ในตอนแรกเริ่มที่โจวเว่ยชิงได้รับเคล็ดวิชาเทพอมตะนี้ ไอ้เจ้าหลักการทั่วไปที่เขียนเตือนไว้หน้าแรกก็ทำให้เขาหวาดกลัวซะจนไม่กล้าที่จะเริ่มฝึก ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงทำได้เพียงแค่อ่านเนื้อหาคร่าวๆ เท่านั้น
ในการบ่มเพาะปราณสวรรค์ คนผู้หนึ่งจะต้องใช้การฝึกวิทยายุทธ์ ดูดซับปราณสวรรค์จากธรรมชาติรอบๆ ตัวเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย และเพิ่มพลังปราณสวรรค์ภายในร่าง พลังปราณสวรรค์นั้นถูกแบ่งออกเป็น 4 ขั้นใหญ่ๆ คือ ปราณสวรรค์ขั้นพื้นฐาน ขั้นทะลวงพิภพ ขั้นทะลุสวรรค์ และขั้นบรรลุวิถี ซึ่งแต่ละขั้นก็จะแบ่งออกเป็นอีก 12 ระดับย่อยๆ วิชาเทพอมตะนี้ก็เป็นการฝึกวิทยายุทธ์เช่นเดียวกันกับการฝึกปราณสวรรค์ แต่ทว่ามันมีความพิเศษและแตกต่างอย่างมากจากการฝึกวิทยายุทธ์ทั่วๆ ไป
ซึ่งการฝึกวิทยายุทธ์ทั่วไปนั้นไม่ว่าจะฝึกในระดับใดก็ตามมักเป็นการฝึกสมาธิหรือการฝึกร่างกายในรูปแบบต่างๆเพื่อกระตุ้นแก่นชีวิตภายในให้ซึมซับพลังงานรอบๆ ตัวมาเป็นพลังปราณให้กับตนเอง อย่างไรก็ตาม วิชาเทพอมตะได้เปลี่ยนแปลงเส้นทางการฝึกตนเดิมให้เป็นวิถีใหม่อย่างสิ้นเชิง อาจกล่าวได้ว่าหลักสำคัญของวิชานี้นั้นง่ายดายมาก มันคือการทะลวงจุดตายทั้งหมดของร่างกายนั่นเอง
การฝึกวิชานี้ไม่จำเป็นต้องดูดซับปราณสวรรค์จากธรรมชาติรอบตัวผ่านการทำสมาธิหรือการฝึกร่างกายใดๆ ทุกครั้งที่ทะลวงจุดตายได้หนึ่งจุด พลังปราณสวรรค์ภายในร่างกายก็จะเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับทันที ดังนั้นสำหรับผู้ฝึกวิชานี้ การดูดซับพลังปราณสวรรค์นั้นมีจุดประสงค์เพียงเพื่อช่วยทะลวงจุดตายภายในร่างกายนั่นเอง ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า แม้การฝึกวิทยายุทธ์นี้อาจจะดูไม่ซับซ้อน ทว่าการทะลวงจุดตายนั้นก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้สำเร็จได้จริงๆ หากสามารถทะลวงจุดตายของร่างกายได้ครบทั้งหมด 36 จุด ปราณสวรรค์ของเขาก็จะพัฒนาไปสู่ระดับ 36 ซึ่งก็คือระดับสุดท้ายของขั้นทะลุสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้นคืออีกก้าวเดียวชายหนุ่มก็จะเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของการฝึกปราณสวรรค์ นั่นก็คือขั้นบรรลุวิถี
แม้แต่แม่ทัพใหญ่โจว บิดาของโจวเหว่ยชิง ในฐานะที่เป็นนักรบอันดับต้นๆ ของอาณาจักรผู้มีปราณสวรรค์อยู่ในระดับ 32 หรือก็คือขั้นทะลุสวรรค์ระดับ 8 แม้จะผ่านมา 5 ปีแล้วแต่เขาก็ยังไม่สามารถเลื่อนระดับขึ้นมาได้อีก
เมื่อโจวเหว่ยชิงยังเด็ก แม่ทัพโจวเคยตามหาคัมภีร์การฝึกวิทยายุทธ์หลากหลายวิชาเพื่อให้เขาได้ลองฝึก และอย่างน้อยวิชาทั้งหมดที่เคยลองก็ไม่มีวิชาไหนเลยที่ต้องทะลวงจุดตายของร่างกายทั้งหมด
นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมโจวเหว่ยชิงจึงไม่กล้าที่จะลองฝึกวิชานี้ อย่างไรก็ตามหลังจากหลายปีผ่านไป แม่ทัพโจวก็ยังคอยตรวจสอบร่างกายของเขาเป็นประจำแทบทุกปี ทว่าแม้เด็กหนุ่มโตขึ้นก็ยังไม่มีสัญญาณของพลังปราณสวรรค์เลย ดังนั้นเขาจึงต้องรับบทเป็นเศษสวะต่อไป โจวเหว่ยชิงได้ต่อสู้กับตนเองในใจมานานว่าจะเริ่มฝึกวิชาเทพอมตะนี้ดีหรือไม่ แต่ในวันนี้ ท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่
แม่ทัพโจวเป็นจ้าวมณีสวรรค์ และโดยปกติแล้วตราบใดที่ลูกหลานของเขาสามารถสามารถปลุกพลังมณีได้ พวกเขาก็มักจะสืบทอดพลังมณีสวรรค์นั้นจากผู้มีสายเลือดใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบร่างกายของโจวเหว่ยชิง แม่ทัพใหญ่กลับพบว่าเส้นชีพจรที่อุดตันของลูกชายหลายเส้นนั้นลากผ่านจุดตายด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงไม่กล้าใช้ปราณสวรรค์ของตนเองทะลวงเส้นลมปราณที่อุดตันของโจวเหว่ยชิง แม้เขาจะหวังให้ลูกชายของตนเป็นจ้าวมณีก็ตาม
