อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》 – ตอนที่ 80

ตอนที่ 80 นักวิจัยมนาศักดิ์สิทธิ์

              “มานาศักดิ์สิทธิ์” —-ฮิคารุรู้จักคำคำนั้น จากดันเจี้ยน “เมืองทวยเทพโบราณใต้พิภพ”

              โดยพบมันด้านในสุดของพระราชวังแห่งราชวงศ์โพเอลซิเนีย

              จากบันทึก ราชวงศ์โพเอลซิเนียใช้ประโยชน์จาก “มานาศักดิ์สิทธิ์” เป็นเรื่องปกติ โดยระบุว่าใช้งานทั่วทั้งเมืองหลวง

              แถมดูเหมือนจะย้ายเมืองหลวงทั้งเมืองลงไปใต้ดิน

              แต่วิทยาการนั้น กลับโดนมนุษย์ยักษ์รุกรานจนล่มสลายไป

              “ผู้อำนวยการ ‘มานาศักดิ์สิทธิ์’ มันเป็นพลังงานประเภทไหนเหรอครับ?”

              “มีคนที่เหมาะสมจะให้คำตอบมากกว่าฉันอยู่ ช่างอุปกรณ์เวทมนตร์ซึ่งเป็นนักวิจัยที่เก่งที่สุดของสถาบันวิจัย เคธี่ โคโทบี้ไง”

              ฮิคารุกล่าวขอบคุณผู้อำนวยการที่อนุญาตให้ดูลิสต์ ถึงผู้อำนวยการจะบอกด้วยความมีน้ำใจว่า “หากมีอะไรให้มาปรึกษาฉันได้ทุกเมื่อเลย” ก็ตาม แต่ฮิคารุกลับได้ยินเป็นว่า “อยากให้มาบอกก่อนที่จะก่อปัญหา” มากกว่า

              ฮิคารุออกจากหองสมุด และตามหาเคธี่ ตอนนี้น่าจะอยู่ระหว่างการสอน

              อยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับ “มานาศักดิ์สิทธิ์” 

              มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นวิทยาการที่ถูกสร้างจากผู้ถูกวาปมาหรือผู้มาเกิดใหม่ เพราะว่าฮิคารุเคยใช้ปืนลูกโม่มาแล้ว

              “ที่นี่เหรอ”

              เป็นห้องบรรยายใหญ่ที่บรรจุคนได้มากที่สุดของตึก A 

              เนื่องจากไม่มีประตู เลยได้ยินเสียงตั้งแต่อยู่ข้างนอก

              (สุดยอดไปเลย)

              แท่นบรรยายอยู่ตรงกลาง ส่วนที่นั่งกระจายกว้างเป็นรูปพัด

              เนื่องจากมันลาดขึ้นทำให้คนที่อยู่ด้านหลังๆสามารถมองลงมาที่แท่นบรรยายได้

              ที่นั่งอย่างเดียวก็เกิน 100 ที่นั่งไปแล้ว แถมเต็มหมดทุกที่นั่งขนาดมีคนยืนดูด้วย

              อยากจะให้ “ตึก C” ดูเป็นแบบอย่างบ้าง

              นักเรียนที่เข้าเรียนแตกต่างกับนักเรียนของดาบใหญ่โดยสิ้นเชิง อย่างแรกคืออัตราส่วนของผู้หญิงที่สูงมาก ทุกคนร่างผอมบาง และไม่เห็นนักเรียนของจาราซักเลย

              ในมือของทุกคนมีหนังสือ—-น่าจะเป็นหนังสือเรียน—-และจดสิ่งที่อยู่บนกระดานดำอย่างกระตือรือร้น

              (มหาวิทยาลัยของญี่ปุ่นน่าจะประมาณนี้หรือเปล่านะ)

              พอจินตนาการถึงสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำในอนาคต ฮิคารุก็รู้สึกเหงาขึ้นมาทันที

              “—-ไม่จำเป็นต้องรายงานเกี่ยวกับโครงสร้างของอุปกรณ์เวทมนตร์เป็นพิเศษ แต่ขอให้บอกเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาที่เข้ากันได้ดีกับพลังเวทมนตร์ ในกรณีที่มันเกิดควบคุมไม่ได้จะได้รับมือได้อย่างทันท่วงที”

              ผู้หญิงที่กำลังบรรยาย—-เคธี่ โคโทบี้ กำลังเขียน “การบ้าน” บนกระดานดำโดยหันหลังให้ทางนี้อยู่

              เป็นหญิงสาวที่รูปร่างดี

              ถึงจะสวมเสื้อกาวน์สีขาว แต่กลับไม่มีคราบสกปรกเลย ซึ่งมันคลุมยาวเลยข้อศอกไปนิดหน่อย

              กางเกงสูทตามมารตฐาน กับรองเท้าสีฟ้าไร้ส้น

              ผมยาวสีเหมือนกับยามราตรีถูกรวบถักเกลียวไว้ด้านซ้าย โดยตรงปลายมีเครื่องประดับสีเงินติดอยู่

              โคโทบี้เป็นประเทศเล็กๆที่ขึ้นชื่อเรื่องของที่ทำจากโลหะ ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นชายหรือหญิงส่วนใหญ่จะติดเครื่องประดับไว้ค่อนข้างเยอะ

              คนส่วนใหญ่ที่เข้าเรียนก็เป็นคนของโคโทบี้ เพราะทุกคนติดเครื่องประดับสีเงินอยู่

              คนที่แต่งงานแล้วถึงจะใช้สีทอง

              “เอาละจบการบรรยายแต่เพียงเท่านี้ มีคำถามเกี่ยวกับคาบเรียนวันนี้กันไหม”

              เคธี่อธิบายเกี่ยวกับการบ้านอย่างเรื่อยๆ

              ถึงน้ำเสียงจะราบเรียบ แต่เนื้อหาเข้าใจได้ง่าย ทำให้รู้เลยว่าเป็นคนฉลาด บางทีอาจจะเป็นปกติของนักวิจัยอยู่แล้วก็ได้

              ในระหว่างที่ถามตอบอยู่—-ฮิคารุก็ร้อง “อ๊ะ” ตอนที่เคธี่หันกลับมา

              “หือ? มีคำถามอะไรงั้นเหรอ”

              “อะ เอ่อ……”

              ไม่ใช่แค่เคธี่เท่านั้น แต่เหล่านักเรียนก็หันสายตามาทางฮิคารุ—-ที่ยืนอยู่ตรงประตูเข้าห้องบรรยาย

              มันช่วยไม่ได้เพราะฮิคารุดันหลุดเสียงออกมา

              “เอ่อ แบบว่า……เนื้อหาไม่เกี่ยวกับคาบเรียน ไม่ว่ากันใช่ไหมครับ?”

              ฮิคารุที่กลับมาสุขุมถามออกไปว่า

              “อาจารย์รู้จักช่างอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ชื่อเคลเบ็กหรือเปล่าครับ?”

              ใช่แล้ว เคธี่คล้ายกับเคลเบ็กหัวหน้ากิลด์หัวขโมยที่พบตรงทางระบายน้ำใต้ดินของพอนด์

              ตรงแก้มจนถึงคอของเคธี่มีรอยสักที่เหมือนกับเปลวเพลิง—-แบบเดียวกับเคลเบ็ก

              “……หือ”

              เธอหรี่ตาสีแดงเข้มเหมือนกับการ์เนตต่อคำถามของฮิคารุ

              ถึงจะดูเย็นชาแต่ก็เป็นหญิงงาม

              “ที่โคโทบี้มีช่างอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ชื่อเคลเบ็กอยู่ อุปกรณ์เวทมนตร์ที่เขาสร้างนั้นถ้าให้บอกคือ “ซับซ้อน” มาก ไม่สนทั้งประสิทธิภาพและความสามารถในการใช้งานโดยสิ้นเชิง หากไม่มีคู่มืออธิบายการใช้งานแล้วละก็จะไม่สามารถใช้งานได้ ใช่แล้วถ้าจะให้พูดถึงความซับซ้อนก็ใกล้เคียงกับโบราณวัตถุที่ขุดพบในซูบร้าก็ว่าได้”

              มีเสียงร้อง “โอ้ว” ออกมาตอนที่ได้ฟังคำอธิบายของเคธี่

              โบราณวัตถุของซูบร้ามีชื่อเสียงขนาดนั้นเลยหรือ

              “แต่ว่า”

              เคธี่รอให้เสียงฮือฮาหยุดลงก่อนจะพูดต่อ

              “แต่ราวๆ 10 ปีก่อนเคลเบ็กได้หายสาบสูญไป และถูกถอดชื่อออกจากกิลด์ช่างอุปกรณ์เวทมร์มนตร์ของโคโทบี้ และอุปกรณ์เวทมนตร์เหล่านั้นก็ถูกจัดเก็บอย่างแน่นหนาไม่ถูกเอาออกมาใช้อีกเลย กล่าวคือถือเป็น ‘บุคคลที่ตายไปแล้ว’—-คำตอบสำหรับคำถามนี้พอใจหรือยัง?”

              “ขอบคุณมากครับ”

              สายตาของเคธี่สับสนเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา

              “เธอชื่ออะไร?”

              “ฮิคารุครับ”

              “งั้นเหรอ ฮิคารุหลังจบการบรรยายนี้ช่วยมาที่ห้องวิจัยของฉันด้วย”

              ต้องบอกว่าดึงความสนใจได้พอตัว—-ไม่สิอาจจะมากเกินไปซะด้วยซ้ำ

              นั่นก็เพราะว่า มีเหล่านักเรียนหลายคนกระซิบกระซาบพร้อมกับมองมาทางนี้

              ฮิคารุออกจากห้องบรรยายใหญ่ แล้วไปนั่งตรงม้านั่งตรงระเบียง

              แล้วการบรรยายก็จบลงตามเวลา พร้อมกับเหล่านักเรียนที่ออกมาจากห้องบรรยายใหญ่

              “ฮิคารุ”

              คนที่ส่งเสียงมาคือรีก

              จะว่าไปโซลบอร์ดของรีกมี “เครื่องปรุงยา” 1 อยู่ และบอกว่าอยากเข้าเรียนเกี่ยวกับอุปกรณ์เวทมนตร์ แต่อาจารย์เป็นคนของโคโทบี้เลยเข้าเรียนไม่ได้

              หลังจากนั้นเขาก็บอกว่าเข้าเรียนแล้ว บางทีอาจจะเป็นการบรรยายของเคธี่ก็ได้

              “ท่านรีกว่าไงครับ”

              ฮิคารุตั้งใจจะทักทายแค่ว่า “ไง” อยู่ แต่ด้านหลังของรีกมีนักเรียนหญิงอยู่ด้วย 3 คน น่าจะเป็นนักเรียนของลูมาเนีย เลยคิดว่าไม่ควรแสดงให้เห็นว่าพูดคุยกับรีก—-ลูกชายคนโตของเผ่าระดับสูงของลูมาเนีย แบบเป็นกันเองสักเท่าไร

              รีกถึงกับตะลึงต่อการลุกขึ้นพูดของฮิคารุ ก่อนที่จะรู้ถึงความตั้งใจนั้นเลยพูดออกมาว่า—- “ขอบคุณมาก” พอที่จะให้ฮิคารุได้ยินคนเดียว พร้อมกับพูดออกมาต่อ

              “แล้วก็นะฮิคารุ—-คำถามเมื่อครู่มันคืออะไรเหรอ?”

              “น่าอายจริงๆเลยครับ ดูเหมือยจะเป็นการขัดจังหวะคาบเรียนซะได้”

              “นายเองก็สนใจอุปกรณ์เวทมนตร์สินะ”

              “ก็มีความสนใจอยู่หรอกครับ……”

              “ถ้าอย่างนั้นคราวหน้ามาเข้าเรียนด้วยกันเถอะ”

              ถึงรีกจะชวนอย่างยิ้มแย้ม แต่ 3 สาวที่อยู่ด้านหลังของเขาพูดออกมาว่า “นี่ท่านรีก จะคุยอีกยาวหรือเปล่าคะ?”, “รีบไปดื่มน้ำชากันเถอะ”, “ไม่ใช่วันนี้ต้องไปซื้อของต่างหาก”

              จะให้รับมือคนคนพวกนี้ก็ยุ่งยากเกินไป

              “ผมไม่มีพรสวรรค์ครับ เกรงว่าจะไปรบกวนซะเปล่าๆ”

              “ถ่อตัวเกินไปแบ้ว อย่าพูดอย่างนั้นแล้วไปเรียนด้วยกันเถอะ”

              “ไม่เป็นไรครับ”

              “ไม่ได้ๆ”

              อย่ามายัดเยียดกันสิ ในระหว่างที่ฮิคารุคิดอย่างนั้น รีกก็กระซิบออกมาเบาๆ

              “……มีเรื่องที่อยากจะขอความช่วยเหลืออยู่”

              เขาพูดออกมาอย่างลำบากใจ

              แล้วฮิคารุก็นึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้รีกไม่ได้เข้าเรียนดาบสั้น

              จะว่าไปเวลารีกมาเรียนก็จะมาคนเดียว หรือไม่ก็มาพร้อมกับโรเย่ บางทีอาจจะมาหลังส่งนักเรียนหญิงพวกนี้ไปแล้วก็ได้

              การที่ทำอย่างนั้นไม่ได้ก็หมายความว่า

              “……ขอคิดดูก่อนก็แล้วกันครับ”

              พอพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไร รีกก็โล่งใจอย่างเห็นได้ชัด

              “ถ้าอย่างนั้นไว้พบกันคาบเรียนหน้านะ”

              แล้วเขาก็จากไปพร้อมกับผู้หญิงทั้ง 3 คน

              “ผู้ชายเนื้อหอมนี่ก็ลำบากนะเนี่ย”

              ฮิคารุพึมพำพร้อมกับมองรีกที่จากไป ก่อนจะมุ่งหน้าไปห้องวิจัยของเคธี่

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》

Status: Ongoing
อ่านนิยาย อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》ฮิคารุ เด็หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ แต่เขาได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่ในต่างโลก โดยแลกกับการแก้แค้น ——————————– อันนี้เป็นงานสานต่อ ดังนั้นพวกชื่อต่างๆ อาจจะมีแตกต่างกับช่วงแรกไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset