Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 8.1 ความลึกลับของวิชาเทพอมตะ (1)

เมื่อได้ฟังน้ำเสียงหนักแน่นของโจวเหว่ยชิง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็เกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นมา
เจ้านี่ก็ยังมีข้อดีนี่นา อย่างน้อยก็ยังขยันและมีวิธีผลักดันตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีไพฑูรย์ตาแมวสองสีในตำนานด้วย!…อีกอย่าง…เขาก็เอาเปรียบข้าไปแล้ว…และยังกลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ไปแล้วด้วย…ดังนั้นก็น่าจะคู่ควรกับข้าแล้วล่ะมั้ง…
จากนั้นเธอก็ส่ายหัวอย่างรุนแรง ก่อนจะประณามตนเองในใจ
นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่!! เอาเถอะ ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องจับตาเจ้าอ้วนน้อยโจวไว้ให้ดีก่อน ศีลธรรมของเขานั้นเป็นปัญหาใหญ่ ข้าไม่ควรจะดูแค่วันสองวันก่อนจะตัดสินใจ…
“อ้วนน้อยโจว จำไว้ว่าเมื่อเจ้าฝึกปราณสวรรค์ เจ้าสามารถฝึกฝนได้ตามคัมภีร์เทพอมตะของเจ้า แต่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เจ้าพยายามจะทะลวงจุดตายของเจ้า จำไว้ว่าข้าจะต้องอยู่ด้วยเพื่อคอยป้องกันให้กับเจ้า เพราะเจ้าไม่ควรจะฝึกวิชาส่วนนี้ด้วยตัวเอง”
โจวเหว่ยชิงเผยสีหน้ามีความสุขมากกว่าเดิม เขาตอบกลับทันที “เห…เอาล่ะ…ข้าเข้าใจแล้วๆ…ขอบคุณท่านผู้บัญชาการกองพันสำหรับความห่วงใยและความกังวลที่ท่านมีต่อข้านะขอรับ ฮิฮิ” ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น เขาก็โน้มตัวไปหาซ่างกวนปิงเอ๋อร์ด้วยสีหน้าทะเล้น
เมื่อเห็นว่าเขากลับมากวนประสาทอีกครั้งหลังจากเริ่มจริงจังได้สองนาที ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็เริ่มรู้สึกหมดหวังอย่างช่วยไม่ได้ “อ้วนน้อยโจว! นั่งให้ดีๆ ข้าจะกลับแล้ว!”
โจวเหว่ยชิงรีบนั่งตัวตรงอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนท่าทางกลับมาเป็นจริงจังอีกครั้ง ซึ่งถ้าหากว่าเป็นคนอื่น พวกเขาก็อาจจะถูกท่าทางแบบนั้นของเขาหลอกเอาได้ น่าเสียดาย ไม่ใช่กับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่รู้จักจอมเจ้าเล่ห์คนนี้ดี เธอรู้ดีว่าไม่ว่าเขาจะแสดงสีหน้าท่าทางอย่างไรออกมา ในหัวของเขาจะต้องกำลังคิดเรื่องพิเรนทร์ๆ อยู่เป็นแน่!
“ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกเรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับจ้าวมณีสวรรค์ และจ้าวมณีทั่วไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้ข้าจะสอนเกี่ยวกับการใช้งานมณียุทธและมณีธาตุ แต่ว่าตอนนี้ก็ดึกแล้ว ดังนั้นข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นวิธีการเก็บ และปล่อยมณีออกมาแบบคร่าวๆ ก่อน วิธีการนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือการนำมณีออกมาจากร่าง เรียกว่า “การปลดปล่อย” ส่วนที่สองคือการทำให้มณีสวรรค์กลับเข้าสู่ร่าง เรียกว่า “การเรียกคืน”
ทั้ง “การปลดปล่อย” และ “การเรียกคืน” นั้นย่อมต้องอาศัยพลังปราณสวรรค์ ปกติเมื่อมีพลังปราณสวรรค์ตั้งระดับที่ 1 ขึ้นไป ปราณเหล่านั้นจะไปรวมตัวกันอยู่ ณ จุดตันเถียนบริเวณท้องน้อยของเจ้า เจ้าจะต้องตั้งสมาธิเพ่งจิตไปที่ปราณสวรรค์ที่อยู่บริเวณนั้น จากนั้นก็พยายามนำมันมาหลอมรวมเข้ากับมณีสวรรค์ของเจ้า แล้วจึงชักนำมันให้ “ปลดปล่อย” หรือ “เรียกคืน” เจ้าสามารถเริ่มฝึกในคืนนี้ได้เลย ส่วนวันพรุ่งนี้ข้าจะสอนเรื่องอื่นๆ เพิ่ม”
หลังจากพูดจบซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ยืนขึ้น ข้างนอกมืดมากแล้ว และเธอก็ไม่เต็มใจที่จะอยู่ในสถานที่ที่มีความทรงจำเลวร้ายเช่นนี้นานๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็เตรียมตัวจะจากไป โจวเหว่ยชิงรีบลุกขึ้นยืนส่ง แต่เมื่อเขาทำท่าทางเช่นนั้นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ก้าวถอยหลังทันทีเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย
หลังจากตวัดสายตาไปมองเขาคราหนึ่ง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็รีบผละออกไป
โจวเหว่ยชิงจ้องมองเธอจากไปตาไม่กะพริบผ่านช่องว่างเล็กๆ ในกระโจม เขาพลันคิดกับตัวเอง ช่างเป็นเป็นบั้นท้ายที่สมบูรณ์แบบจริงๆ!
