อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》 – ตอนที่ 41

ตอนที่ 41 รูทฮับบาร์ท

รูทฮับบาร์ทเป็นเมืองที่อยู่ทางใต้ของพอนด์ ใช้ระยะเวลาในการเดินทางราว ๆ ห้าวันและห่างจากเมืองไปพียงสิบนาทีก็จะพบกำดันเจี้ยน เมืองใต้ดินแห่งเทพโบราณ ที่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อห้าปีก่อน ตัวเมืองของรูทฮับบาร์ทนั้นเป็นเมืองที่ถูกสร้างอย่างเร่งๆ และยังไม่มีกำแพงเลย มีแค่รั้วธรรมดาเท่านั้น

ไม่มีการตรวจสอบการ์ดก่อนเข้าหรือออกเมือง ที่เมืองนี้มีกิลด์อยู่สามกิลด์คือ กิลด์นักแปรธาตุ(สาขา) กิลด์การค้าและกิลด์นักผจญภัย

 สิ่งก่อสร้างที่ทำจากไม้เรียวรายกันอยู่ข้างถนน กะด้วยสายตาได้ประมาณฝั่งละยี่สิบหลัง มีตรอกด้านหลังบ้างนิดหน่อย ถึงที่นี่จะดูเหมือนหมู่บ้าน แต่คนส่วนใหญ่จะเรียกว่าเมืองมากกว่า

“แลดูมีบ้านไม่ค่อยจะเยอะเท่าไรเลยแฮะ” ฮิคารุพูด

“อื้ม ทีแรกคงไม่ได้กะว่าจะสร้างเป็นเมืองน่ะ” 

“บางทีอาจจะวางแผนไว้เผื่อตอนที่สำรวจดันเจี้ยนทะลุปรุโปร่งแล้วจะได้ขนย้ายง่ายๆล่ะมั้งนะ”

ที่นี่ไม่มีทั้งดันเจี้ยนมาสเตอร์ หีบสมบัตร แล้วมอนสเตอร์ก็ใช่ว่าจะมีไม่จำกัดด้วย 

และถ้ากำแพงของดันเจี้ยนพังทลายไปก็ไม่มีการซ่อมแซมตัวเองด้วย ส่วนสมบัติถ้ามีการเจอครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่มีอะไรโผล่มาอีก

ฮิคารุกับลาเวียได้โรงแรมสำหรับนอนแล้ว ที่นี่นั้นไม่ได้มีการตรวจว่าผู้เข้าพักเป็นผู้ต้องหาหรือไม่ เรื่องจะให้เข้าพักหรือไม่นั้นมันเป็นการตัดสินใจของเจ้าของโรงแรม

เช้าวันต่อมา ทั้งคู่ตรงไปที่สาขาของกิลด์นักแปรธาตุ เหตุที่เรียกว่าเป็นสาขานั่นก็เพราะว่าที่นี่ไม่ได้เป็นกิลด์ที่มีทุกอย่างแบบครบวงจร รับคำร้องไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ขายและซื้อเท่านั้น

ที่นี่นั้นขาย โพชั่น ตัวเร่งปฏิกิริยาเวท และไม้เท้า ฮิคารุซื้อโพชั่นมาสองขวดราคาขวดละ 1200 ออกจะแพงไปนิดหน่อยเพราะมีค่าขนส่งร่วมอยู่ด้วย

“เครื่องรางน้ำมนต์ ยาแก้พิษ ยารักษาโรค….”

สินค้าที่ไม่คุ้นเคยมากมายวางเรียงรายอยู่บนชั้น ส่วนใหญ่ก็ราคาราว ๆ พันกิลลัน ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือเจ้าหน้าที่ของกิลด์ที่ได้กลิ่นเงินมาจากฮิคารุหลังจากที่เขาใช้เงิน 2400 กิลลันซื้อโพชั่นไปโดยไม่มีอาการอะไรเลย

“ที่ดันเจี้ยนแห่งนี้เป็นรังของอันเดดครับ ดังนั้นถ้าใช้ของเฉพาะไปเลยน่าจะดีกว่า อย่างเช่นเจ้า เครื่องรางน้ำมนต์นี่ไงล่ะครับ สิ่งนี้จะสามารถใช้ขับไล่พวกอันเดดได้ชั่วคราว แล้วขอแนะนำอีกอย่างนึงนะครับ สิ่งนี้คือ ยาแก้พิษครับ ถ้าหากว่าคุณใช้มันเมื่อได้รับพิษเข้าสู่ร่างกายตอนที่เจอกับเจ้าพอยซั่น กัสล่ะก็ รับรองหายเป็นปลิดทิ้งแน่นอนครับ”

สิ่งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่คนนี้กั๊กไว้ก็คือ เจ้าพอยซั่นกัส นั้นเป็นมอนสเตอร์หายากที่โผล่มาเฉพาะในส่วนลึกของดันเจี้ยนเท่านั้น จะมีเพียงแค่นักผจญภัยที่มีฝีมือเท่านั้นที่เคยได้สู้กับมัน

“หืม ไอ้นี่มันอะไรน่ะ ตะเกียง…น้ำมันศักดิ์สิทธิ์”

สิ่งที่เตะตาฮิคารุคือตะเกียงอันหนึ่งที่ถูกทำออกมาอย่างลวกๆ ทำให้มันมีสีขุ่นๆ 

“อ๋อ ไอ้นี่เอาไว้ใช้สำหรับเวลาจะค้างคืนในดันเจี้ยนน่ะครับ พอจุดไปแล้วไฟอาจจะไม่สว่างมากเท่าไรแต่ว่าก็เพียงพอสำหรับการมองเห็นครับ และตอนที่ไฟถูกจุดขึ้นมาแล้วมันจะสร้างข่ายที่มองไม่เห็นคอยกันพวกอันเดดออกไป เหมาะสำหรับการใช้เวลาต้องการพักในระยะยาว หรือก็คือเวลานอนยังไงล่ะครับ”

“เข้าใจล่ะ งั้นขอห้าอัน”

“…วะ ว่ายังไงนะครับ”

“รวมแล้วก็ห้าพันกิลลันใช่มั้ยครับ”

“ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ ยิ่งดึกเท่าไรพวกมอนสเตอร์ก็จะยิ่งคึกคักกันเท่านั้น แต่ตะเกียงอันนี้อยู่ได้นานสุดแค่แปดชั่วโมงนะครับ แปลว่าคุณลูกค้าอาจจะได้สู้กับมอนอยู่นะครับ”

“อื้ม”

“แล้วสถิติที่เคยมีคนไปสำรวจดันเจี้ยนก็อยู่ได้นานสุดแค่สามวันเองนะครับ พวกเขาเป็นนักผจญภัยแรงค์ C ห้าคนที่เหลือกลับมาแค่สามคนเองนะครับ”

“รู้อยู่แล้วล่ะครับ แต่ยังไงผมก็ขอซ้อห้าอันครับ”

“คะ…ครับ”

เจ้าหน้าที่คนนั้นรู้สึกสงสารฮิคารุขึ้นมาและคิดว่าเขาต้องตายอยู่ในดันเจี้ยนอย่างแน่นอน

อาหารของเราตอนนี้น่าจะพออยู่ได้ห้าวันล่ะนะ ส่วนเรื่องน้ำก็หายห่วงเพราะเรามีหินจิตวิญญาณน้ำเรียบร้อย 

และแน่นอนว่าฮิคารุของเราได้คิดมาเป็นอย่างดีแล้วว่าจะอยู่ในนั้นนานเท่าไร

ที่ต่อไปที่ทั้งคู่แวะไปก็คือที่กิลด์นักผจญภัย ที่นั่นมีพวกนักผจญภัยอยู่มากมายเลยทีเดียว แถมตัวอาคารของกิลด์เองก็ใหญ่พอๆกับที่พอนด์เลยด้วย

“แรงค์ D หาฮีลเลอร์สามคนนะ”

“เรารับสมัครคนแค่มันนี้นา แล้วไม่ถามอะไรมากด้วย”

“พวกเรากำลังหาปาร์ตี้ที่จะไปเก็บหินวิญญาณ นักดาบกับนักธนูอย่างละคน ถึงพวกเราจะแรงค์ E แต่คลาสห้าตัวอักษรนะ”

ที่นี่มีคนมากมายที่กำลังหาปาร์ตี้และสมาชิกปาร์ตี้อยู่

“อ๊ะ ยังเหลืออีกเล่มนึงนี่นา โชคดีจังแฮะ”

ห้องอ้างอิงของที่นี่นั้นถูกใช้เป็นประจำ เพราะว่าการที่จะเข้าดันเจี้ยนไปโดยไม่เตรียมตัวอะไรมันเสี่ยงเกินไป และที่ห้องอ้างอิงของที่นี่นั้นมีข้อมูลที่ถูกรวบรวมโดยคนที่เคยลงไปสำรวจดันเจี้ยนเป็นคนเขียนไว้

ฮิคารุหยิบหนังสือเล่มสุดท้ายแล้วใช้อำพรางหมู่พาตัวเขาและลาเวียไปหามุมสงบๆเพื่ออ่านหนั่งสือเล่มนั้น

วันที่ X เดือน X ปี XX ข้อมูลจาก XXX นักผจญภัยแรงค์ D

เขาเกือบตายหลังจากที่สู้กับ ลิฟวิ่งเฮด จากปากคำของเขา มันคือมอนส์เตอร์ที่มีแต่หัวลอยได้ พวกมันจะใช้เสียงกรีดร้องที่เรียกว่า ไบน์เชาท์ทำให้ทุกสิ่งที่ได้ยินสั่นกลัว “พอโดนล้อมด้วยพวกมันห้าตัว ผมก็เตรียมใจตายแล้วล่ะครับ แต่ว่าผมใช้เวทไฟ กับแอลกอฮอล์ของเพื่อนจุดไฟและเปลี่ยนที่นั่นให้สว่างเหมือนตอนกลางวัน แล้วก็รอดมาได้น่ะ…”

ดูเหมือนคนที่เขียนจะเขียนทุกอย่างตามที่ได้ยินมาเลยนะเนี่ย

“ไอ้นี่มันช่วยได้จริงๆเหรอ”

“นี่แปลว่าลิฟวิ่งเฮดแพ้แสงงั้นเหรอ”

“ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่เดาว่าพวกนั้นน่าจะใช้ประสาทการมองเห็นเป็นหลักน่ะ”

เพราะลาเวียนั้นเป็นคนที่หัวไวอยู่แล้วเขาจึงไม่จำเป็นต้องอธิบายเพิ่ม และฮิคารุก็เริ่มอ่านต่อไปเพื่อยืนยันว่าลางสังหรณ์ของเขานั้นถูกต้อง

“เห้ย หนังสือไม่เหลือแล้วนี่หว่า เฮ้ยไอ้หนูหนังสือนั่นน่ะอ่านจบแล้วใช่มั้ย เอามานี่เด๊ะ”

“อ๊ะ…”

เสียงของนักผจญภัยที่อายุประมาณสามสิบพูดขึ้น

“นี่ผมยังอ่านอยู่เลยนะ เอามานี่นะ!”

“หืม ไม่ใช่ว่าแกเป็นแค่ไอ้เด็กกากๆที่พยายามหาตี้แต่ก็ถูกเมินนี่หว่า ไปไหนก็ไปซะไอ้หนู”

“แล้วถ้าผมอยากอ่านหนังสือแล้วมันจะทำไมเล่า!”

เด็กชายผมสีน้ำตาลที่กำลังพยายามจะแย่งหนังสือคืน แต่ก็ทำไม่ได้เพราะว่าอีกฝ่ายสูงเกินไป

“ใครมันจะไปฟังพวกแรงค์ E คลาสอักษรเยอะกันวะ”

“พูดตรงๆนะ เด็กนั่นน่าจะกลับไปนอนอยู่บ้านน่าจะดีกว่า”

ไม่มีใครที่คิดจะไปช่วยเด็กคนนั้นเลย พนักงานกิลด์เองก็กำลังยุ่งอยู่กับนักผจญภัยคนอื่น

“พวกข้าจะไปสำรวจดันเจี้ยนพรุ่งนี้ เพราะงั้นพวกเราถึงต้องใช้ไอ้นี่ยังไงล่ะ เข้าใจมั้ยน เอาไว้ถ้าข้าใช้เสร็จเมื่อไรเดี๋ยวจะเอามาคืน”

“ผมไม่สนหรอก ผมเองก็จะเคลียร์ดันเจี้ยนเหมือนกันนะ เพราะงั้นผมเองก็มีสิทธิที่จะอ่านมันเหมือนกันนะ!”

“สิทธิเหรอ เหอะ ถ้าแกอยากเป็นนักผจญภัยก็หัดทำตัวให้มันแข็งแกร่งกว่านี้หน่อยเซ่!”

“อุ้ก!?”

เด็กชายกระเด็นออกไปชนเสาด้วยแรงเตะของชายคนนั้น

“เอาล่ะ เรามาเริ่มเตรียมตัวกันเหอะว่ะ”

แล้วชายคนนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับกลุ่มของเขา เด็กชายคนนั้นนั่งคุดคู้อยู่ที่เดิมด้วยน้ำตานองเพราะความเจ็บและความอับอาย

“…จะช่วยเหรอ”ลาเวียถาม

“ฉันไม่สนหรอกว่าคนอื่นจะเป็นยังไง แต่ว่าตอนนี้ฉันอ่านมันจบเรียบร้อยแล้วพอดีน่ะ”

ทั้งคู่นั้นเป็นพวกที่อ่านไวอยู่แล้ว ฮิคารุเป็นหนอนหนังสือสมัยอยู่ญี่ปุ่นส่วนลาเวียเองก็อ่านนิยายมามากเช่นกัน

“ตายยังน่ะ”

“หวา! นายเป็นใครน่ะ!”

ทันทีที่ฮิคารุเดินเข้าไปทัก เด็กชายก็รีบปาดน้ำตาออกเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้อยู่

เขาแต่งตัวด้วยชุดที่ค่อนข้างจะมีระดับ หน้าตาของเขานั้นไม่มีเค้ารอยของความหยาบที่นักผจญภัยควรมีอยู่เลย

【Soul Board】Hawks F. Linden

Age: 16 Soul Rank: 14

15

 

【Physical Strength】

..【Weapon Mastery】

….【Sword】1

….【Shield】1

….【Armor】1

ฮิคารุเกือบจะโพล่งออกมาเมื่อเห็นโซลบอร์ดของเขา

อ่อน ! อ่อนเกินไปแล้ว! นี่ขึ้นมาถึงแรงค์ E ได้ยังไงกันเนี่ย

ดูจากที่ยังพอมีแต้มในสายชำนาญอาวุธอยู่บ้าง แปลว่าเขาอาจจะเป็นลูกของบารอนก็ได้ แต่ที่ทำให้แน่ใจได้คือ เอฟ ที่เป็นชื่อกลางนั่นเอง

“เอานี่ไปอ่านสิ”

“นะ แน่ใจนะ”

“อืม อ่านเสร็จแล้วน่ะ” ฮิคารุพูดพร้อมกับยื่นหนังสือให้ ฮอว์คพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หันเหความสนใจมาที่ฮิคารุ

“ขอโทษทีนะ แต่นายคงเข้าปาร์ตี้ของผมไม่ได้หรอก”

“หา?”

“นายคงจะเพิ่งเลื่อนเป็นแรงค์ E  ใช่มั้ย ผมก็เข้าใจความรู้สึกของนายอยู่หรอก แต่ว่าการสำรวจดันเจี้ยนน่ะ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ ทางที่ดีนายน่าจะรอให้โตกว่านี้ก่อนนะ”

“ไม่ใช่นะ คือ เอ่อ…”

“นายน่าจะกลับบ้านแล้วก็ไปฝึกมาเพิ่มก่อนนะ” ฮอว์คพูดก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะใกล้ๆ

“หะ หา?”

“นายถูกทิ้งแน่ะ ฮิคารุ” ลาเวียพูด

“นี่ฉันเพิ่งพูดว่าอยากเข้าปาร์ตี้ของหมอนั่นงั้นเหรอ”

นักผจญภัยคนอื่นที่ได้ยินบทสนธนานั่นก็หัวเราะลั่น

“ไอ้เด็กนี่โดนไอ้เด็กนั่นปฏิเสธว่ะเห้ย!”

ฮิคารุตากระตุก

ทั้งคู่ไปกินข้าวเที่ยงกันที่ร้านราเมนร้านหนึ่ง ราเมนของที่โลกนี้นั้นไม่เหมือนกับของที่ญี่ปุ่น แต่รสชาตินั้นดีอย่าบอกใครเลยเชียว

“ลาเวีย รู้สึกยังไงบ้าง”

“ก็ดีนะ”

ฮิคารุอยากจะใช้ตะเกียบมากกว่าแต่ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีเขาจึงต้องใช้ส้อมแทน ส่วนลาเวียก็อิ้มแปล้

“ถ้างั้นก็”

“ไปดันเจี้ยนกัน”

แล้วทั้งคู่ก็ออกจากเมืองไปที่ดันเจี้ยน

ข้างนอกเมืองนั้นเป็นที่ดินรกร้างที่มีพุ่มไม้ขึ้นอยู่บ้าง ฮิคารุมองไปที่ถนนที่พวกเขากำลังเดินไปและคิดว่ามีกี่คนที่เข้าไปในดันเจี้ยน แล้วมีกี่คนที่กลับออกมากันแน่

“ลาเวีย ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างเหรอ”

“ที่จริงแล้ว เรากลัวนิดหน่อยน่ะ”

“กลัวเหรอ”

“ก็เราน่ะอยากเป็นนักผจญภัยนี่นา แต่พอได้มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้วเรากลับขาสั่นไม่หยุดเลย แปลกใช่มั้ยล่ะ”

ฮิคารุไม่คิดแบบนั้น เพราะว่าที่ๆทั้งคู่กำลังจะไปคือที่ที่มีคนตายมากมายและยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อมั่นในตัวนายนะ! อย่าเข้าใจผิดล่ะ” ลาเวียรีบแก้ความเข้าใจผิดหลังจากที่เห็นฮิคารุทำหน้าจริงจัง

“ถ้างั้นก็หนีสิ”

“เอ๋”

“ก็อาจจะเจอพวกมอนส์เตอร์ที่พลังของฉันไม่ได้ผลอยู่น่ะ ถ้าเป็นแบบนั้น เราต้องรีบหนีให้ไวที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีสมบัติอยู่ข้างหน้าก็เถอะนะ”

“อื้ม ขอบใจนะ ฮิคารุ”

“ชีวิตฉันน่ะมีค่านา”

“เราด้วยมั้ยอะ”

“แน่นอนสิ ฉันไม่ยอมเสียเธอไปง่ายๆหรอกนะ”

“เฮะๆ”

ตอนนี้ลาเวียรู้สึกผ่อนคลายขึ้นแล้ว

แล้วฮิคารุก็เริ่มคิดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นถ้าทั้งคู่ออกไปจากอาณาจักรได้แล้ว และลาเวียเป็นอิสระแล้ว

ถ้าเธอหนีไปล่ะ แล้วถ้าหากเธออยากไปจากเขาล่ะ

ยิ่งเขารู้จักกับเธอมาเท่าไร เขาก็ยิ่งรักเธอมากเท่านั้น และเขาเองก็รู้เรื่องนั้นดีอยู่แล้ว

“อ๊ะ ทางเข้าอยู่นั่นไง”

เสียงของลาเวียช่วยปลุกฮิคารุออกจากภวังค์ ข้างหน้าเป็นบ้านไม้มากมายซึ่งเป็นที่อยู่ของพนักงานกิลด์นักผจญภัยและคนจากรัฐบาลที่คอยดูแลดันเจี้ยน

ถัดจากที่นั่นไปเป็นสุสาน ทางเข้าของดันเจี้ยนนั่นเอง

“หืม มาทำอะไรงั้นเหรอ มีใครสั่งอาหารรึไงนะ” 

“ผมเป็นนักผจญภัยน่ะครับ” ฮิคารุพูดพร้อมกับยื่นบัตรกิลด์ให้ และแน่นอน ช่องคลาสว่างไว้

“งั้นเหรอ หืมม ดูเหมือนว่านายจะอยู่แรงค์ E แล้วสินะ แล้วเด็กผู้ชายคนนั้นล่ะ”

“มากับผมน่ะ ไม่ใช่ว่าถ้าใครคนนึงเป็นแรงค์ E ก็เข้าได้แล้วไม่ใช่เหรอครับ”

“ก็จริงนะ แต่ว่า ฉันคงปล่อยให้คนหนุ่มอย่างพวกเธอเอาชีวิตมาทิ้งไม่ได้หรอกนะ เพราะงั้นคงให้เข้าไปไม่ได้หรอก”

“อะไรนะครับ?”

นี่เขาจะแหกกฎเหรอ

“โว้ว อะไรเนี่ย ไอ้เด็กนี่อยากเข้าไปในดันเจี้ยนเรอะ”

นักผจญภัยห้าคนที่เพิ่งออกมาจากที่พักทักขึ้น

“แต่ฉันไม่ยอมน่ะ ตอนนี้ก็เลยกำลังกล่อมให้กลับไปอยู่”

“ก็ดีแล้วนี่หว่า ขืนเข้าไปก็ตายเปล่าอยู่ดี เด็กแบบนี้น่ะมีแต่จะไปเพิ่มจำนวนอันเดดข้างล่างนั่นล่ะ” แล้วทุกคนก็ลั่นหัวเราะขึ้นมา

“……”

“ฮะ ฮิคารุ” ลาเวียพูดขึ้นมา ตอนนี้ฮิคารุกำลังอารมณ์ไม่ดีจนทำให้ลาเวียเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา

“ทีแรกก็พนักงานกิลด์นักแปรธาตุ แล้วก็เจ้าเด็กแรงค์ E นั่น แล้วไหนจะพวกแกอีก ชักเริ่มโมโหแล้วนะเฮ้ย” ฮิคารุพูดออกมาในระดับที่ให้ทุกคนที่นั่นได้ยิน

“เอ็งว่าไงนะ อย่าคิดนะว่าเป็นเด็กแล้วจะรอดไปได้นะ ตอนนี้นายกำลังเสียมารยาทอยู่นะ”

“คุณเองก็เหมือนกันไม่ใช่รึไงล่ะ คุณน่ะ มาจากกิลด์ หรือจากที่ไหนล่ะ”

“…กิลด์ แล้วทำไมล่ะ”

“ตามกฎแล้วนักผจญภัยที่มีแรงค์ E สามารถเข้าไปได้โดยไม่ต้องสนแรงค์ของผู้ติดตามนี่นา แปลว่าตอนนี้คุณน่ะกำลังไม่เคารพกฎอยู่สินะ”

“ฉันก็แค่….”

“หัดระวังปากมั่งนะเห้ยไอ้หนู อย่ามาทำกร่างแถวนี้นะเห้ย”

“หุบตูดเน่าๆของเอ็งซะ ตาแก่ แค่เอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยงก็คิดว่าเก๋ามากงั้นเหรอ”

“ไหนเอ็งลองพูดอีกทีซิ”

“ทีแรกก็กะว่าจะออกไปจากที่นี่หลังจากที่ผจญภัยจนพอใจอยู่หรอกนะ แต่ว่า ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ยังไงเราก็จะออกไปจากไอ้อาณาจักรเส็งเคร็งนี่อยู่แล้ว ถ้างั้นก็ไม่ต้องอดกลั้นแม่งแล้วล่ะ” ฮิคารุพูด “พวกเราน่ะ จะเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของดันเจี้ยน”

เงินที่เหลือ 24,390 กิลลัน (+200,000)

—————————————————————-

ตอนนี้อาจจะเเปลมึนๆหน่อยนะฮะ ขออภัย

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》

Status: Ongoing
อ่านนิยาย อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》ฮิคารุ เด็หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ แต่เขาได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่ในต่างโลก โดยแลกกับการแก้แค้น ——————————– อันนี้เป็นงานสานต่อ ดังนั้นพวกชื่อต่างๆ อาจจะมีแตกต่างกับช่วงแรกไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset