต่ของเขาเป็นการปล่อยเวทย์ออกมาจากแหวน เวทย์ที่คล้ายๆกันกับจิตวิญญาณแห่งไฟนั่นล่ะ
“!”
ทันทีที่ลาเวียร่ายจบ บอลไฟขนาดสามเมตรปรากฎขึ้นมาตรงหน้าของเธอ ลอยอยู่ในอากาศ มันร้อนซะจนฮิคารุรู้สึกได้ว่าผิวตัวเองกำลังไหม้อยู่
บอลไฟพุ่งไปข้างหน้ากระทบพื้นเหมือนกับลูกโป่งน้ำ และ ตู้ม เสาเพลิงสูงกว่าห้าเมตรปรากฎออกมา หญ้าถูกเผาจนกลาเป็นเถ้าถ่านแล้วหลังจากนั้น ก็ดับลง
“….นี่คือลมหายใจเพลิง เป็นเวทย์พื้นฐานน่ะ” ลาเวียพูด หน้าของเธอตอนนี้เหมือนกับเด็กที่โดนจับได้ว่ากำลังทำอะไรผิด
“สุดยอด ถึงจะคิดไว้บ้างแล้วก็ยังสุดยอดไปเลยแฮะ”
“นายคิดไว้แล้วเหรอ”
“ใช่สิ”
ลาเวียมีความสัมพันธ์กับวิญญาณไฟถึงห้าแต้ม แถมยังมีหลักเกณฑ์เวทย์ถึงสองแต้มด้วย นักผจญภัยแรงค์ C อย่างโนกุสะยังมีสี่แต้มที่ชำนาญดาบ และสามแต้มที่ วิญญาณดิน วีรบุรุษของชาติอย่างอันเค็นก็มีหกแต้มที่ดาบสั้น ดังนั้นฮิคารุจึงคาดเดาไว้แล้วว่าห้าแต้มจะทรงพลังขนาดไหน ถึงจะมีความต่างของสาย ชำนาญอาวุธ และ ความสัมพันธ์ทางวิญญาณอยู่ก็ตาม
“นายไม่กลัวเราเหรอ”
“ก็ไม่อยู่แล้วสิ”
ลาเวียทาบมือที่อกและถอนหายใจออกมา
“ขอบคุณนะ เรากลัวอยู่เลยว่าถ้านายเห็นพลังของเราแล้วจะทิ้งเราไป”
“ไม่มีทางหรอกน่า”
ถึงมันจะไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็ตาม แต่ว่า ลอบเร้นของฮิคารุนั้นน่ากลัวกว่าเวทย์ของลาเวียหลายเท่า
“ฮิคารุ…”
ลาเวียกุมมือของฮิคารุและซบเข้าที่อกของเขา
“เราดีใจมากเลยนะที่นายป็นคนที่มาช่วยเราน่ะ นายไม่กลัวเรา แล้วจะไม่ทิ้งเราไปใช่มั้ย?”
“ไม่ทิ้งแน่นอน สาบานเลย”
“ฮิคารุ…”
น้ำตาเอ่อที่เบ้าตาของลาเวีย น่ารักซะจนฮิคารุอยากจะจูบเธอ
“มีใครกำลังมา น่าจะเป็นเพราะเวทย์ของเธอล่ะมั้ง รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
ฮิคารุเปิดใช้อำพรางหมู่และรีบออกจากตรงนั้น
“เธอใช้เวทย์แบบนั้นได้กี่ครั้งเหรอ” ฮิคารุถามขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินอยู่
“ไหนดูซิ น่าจะประมาณสามสิบครั้งติดกันได้น่ะ”
“สุดยอด อยากใช้เวทย์ได้บ้างจังน้า”
“ทุกคนต่างก็มีพลังเวทย์กันทั้งนั้นล่ะ ถ้านายฝึกยังไงก็ทำได้อยู่แล้ว”
ฮิคารุหยุดเดินและเริ่มร่ายเวทย์บ้าง
“……”
“……”
“…ไม่เห็นมีอะไรเลยอะ”
.”ปกติแล้ว อันดับแรกนายต้องลงลึกเข้าไปที่ความสัมพันธ์ของจิตวิญญาณก่อนน่ะ จากนั้นก็ฝึกการปล่อยมานา..”
“ปกติแล้ว เหรอ แปลว่าของเธอไม่ใช่สินะ”
“อื้ม…”
นี่เป็นเรื่องที่ลาเวียไม่อยากพูดถึงนักแต่ว่า เธอไม่ต้องการที่จะปิดบังมัน แล้วเธอก็เริ่มพูดขึ้น
ตอนที่เธออายุหกขวบ เธอถูกรู้จักกันในชื่อผู้มีความสามารถด้านเวทย์มนต์ ตอนนั้นเธอยังอยู่ในบ้านในฐานะของบุตรีของภรรยาคนที่สองของเคาท์ ทุกอย่างเริ่มขึ้นตอนที่ม้าเหยียบตะปูแล้วเริ่มคลั่งขึ้นมา เธอนั้นกลัวที่จะโดนทำร้ายจึงปล่อยเวทย์ออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว และเวทย์นั่นก็ได้ทำให้ทั้งคนคุ้มกันและม้าตัวนั้นรวมถึงสารถีล้มลงทั้งหมด เหลือแค่ลาเวียที่ยังยืนอยู่
เคาท์ที่ได้รับรู้ถึงพลังของเธอก็ได้นำมอนสเตอร์มาเพื่อทดสอบพลังของลาเวีย จากนั้นพวกเขาก็พบว่าลาเวียนั้นมีความเข้ากันได้กับจิตวิญญาณแห่งไฟในระดับที่สูงมาก เธอนั้นสามารถใช้เวทย์ไฟได้โดยไม่จำเป็นต้องศึกษาหรือฝึกมาก่อน รวมกับพลังเวทย์ที่มหาศาลแล้ว ทำให้มอนทุกตัวตรงหน้าของเธอตายได้ในนัดเดียว
จากนั้นครอบครับเคาท์ที่หวาดกลัวพลังของเธอได้กักขังเธอและยังได้จ้างทหารมาเพื่อคอยคุ้มกัน ไม่ใช่เพื่อคุ้มกันเธอ แต่เป็นตัวเคาท์ต่างหาก
และตอนที่เคาท์ได้ควบคุมตัวเธอไว้ภายในบ้าน เขาตังใจที่จะใช้ตัวเธอเพื่อเป็นเครื่องมือในการทำสงคราม
หมอนั่นมันกล้าดียังไงถึงใช้ลูกสาวตัวเองเป็นเครื่องมือวะ
ภายในใจของฮิคารุรู้สึกเจ็บปวด แต่ว่าตอนนี้เธอนั้นมีชีวิตที่อิสระแล้ว เพราะแบบนี้จึงทำให้ฮิคารุรู้สึกดีขึ้น
“ลาเวีย เธอควบคุมลมหายใจเพลิง ได้มากขนาดไหนน่ะ”
“ควบคุมเหรอ?”
“ก็เหมือนกับอีสก่อนหน้านี้ไง แต่ไม่เหมือนของเธอ เขาไม่ได้ควบคุมแต่แค่เผาพุ่มไม้บางส่วนไปนี่นา”
“ก็นะ เราสามารถเปลี่ยนทิศทางของมันได้แล้วก็ที่ที่จะให้มันปรากฎออกมา แต่เราควบคุมปริมาณมานาไม่ได้ มันเป็นปริมาณตายตัวน่ะ”
“แปลว่าถึงจะใช้มานาเท่ากันแต่ว่าของเธอก็ยังใหญ่กว่าอยู่ดีสินะ”
“น่าจะเพราะแบบนี้ตัวเราก็เลยถูกมองว่าเป็นเครื่องมือทำสงครามชั้นดีเลยน่ะ”
เข้าใจล่ะ ฮิคารุคิด แปลว่ายิ่งแต้มในสายเยอะก็ยิ่งใหญ่ขึ้นสินะ หรือก็คือมานาเท่ากันแต่ประสิทธิภาพสูงกว่า
ฮิคารุไม่รู้ว่าสงครามในโลกใบนี้นั้นเป็นอย่างไร แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าเวทย์มนต์จะต้องเป็นสิ่งที่จำเป็นมากแน่ๆ ถ้าโดนเวทย์แบบนั้นเข้าไปสักสามสิบลูกยังไงก็ซี้แหง
“….ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนพวกรูปร่างของบอลไฟได้มั้ย หรือแค่บีบอัดมันไม่ก็ขยายน่ะ”
“…เราไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อนเลยอ้ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้มีโอกาสเรามาลองดูก็แล้วกัน แต่ตอนนี้เราออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะนะ”
ฮิคารุไม่อยากที่จะเผาพื้นที่ตรงนั้นเพิ่มไปมากกว่านี้แล้ว
“เอาไว้เดี๋ยวทดสอบความสามารถของคลาสของเธอทีหลังด้วยแล้วกันนะ”
“เหะเหะ”
“หืม มีอะไรเหรอ”
“ก็นายพูดเหมือนพวกนักวิชาการที่คอยควบคุมการสอบเลยน่ะสิ”
“จริงดิ นี่เธอไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดเวลาที่ไม่รู้คำตอบของอะไรบางอย่างเลยเหรอ”
“ก็มีบ้างล่ะนะ แต่คงไม่เท่านายหรอกนะ”
“คร้าบๆ เอาล่ะฉันมีคำถามนึง”
“ฮิฮิฮิ”
“อ่า ช่างมันเถอะ”
“ไม่เป็นไร ถามได้เลย เราเคยบอกไปแล้วนี่ว่าเราจะให้ทุกอย่างน่ะ”
ฮิคารุถึงกับผงะเมื่อเจอเข้ากับความจริงใจของเธอ
“ถ้างั้นก็ เธอมีมานาเยอะขนาดนี้ตั้งแต่ต้นเลยเหรอ”
เพราะลาเวียนั้นไม่มีแต้มสกิลที่เหลือใช้เหมือนกับตนอื่น ฮิคารุก็เลยสงสัย และดูเหมือนแรงค์หกแรงค์ของเธอนั้นได้มาจากการฆ่ามอนสเตอร์
นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะให้เด็กผู้หญิงทำเลยสักนิด แต่ว่า ตอนนี้แต้มทั้งหมดของเธอนั้นถูกแบ่งไปให้มานาและธาตุไฟแล้ว
“คำตอบคือ ไม่น่ะ เราไม่ค่อยได้ใช้เวทย์บ่อยนักหรอกนะ แต่ว่าบางครั้งเราก็รู้สึกว่ามานาของเรามันเพิ่มขึ้นเองน่ะ”
“แล้วเธอได้ทำอะไรเป็นพิเศษมั้ย”
“ก็ไม่นะ”
“โอเค..”
แปลว่าแต้มถูกแจงโดยอัตโนมัติงั้นเหรอ
ความเชี่ยวชาญของมนุษย์จะถูกแปลงเป็นแต้ม จะได้รับแต้มจากการที่โตขึ้นและเพิ่มโซลแรงค์ และถ้าเชี่ยวชาญอะไรบางอย่าง จะมีสิ่งที่คล้ายๆกับของขวัญจากธรรมชาติมาเสริมความแกร่งให้กับความสามารถนั้น และนั่นก็คือการที่แต้มถูกแจงลงไปในแต่ละสายนั่นเอง
แต่ของลาเวียนั้นต่างออกไป ด้วยสาเหตุบางอย่างทำให้แต้มของเธอถูกแจงไปที่มานาและเวทย์จิตวิญญาณจนหมด หรือจะพูดได้ว่ามันคือคำสาปดีๆนี่เอง
“นี่พอจะทำให้หายสงสัยได้มั้ยคะนายท่าน” เธอถามขึ้นด้วยน้ำเสียงขี้เล่น และมองมาที่หน้าของฮิคารุ
“ปริศนาครั้งนี้ยังคงลึกลับนัก เพราะแบบนั้นการที่ได้รู้ข้อมูลจากท่านจึงสนุกยังไงล่ะ คุณลาเวีย” ฮิคารุตอบเธอด้วยรอยยิ้ม
“หืม?”
“มีอะไรเหรอ?”
ฮิคารุพบกับสิ่งมีชีวิตที่มีเขาสีแดงห่างออกไปร้อยเมตรจากที่ทั้งคู่ยืนอยู่ กำลังกินอะไรบางอย่างอยู่
“เดี๋ยวฉันจะจัดการมันเอง เงินดีเลยเชียวล่ะ”
“นั่นมัน…กระต่ายเหรอ”
“กระต่ายเขาแดงน่ะ รอตรงนี้ก่อนได้มั้ย”
“เราขอไปด้วยสิ”
“ได้สิ ถ้างั้นอย่าปล่อยมือล่ะ”
ฮิคารุรู้สึกลังเลออยู่ครู่หนึ่ง เขาแค่ต้องเข้าไปจัดการกระต่ายนั่นเท่านั้น ไม่มีอะไรที่น่าสนใจสำหรับลาเวียเลย แถมสำหรับบางคนน สิ่งนี้นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่โหดร้ายด้วยซ้ำ
และยังมีอีกเหตุผลที่ฮิคารุไม่อยากพาลาเวียไปด้วยนั่นคือ ก่อนหน้านี้เธอเคยถูกบังคับให้ฆ่าพวกมอนมาก่อนแล้ว มันอาจจะทำให้ลาเวียรู้สึกแย่ก็ได้
แต่ลาเวียนั้นเคยบอกว่าอยากจะออกผจญภัย ดังนั้นการที่จะมาเล่นเป็นคนดีมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฮิคารุจึงเปลี่ยนใจ
ฮิคารุเปิดใช้อาพรางหมู่และเข้าไปใกล้ๆเจ้ากระต่ายน้อย จากนั้นก็กระซวกเข้าที่หลังมันอย่างจัง เจ้ากระต่ายกระตุกนิดหนึ่งแล้วก็แน่นิ่งไป
“….ว้าว”
ลาเวียพูดแค่นั้น ไม่ทั้งช็อคหรือตกใจ
ก็นะ ถ้าเธอไม่เป็นไรถ้าเห็นแบบนี้แล้วก็คงพวไปผจญภัยได้โดยไม่มีปัญหาหรอกมั้งนะ
“หืมม?”
ฮิคารุรู้สึกเตะตาเข้ากับดินที่กระต่ายเพิ่งมุดหน้าเข้าไป
หืม ปกติใช้ชีวิตแบบนี้สินะ ช่างเถอะ ยังไงเราก็เข้าใกล้พวกนั้นได้ด้วยสกิลของเราอยู่แล้วล่ะนะ
“ฮิคารุ มีอะไรเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวจะต้องรีดเลือดออกก่อนที่จะกลับไปนะ”
“มันหนักมั้ยอ้ะ”
“ฉันแบกคนเดียวได้สบายอยู่แล้ว”
เขาลงแต้มที่พลังจู่โจมก็เพื่อการนี้ล่ะ ลาเวียรู้สึกทึ่งมากที่ฮิคารุยัดกระต่ายใส่กระสอบและแบกมันได้เหมือนกับมันเบามาก
“อาวล่ะ เรากลับกั—–”
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเรียบร้อยแล้ว
“หืมม?”
ห่างออกไปนิดหน่อย เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง
“อะไรเนี่ย…”
เธอหันกลับไป ควงคทาของเธอและเริ่มร่ายมนต์ เพื่อนของเธอถูกไล่โดยยักษ์สีเขียวและโดดออกมาจากป่า ใช่แล้วครับ ผู้พิทักษ์แห่งป่านั่นเอง
ส่วนพวกเขาก็ไม่ใช่ใครอื่น พอลล่าแอนด์เดอะแก๊งค์นั่นเองครับผม