อย่างไรก็ตามเขาเรียนรู้แล้วว่าไม่ควรจะพูดสิ่งที่คิดออกไปอย่างโจ่งแจ้ง แต่ควรจะเพลิดเพลินไปกับความคิดนั่นเงียบๆภายในใจจะดีกว่า เพราะอย่างน้อยเธอก็ไม่มีวันรู้ยังไงล่ะ!
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่ได้นำตะเกียงน้ำมันของเธอจากไปด้วย โจวเหว่ยชิงจึงอาศัยแสงไฟนั้นนั่งลงบนเตียงแล้วเปิดคัมภีร์วิชาเทพอมตะไปที่หน้า 5
เขาได้ทะลวงจุดตาย 4 จุดแรกแล้ว และหากเขาต้องการฝึกฝนต่อไป เขาต้องเริ่มต่อในหน้าที่ 5 ซึ่งนั่นกล่าวถึงจุดตายที่ 5
จุดตายสุดท้ายของวิชาส่วนแรก
จุดตายที่ 5 นั้นคือจุดหยงฉวนซึ่งอยู่ที่ฝ่าเท้า และหากมันถูกทะลวง นั่นจะสร้างความเสียหายให้กับจุดตันเถียนและยังไปทำลายระบบสำคัญๆ ในร่างกายอีกด้วย
เมื่อตั้งสมาธิ โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกได้ถึงหลุมดำ ณ ตำแหน่ง 4 จุดตายที่ถูกเขาทะลวงก่อนหน้านี้ จากสิ่งที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์บอกเขามาก่อนหน้า เขาก็พอจะเข้าใจว่าพลังที่พวกเขาดูดซับเข้ามาในร่างก็คือปราณสวรรค์ที่รวมตัวกันอยู่ในบรรยากาศรอบๆ ตัว
วิธีการฝึกปราณสวรรค์ในวิชาเทพอมตะนั้นค่อนข้างง่าย มันเขียนไว้เพียงย่อหน้าสั้นๆ ว่า เมื่อพลังปราณสวรรค์ในจุดตันเถียนเต็มแล้ว นั่นหมายถึงเจ้าพร้อมที่จะทะลวงจุดตายถัดไปแล้ว และเมื่อทะลวงจุดตายถัดไปได้สำเร็จ นั่นหมายถึงระดับพลังปราณสวรรค์ในร่างก็จะเพิ่ม 1 ระดับเช่นกัน แต่กระนั้น หากล้มเหลว ย่อมหมายถึงความตาย
จากประโยคนั้น สามารถอธิบายได้ง่ายๆ ก็คือ หลังจากทะลวงจุดตายจุดแรกได้สำเร็จ สิ่งต่อไปก็คือการฝึกฝนและเก็บสะสมพลังปราณสวรรค์เพื่อทะลวงขั้นต่อไป และเมื่อจุดตันเถียนมีพลังปราณสวรรค์สะสมอยู่จนเต็มแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะทะลวงจุดตายจุดต่อไป ซึ่งในขั้นนี้หากทำสำเร็จย่อมหมายความว่าระดับพลังปราณสวรรค์จะเพิ่มขึ้นอีก 1 ขั้น แต่ถ้าหากผิดพลาดขึ้นมา นั่นย่อมหมายถึงความตายสถานเดียว อันที่จริงแล้วอาจกล่าวได้ว่า ในวิชาเทพอมตะนี้ วิธีการฝึกปราณสวรรค์จริงๆ นั้นไม่มี ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีเคล็ดอื่นๆ อะไรเลยด้วย!
อย่างไรก็ตาม เมื่อลองทดสอบบางอย่างดูเมื่อเช้านี้ โจวเหว่ยชิงเริ่มเข้าใจความลึกลับของวิชาเทพอมตะนี้เข้าให้แล้ว…
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการฝึกวิชานี้เท่ากับการฆ่าตัวตายชัดๆ แต่เมื่อฝึกสำเร็จ กระบวนการฝึกจะง่ายกว่าการฝึกวิทยายุทธ์แบบอื่นๆ มาก!