ในเวลานั้นโจวเหว่ยชิงได้แต่คิดว่าหากเขาสามารถฝึกวิชาเทพอมตะ และทะลวงจุดตายเหล่านั้นได้ ตนก็จะแก้ปัญหาเส้นลมปราณอุดตัน และสามารถเริ่มต้นฝึกปราณสวรรค์ได้เสียที
และในวันนี้ หลังจากได้ฟังความลับของจ้าวมณีสวรรค์จากซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ความปรารถนาที่อยากจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์นั้นก็เพิ่มมากขึ้นจนเกินความเจ็บปวดที่เขารู้สึกอยู่ตอนนี้เสียแล้ว โจวเหว่ยชิงตัดสินใจแล้ว อย่างน้อยตนก็ควรจะลองวิชาเทพอมตะนี้ดู หากไม่กล้าในตอนนี้ เขาจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเองได้อย่างไร?
ตอนนี้โจวเหว่ยชิงรู้ชัดแจ้งว่ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้าหากไม่ปลุกพลังมณีก่อนอายุ 16 เขาก็จะสูญเสียโอกาสในการทำเช่นนั้นตลอดไป และหากถึงเวลานั้น ตนก็จะกลายเป็นเศษสวะไร้ค่าตลอดกาล ใครบ้างจะพึงพอใจหากถูกเรียกขานเช่นนั้นไปตลอดชั่วชีวิต? ดังนั้น แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะกลัวความตาย แต่เขาก็กลัวที่จะเป็นคนไร้ค่าไปตลอดชั่วชีวิตด้วย
เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ใบหน้าใสซื่อของโจวเหว่ยชิงถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นจริงจัง ใช้ประโยชน์จากแสงสลัวของโคมไฟชั่วคราวของเขา โจวเหว่ยชิงพลิกหนังสือเก่าๆ เล่มนั้นไปยังหน้าถัดไป ในหน้าที่ 2 นี้แสดงถึงจุดตายจุดแรกที่จะต้องทะลวงเพื่อเริ่มฝึกวิชาเทพอมตะ
บนหนังแกะเก่าๆ นั้นเขียนไว้ว่า ร่างกายมนุษย์มีชีพจรเดี่ยวทั้งหมด 52 จุด ชีพจรคู่ 300 จุดและชีพจรพิเศษนอกเส้นพลังปราณอีก 50 จุด รวมทั้งสิ้น 702 จุด โดยชีพจรทั้งหมดนั้น มีจุดสำคัญ 108 จุด จุดไม่อันตราย 72 จุด และจุดตาย 36 จุด ซึ่งนั่นก็คือจุดตายที่ได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้
วิชาเทพอมตะส่วนแรก การฝึกวิทยายุทธ์บริเวณส่วนแขนและขา
จุดตายแรก กระดูกไหปลาร้า
จุดตาย ณ กระดูกไหปลาร้าตั้งอยู่ที่ส่วนบนของไหล่ หนังแกะหน้าดังกล่าวแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจะทะลวงจุดตายตรงกระดูกไหปลาร้าได้อย่างไร รวมถึงมีรูปภาพและข้อความกำกับเพื่อแสดงจุดต่างๆ อีกด้วย
จุดตายตรงกระดูกไหปลาร้านั้นเป็นชีพจรคู่ จุดหนึ่งอยู่ฝั่งซ้าย อีกจุดอยู่ฝั่งขวา โจวเหว่ยชิงพยายามกดลง ณ จุดตายบนกระดูกไหปลาร้าฝั่งซ้าย ฉับพลันนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายซีกซ้ายรู้สึกชาอยู่ครู่หนึ่ง นั่นทำให้เด็กหนุ่มหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เป็นที่ทราบกันดีว่าสำหรับจุดตายทั้ง 36 จุดนั้นมีทั้งจุดที่อันตรายน้อยและอันตรายมาก หลังจากพลิกคัมภีร์ไปหน้าหลังๆ แล้วเขาก็พบว่าจุดตายในขั้นหลังๆ ที่ต้องทะลวงนั้นเป็นจุดตายที่อันตรายกว่ามาก
การฝึกวิชานี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกคือบริเวณแขนขา ประกอบไปด้วยจุดตายทั้งหมด 5 จุด ส่วนที่สองคือแผ่นหลัง ประกอบไปด้วยจุดตาย 8 จุด ส่วนที่สามคือแผ่นอก ประกอบด้วยจุดตาย 14 จุด และส่วนสุดท้ายคือบริเวณศีรษะซึ่งประกอบด้วยจุดตาย 9 จุด ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่า วิชานี้เริ่มฝึกจากส่วนที่ (อาจจะ) ง่ายที่สุดไปจนถึงยากที่สุด แต่ถึงกระนั้น แม้แต่จุดตายที่กระดูกไหปลาร้าซึ่งเป็นจุดที่ง่ายที่สุดก็นำมาซึ่งความรู้สึกน่าขนลุกเช่นนี้ โจวเว่ยชิงจึงสั่นด้วยความหวาดกลัว จุดตายพวกนี้จะถูกทะลวงได้จริงหรอเนี่ย!!!?
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเด็กหนุ่มก็คิดตกอีกครั้ง ก็เหมือนที่ผู้คนกล่าวกันไว้ว่า ‘อะไรที่เป็นของเจ้าก็ย่อมเป็นของเจ้า’ ถ้าหากเขาสามารถทะลวงจุดตายนี้ได้ เขาก็มีโอกาสได้เป็นจ้าวมณีสวรรค์ แต่ถ้าหากไม่ลองเลย เขาจะกลายเป็นคนไร้ค่าตลอดไป
เพื่อที่จะไม่ต้องเป็นเศษสวะอีกต่อไป!!! นี่คือความศรัทธาในหัวใจของโจวเหว่ยชิงที่ทำให้เขาสามารถก้าวเข้าสู่วิถีการฝึกปราณสวรรค์ได้ในที่สุด เขาตั้งสมาธิอย่างเงียบๆ และเริ่มฝึกฝนตามที่คัมภีร์วิชาเทพอมตะนี้เขียนไว้
ตั้งสมาธิจดจ่อ ณ จุดตายบนกระดูกไหปลาร้า เขาเริ่มรู้สึกถึงระบบต่างๆ ภายในร่างกายอย่างช้าๆ ส่วนที่ยากที่สุดของการฝึกฝนคือขั้นตอนการเริ่มต้นเสมอ ในกรณีของโจวเหว่ยชิงก็เช่นกัน การเริ่มต้นที่ยากที่สุดก็คือการสัมผัสถึงพลังปราณสวรรค์ภายในร่างกายของตนซึ่งมีเบาบางมากจนแทบไม่รู้สึก จากนั้นก็เหนี่ยวนำพลังปราณนั้นมาใช้เพื่อทำลายจุดตาย ตามคัมภีร์นั้น จุดตายบนกระดูกไหปลาร้าเป็นจุดที่ง่ายที่สุดในการทะลวงจากทั้ง 36 จุด และสิ่งที่สำคัญที่สุดย่อมเป็นการที่เขาจะมีชีวิตรอดจากการทะลวงจุดตายครั้งนี้ได้หรือไม่? หากรอดพ้นจากการทะลวงจุดตายนี้ไปได้ ก็ถือว่าเขาผ่านขั้นตอนแรกที่สำคัญไปได้แล้ว
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ความเหนื่อยล้าและเจ็บปวดทำให้โจวเหว่ยชิงไม่สามารถรักษาความสงบเยือกเย็นได้อีก ยิ่งไปกว่านั้น เด็กหนุ่มยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังปราณสวรรค์ภายในร่างเลยด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะกลัวตาย แต่หากได้ตัดสินใจทำบางสิ่งไปแล้ว เขาก็มีความอดทนสูงมาก
2 ชั่วโมงผ่านไป…จวบจนดึกดื่นมากเสียขนาดนี้แล้ว มีเพียงเสียงจิ้งหรีดที่ดังขึ้นเป็นครั้งคราวเท่านั้นที่จะขัดจังหวะความเงียบสงัดของค่ำคืนนี้ได้
นี่ตัวข้าถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไม่สามารถฝึกพลังปราณได้หรือ? แม้กระทั่งวิชาเทพอมตะนี้ก็ยังเป็นไปไม่ได้สำหรับข้าอีกงั้นหรือ? เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงเต็มแล้ว และโจวเหว่ยชิงก็กำลังจะยอมแพ้ หลังและเอวของเขามีอาการปวดอย่างรุนแรง ปลายเท้าเริ่มชาหนึบจากการนั่งนิ่งๆ เป็นเวลานาน แต่ทว่าเด็กหนุ่มกลับยังไม่รู้สึกถึงพลังปราณสวรรค์ภายในร่างเลยแม้แต่นิดเดียว
………………………………………………………………
Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 5.2 วิชาเทพอมตะ มณีสวรรค์ถือกำเนิด (2)
Posted by ? Views, Released on September 19, 2021
, Heavenly Jewel Change
Type: Web Novel Author: Tang Jia San Shao, 唐家三少
ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ
มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์
ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม
ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล
ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!?
ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น…
หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย!
ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา
ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา
มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด!
สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า…
แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ?
ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา
สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!
นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร
Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power.
Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels.
Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters.
Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes.
Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.
Recommended Series
Comment
Facebook Comment