บทที่ 73
งานเลี้ยงวันเกิดอายุครบสิบเอ็ดปีของฟีเรนเทียเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ทั่วโถงงานเลี้ยงของลอมบาร์เดียเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย
ตอนวันเกิดอายุครบแปดปีของเธอเองก็จัดงานปาร์ตี้ที่ค่อนข้างใหญ่โต แต่ครั้งนี้ขนาดของงานมันใหญ่กว่าเมื่อตอนนั้นเป็นเท่าตัว
หากจะมีอะไรแตกต่างไปจากเดิม ก็คงจะเป็นเมื่อสมัยนั้นท่านปู่เป็นคนตั้งใจพาคนมาร่วมงานของเธอ แต่ครั้งนี้ผู้คนที่อยากมางานของเธอด้วยตัวเองมีมากขึ้น ทำให้ขนาดของงานปาร์ตี้เองก็ใหญ่ขึ้นไปด้วยตามธรรมชาติ
ถึงทุกคนจะเป็นแขกของท่านพ่อกับท่านปู่ก็เถอะ แต่เธอไม่สนใจเรื่องนั้นนักหรอก
“อ๊ะ! คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียนี่นา!”
“เดรสชุดนั้น หรือว่าจะเป็นตัวใหม่ที่กำลังจะวางขายแบบลิมิเต็ดกัน”
“สุขสันต์วันเกิดค่ะ คุณหนู! วันนี้ก็งามมากเลยนะคะ!”
ผู้คนที่รู้จักเธอเองก็เริ่มเพิ่มมากขึ้นไปด้วย
“สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่มาร่วมงานกันนะคะ!”
เธอยิ้มให้คนพวกนั้นอย่างชำนาญ ในขณะที่มองไปรอบๆ งานปาร์ตี้
น้ำจากลานน้ำพุขนาดใหญ่ในสวนที่อยู่ติดกับงานเลี้ยงกำลังไหลวนและข้างๆ ลานน้ำพุนั่น มองออกไปเห็นท่านพ่อกำลังสนทนากับคนอื่นๆ อย่างมีชีวิตชีวา
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ครับ!”
ท่าทางดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าสมัยก่อนหน้าที่จะป่วยเป็นโรคเสียอีก
นัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นส่องประกายวาววับทุกการเคลื่อนไหว ราวกับลอบสำรวจอีกฝ่ายที่ตนกำลังสนทนาอยู่
การสนทนากับคนอื่นๆ ในขณะที่ยิ้มอย่างผ่อนคลายนั่น ดูแล้วเชี่ยวชาญมากขึ้นอยู่เหมือนกัน
เพราะอย่างนั้นผู้คนมากมายถึงได้มายืนรายล้อมอยู่ข้างกายท่านพ่อ ทุกคนต่างก็กำลังตั้งใจฟังคำหยอกล้อทุกคำของท่านพ่อกันอยู่
“สุขสันต์วันเกิด!”
“แม่จ๋า!”
อยู่ๆ ก็มีอะไรขนฟูๆ สีขาวโผล่พรวดเข้ามาอยู่ข้างใบหน้า
“คิลลีวู! เมโลน! ตกใจหมด!”
สองแฝดยิ้มล้อเลียน ถือตุ๊กตาหมีสีขาวตัวใหญ่เดินเข้ามา
“ฮี่ๆ”
“ตกใจอะไรกับของแค่นี้เนี่ย เทีย”
สองคนนี่เริ่มโตขึ้นทุกวี่ทุกวัน คงเป็นเพราะตอนนี้เข้าสู่ช่วงวัยแตกเนื้อหนุ่มกันอย่างเต็มตัวแล้ว
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ กลับมาในรอบหนึ่งเดือนหรือเปล่าเนี่ย”
“อื้อ ประมาณนั้นได้มั้ง”
“เบื่อจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
ประมาณหนึ่งเดือนก่อน ทั้งสองคนไปอยู่ที่เขตแดนของตระกูลชูลส์เพื่อตามเวสตินผู้เป็นพ่อกลับไปใช้เวลาที่บ้านฝ่ายบิดาตลอดช่วงวันหยุดระยะยาว
“รอบๆ ไม่มีอะไรเลย”
“บรรยากาศก็เลือดเย็นสุดๆ”
“บรรยากาศเลือดเย็น?”
สองแฝดทำท่าประหลาดตอบคำถามของเธอพร้อมกัน
“ก็คิดอยู่หรอกว่าท่านพ่อเป็นคนมีนิสัยเข้มงวดมาก แต่ไม่ใช่เลย”
“ท่านพ่อน่ะ เทียบกับญาติพี่น้องทางนั้นแล้ว ถือว่าเป็นคนอ่อนโยนไปเลยละ”
“เป็นไปไม่ได้สุดๆ”
“โดยเฉพาะเวลากินข้าวนะ มีแต่เสียงช้อนส้อมกระทบกันดังเคร้งคร้างเท่านั้นแหละ ทั้งๆ ที่มีคนตั้งหลายสิบคนกินข้าวพร้อมกันแท้ๆ!”
“นึกว่าจะขาดอากาศหายใจตายแล้วเนี่ย”
คงจะเก็บกดน่าดู ทั้งคู่ปลดปล่อยความอัดอั้นตันใจทั้งหลายออกมาหมดอย่างไม่หยุดหย่อน
“ถ้าลำบากขนาดนั้น ก็น่าจะกลับมากลางคันสิ ไม่เห็นจำเป็นต้องอยู่ตลอดทั้งเดือนเลย”
ถึงยังไงตระกูลชูลส์ก็ไม่ได้อยู่ไกลอะไรขนาดนั้น
เมื่อไม่นานมานี้สองแฝดเองก็อายุครบสิบห้าปีแล้ว มันจึงไม่ใช่ระยะทางที่ยากลำบากอะไร หากพวกเขาจะออกเดินทางกันด้วยรถม้า
แต่ปฏิกิริยาของคิลลีวูกับเมโลนกลับดูแปลกประหลาดไปเล็กน้อยสองคนนั่นเอาแต่เหลือบมองกันและกันก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องพูด
“เอาละ รีบๆ รับของขวัญวันเกิดไปเลย!”
“นี่หมีที่พวกเราซื้อมาจากช่างฝีมือของเขตแดนชูลส์เลยนะ!”
“อืม”
ถึงแม้จะน่าสงสัยสุดๆ แต่เธอก็ตัดสินใจว่าจะยอมปล่อยผ่านไปก่อนก็แล้วกัน
เธอรับตุ๊กตาหมีมาถือไว้
ขนมันฟูนุ่มนิ่มเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกชอบใจอะไรมากขนาดนั้น
สองแฝดนี่ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้สักหน่อยว่า แต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรในตุ๊กตานัก แล้วทำไมถึงได้ให้ของขวัญแบบนี้กันล่ะเนี่ย
พอเห็นว่าเธอเหม่อมองตุ๊กตาหมีในมือนิ่ง เมโลนก็เอ่ยถามเสียงเจ้าเล่ห์
“เป็นไง ถูกใจตุ๊กตาหมีมั้ย”
“อื้อ ก็นะ…ขอบใจก็แล้วกัน”
แต่เธอก็ไม่ใช่คนไร้มารยาทขนาดบ่นเรื่องของขวัญที่ได้รับหรอก
แต่คิลลีวูกลับชกไหล่เมโลนในขณะที่เอ่ยพูดกับเขา
“ดูสิ! บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าเทียไม่บ่นอะไรหรอก! ใจดีเกินกว่าจะพูดแบบนั้นไง?”
“อ่า นึกว่ายังไงก็จะต้องโยนตุ๊กตาหมีทิ้งแน่ๆ เสียอีก! เจ้าใจดีเกินไปแล้วนะ เทีย!”
คิลลีวูยังคงหัวเราะไม่หยุด ส่วนเมโลนกุมหัวด้วยความเสียดาย
ดูเหมือนสองคนนี่จะพนันเรื่องปฏิกิริยาของเธอว่าได้รับตุ๊กตาหมีแล้วจะเป็นยังไงสินะ
เมโลนถอนหายใจ ก่อนจะพูด
“เทีย ถ้าไม่อยากไปไหนก็ต้องปฏิเสธออกมาชัดๆ ว่าไม่อยากไปนะ เจ้าน่ะมีปัญหาเรื่องคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นมากเกินไปนี่แหละ”
เธอเนี่ยนะ?
ตรงไหนกัน
“เจ้าใจดีเกินไป”
ตอนนี้แม้แต่คิลลีวูเองก็เออออกับเขาด้วย
“ไม่มีทางที่ของขวัญของพวกเราจะเป็นไอ้นี่หรอก!”
“ต้องคาดหวังในของที่ใหญ่กว่านี้สิ!”
“ของที่ใหญ่กว่ามันอะไรกันล่ะ”
พวกนั้นเอาแต่แสยะยิ้มไม่ยอมตอบคำถามของเธอ