โจวเหว่ยชิงได้ลองฝึกวิทยายุทธ์หลากหลายแบบตั้งแต่เขายังเด็กๆ เขาต้องหมุนเวียนพลังปราณสวรรค์รอบๆ เส้นชีพจรเป็นวงกลม และวิชาพวกนี้ก็มักจะซับซ้อนมาก เมื่อโคจรพลังเสร็จหนึ่งรอบ เขาก็เหงื่อแตกพลั่กแล้ว  ดังนั้นกระบวนการฝึกต่างๆ ในวิชาพวกนี้ แค่มองเฉยๆ ก็ยังทำให้เขาปวดหัวจนแทบระเบิดได้
หากเปรียบเทียบกันในตอนนี้ การฝึกวิชาเทพอมตะจึงดูง่ายกว่ามาก แค่จุดหลุมดำที่เกิดขึ้นหลังจากทะลวงจุดตายสำเร็จก็ประเมินคุณค่าไม่ได้แล้ว เนื่องจากมันสามารถดูดกลืนพลังปราณสวรรค์จากบรรยากาศรอบตัวได้ตลอดเวลา ซึ่งนั่นทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วย
ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจฝึกฝน แต่พลังปราณสวรรค์ของเขาก็จะยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเจ้าหลุมดำนี่ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเขาทำการเพ่งสมาธิไปยังจุดหลุมดำที่ว่า ความเร็วในการดูดกลืนปราณสวรรค์ก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย นั่นเป็นวิธีฝึกปราณที่ง่ายที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมาแล้ว!
 …..
แต่ในความเป็นจริงเหรียญก็มักจะมีสองด้าน วิชาเทพอมตะที่โจวเหว่ยชิงได้รับมานั้นเป็นวิชาที่น่าอัศจรรย์ และถูกสร้างขึ้นมาโดยยอดอัจฉริยะผู้หนึ่ง อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นถึงยอดอัจฉริยะผู้คิดค้นวิชานี้ขึ้นมา เขาก็สามารถทะลวงจุดตายได้แค่ 10 กว่าจุดเท่านั้น สุดท้ายเขาก็เสียชีวิตลง เพราะทะลวงจุดตายจุดถัดไปไม่สำเร็จ หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครสามารถทะลวงจุดตายแรกได้สำเร็จอีกเลย
สิ่งที่พิเศษเกี่ยวกับวิชานี้คือ การทะลวงผ่านจุดแรกนั้นยากมาก แต่ทว่าวิธีการฝึกปราณสวรรค์ของมันนั้นกลับง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง และสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากทะลวงจุดตายได้ครบ 36 จุดนั้น แม้แต่ผู้คิดค้นเองก็ยังทำได้แค่คาดเดา
เมื่อรู้ดังนั้น โจวเหว่ยชิงก็ตั้งสมาธิเพ่งไปหลุมดำนั่นและเร่งการดูดซับพลังปราณสวรรค์  ในเวลาเดียวกันเขาก็ตรวจสอบจุดตันเถียนของเขาไปด้วย
จากนั้นโจวเหว่ยชิงจึงตระหนักได้ว่า ตอนนี้จุดตันเถียนของตนแทบไม่มีปราณสวรรค์อยู่เลย ปราณสวรรค์ที่ถูกดูดซับมาจากบรรยากาศรอบตัวนั้นเข้าไปเติมเต็มจุดตันเถียนของเขาไม่ถึง 1 ใน 10 ส่วนด้วยซ้ำ แต่การมีสมาธิจดจ่อก็สามารถทำให้พลังปราณพวกนั้นขยับได้ เห็นดังนั้น โจวเหว่ยชิงจึงอยากจะทดสอบ “ปลดปล่อย” และ “เรียกคืน” มณีของตนดู
ด้วยประสบการณ์จากทะลวงจุดตายบนกระดูกไหปลาร้า เด็กหนุ่มตั้งสติ แยกปราณสวรรค์ในจุดตันเถียนออกเป็นสองส่วน มุ่งหน้าไปยังแขนทั้งสองข้างของเขาอย่างช้าๆ
กระบวนการนี้ค่อนข้างช้า เนื่องจากโจวเหว่ยชิงเพิ่งจะเคยลองชักนำพลังปราณสวรรค์ในรูปแบบนี้เป็นครั้งแรก แม้ว่าจำนวนปราณสวรรค์ที่เขาชักนำมานี้จะมีจำนวนเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความจุในตันเถียนของตนเอง แต่เมื่อเทียบกับจำนวนที่เคยใช้ทะลวงจุดตายบนกระดูกไหปลาร้า ขนาดจำนวนเล็กน้อยพวกนี้ก็แทบจะเป็นร้อยเท่าของปราณสวรรค์ในตอนนั้นเลยทีเดียว และเมื่อปราณสวรรค์ของเขากำลังไหลผ่านเส้นชีพจร โจวเหว่ยชิงก็รับรู้ถึงความเย็นสบายบริเวณนั้นด้วย
……………………………………………………….

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset