เสียงแหวกอากาศดังขึ้น ลูกศรพุ่งออกไปปักแน่นที่กลางต้นไม้ เพียงแต่มันแฉลบไปซ้ายเล็กน้อยจากเป้าหมายตรงกลาง
ทักษะการยิงของโจวเหว่ยชิงนั้นถือว่าค่อนข้างแม่นยำ เนื่องในกองพันที่ 3 มีเพียงแค่หัวหน้ากองร้อยเท่านั้นที่ทำได้ดีถึงเพียงนี้ แม้ว่าพลทหารแม่นธนูจะต้องยิงเป้าขนาดเท่ากับมนุษย์จริงในระยะ 200 เมตรให้ผ่าน แต่ก็มีทหารเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่ทำได้
“ฮ่าๆ ข้ายิงเข้าเป้าล่ะ!” โจวเหว่ยชิงโบกธนูของตนให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์อย่างพึงพอใจ อันที่จริงเขาไม่ได้มั่นใจเต็มร้อยว่าจะยิงเข้าเป้า เพราะดูเหมือนว่าจากทักษะของโจวเหว่ยชิง เขาสามารถยิงได้เข้าเป้าประมาณ 7 ใน 10 ครั้ง ซึ่งนั่นก็เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เด็กหนุ่มเลือกเข้าร่วมหน่วยธนูตั้งแต่แรก
“นั่นถือว่ายิงเข้าเป้าแล้วหรือ? ข้าบอกให้เจ้ายิงเข้า “ตรงกลาง” เป้า ข้าใช้เท้ายิงก็ยังแม่นกว่าเจ้าเสียอีก!!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดอย่างเหยียดหยาม
โจวเว่ยชิงหันขวับกับคำพูดของเธอทันที “ใช้เท้าของท่านงั้นเหรอ? พิสูจน์สิ! หากท่านสามารถใช้เท้ายิงเข้าเป้ากลางต้นไม้ต้นนั้นได้ ข้าจะเชื่อฟังท่านทุกอย่างรวมถึงเข้าฝึกพิเศษด้วย!!!”
“ข้าเป็นผู้บัญชาการกองพันของเจ้า ยังไงซะเจ้าก็ควรฟังคำสั่งของข้าอยู่ดี! เอาธนูของเจ้ามานี่!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวด้วยความโกรธ
โจวเหว่ยชิงมอบคันธนูและลูกธนูให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ หญิงสาวกล่าวอย่างเย็นชา “ดูนี่ซะ!” ขณะที่เธอพูดก็สะบัดรองเท้าออก เผยให้เห็นเท้าเรียวนุ่มขาวกระจ่างใสคู่หนึ่ง ก่อนที่โจวเหว่ยชิงจะได้ทันตอบสนอง หญิงสาวก็พลันยกเท้าขึ้นจับคันธนู ขาขวาถูกยกขึ้นกวาดไปด้านหลังเพื่อยกธนูขึ้น เธอใช้มือทั้งสองข้างยันกับพื้นเพื่อพยุงตัวเองไว้ และใช้เท้าอีกข้างคีบลูกธนูออกจากแล่ง
สิ่งที่ทำให้โจวเหว่ยชิงอ้าปากค้างด้วยความตกใจก็คือร่างกายของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ (ที่อยู่ในท่ากลับหัว) นั้นถูกดัดราวกับคันธนู ขาขวาของเธออยู่ตำแหน่งด้านหน้า ส่วนขาซ้ายก็กำลังพาดลูกศรไว้ที่สายธนูและง้างออกเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว บั้นท้ายของหญิงสาวอยู่ในตำแหน่งเดียวกับศีรษะ และขาเรียวยาวก็อยู่ตรงหน้าโจวเหว่ยชิง
เธอใช้ขาขวาปล่อยลูกศรออกมา เสียงแหวกอากาศเกิดขึ้นก่อนลูกศรจะพุ่งออกไปราวสายฟ้า โจวเหว่ยชิงมองตามลูกธนูตาไม่กระพริบ ท้ายสุดเขาก็เห็นลูกศรนั้นปักกระแทกเข้าไปในลำต้นของต้นไม้นั้นตรงกลางเป้าพอดิบพอดี
เป็นไปได้ยังไง!? ทักษะการใช้ขายิงธนูของหญิงสาวนั้นช่างงดงามอย่างไม่น่าเชื่อ! โจวเหว่ยชิงชื่นชมจากหัวใจ สมควรแล้วที่เธอเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับต้นๆ ของอาณาจักร! สิ่งที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์แสดงก่อนหน้านี้คือความสามารถในการยืดหยุ่น และควบคุมร่างกาย และหญิงสาวไม่ได้ใช้ปราณสวรรค์หรือมณีสวรรค์แม้แต่น้อย เธอใช้ศักยภาพของตนเองเช่นเดียวกับโจวเหว่ยชิง ซึ่งนั่นเป็นเพียงทักษะการยิงธนูธรรมดาๆ เท่านั้น
หลังการพลิกตัวกลับมายืนดังเดิม ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็พาตัวเองมายืนอยู่หน้าโจวเว่ยชิงก่อนที่จะเหวี่ยงคันธนู และแล่งธนูคืนให้เขา หญิงสาวกล่าวอย่างสุขุม “ตอนนี้เจ้าเชื่อหรือยัง?”
โจวเหว่ยชิงมองเธออย่างใจลอยและกล่าวว่า “ท่านผู้บัญชาการกองพัน…ข้าคิดว่าครั้งต่อไปหากท่านใส่ชุดกระโปรงก็ไม่ควรใช้ทักษะเช่นนี้อีก มิฉะนั้นท่านจะเปิดเผยบางอย่างออกมาได้…แต่จริงๆ แล้วเรียวขาของท่านสวยงามมากขอรับ!!!” ทว่าเขาก็ยังมีอีกประโยคที่ได้แต่เก็บไว้พูดกับตนเอง ‘บั้นท้ายของท่านก็มีรูปร่างที่ดีเช่นกันนะขอรับ!!’
เพราะก่อนหน้านี้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เห็นโจวเหว่ยชิงมีท่าทีตกใจจึงคิดว่าท่าทางแบบนั้นหมายความว่าเขากำลังประทับใจในฝีมือของเธอ ทว่าหญิงสาวกลับคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรทำนองนี้ออกมา! นั่นจึงทำให้ดวงตาของเธอลุกโชนด้วยความโกรธอีกครั้งด้วยความอับอาย “ในหัวขี้เลื่อยของเจ้ามีอะไรบ้างหา?! มีแต่ความคิดสกปรกพวกนั้นตลอดเลยใช่หรือไม่!? เอาล่ะ อย่าชักช้า!!! แบกถุงนี่ไปและวิ่งรอบๆ ค่ายจนกว่าข้าจะบอกให้หยุด หรือจะให้ข้าเปลี่ยนเป็นการซ้อมกับข้าตัวต่อตัว?!!!”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้…” โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด เด็กหนุ่มแบกถุงขึ้นและเริ่มออกวิ่งอย่างช้าๆ น่าเสียดาย ไม่ว่าตอนนี้เขาจะดูน่าสมเพชแค่ไหนในสายตาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ใบหน้าของโจวเหว่ยชิงกลับกระตุ้นให้เธออยากจะทุบตีเขามากกว่าเดิม
“เร็วขึ้น! เร็วขึ้นอีก!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เตะเข้าที่ด้านหลังเด็กหนุ่มก่อนจะสวมรองเท้าและวิ่งตามไป เธอจะดูแลการฝึกซ้อมนี้อย่างดีเป็นการส่วนตัว และไม่ให้โอกาสเขาได้พักผ่อนแน่!
โจวเหว่ยชิงหันกลับไปมองซ่างกวนปิงเอ๋อร์และตระหนักว่าตอนนี้เธอมณีสีแดงเป็นประกายอยู่ 2 ดวงรอบข้อมือ
นั่นคือมณีสวรรค์งั้นหรือ? โจวเหว่ยชิงมองด้วยความประหลาดใจ แม้ว่าการวิ่งในขณะที่แบกถุงน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ไปด้วยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทว่าเขาก็ยังพอจะรับมือไหว สำหรับมณีสวรรค์นั้น เขามีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับมัน และปรารถนาที่จะครอบครองมันมาก ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป “ท่านผู้บัญชาการกองพัน นั่นคือมณีสวรรค์ของท่านใช่หรือไม่? ข้าได้ยินมาว่าจ้าวมณีสวรรค์นั้นครอบครองทั้งมณียุทธ์และมณีธาตุ มณีธาตุของท่านคือทับทิมสีเพลิงใช่หรือไม่?”
มณีสีแดงทั้ง 2 ดวงนั้นมีลักษณะคล้ายกันกับมณีธาตุไฟของตี้ฝูหยา ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวที่เขาเห็นคือแสงสว่างเรืองรองของมณี เมื่อเปรียบเทียบกับมณีของตี้ฝูหยา มณีที่ข้อมือซ้ายของซ่างกวนปิงเอ๋อร์นั้นสว่างกว่าเกือบสองเท่า นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบระหว่างทับทิมธรรมดาของตี้ฝูหยากับทับทิมสีเพลิงทั้งสองดวงบนข้อมือของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ มณีของซ่างกวนปิงเอ๋อร์นั้นดูนุ่มนวล และมีชีวิตชีวากว่า ทำให้เกิดความรู้สึกสงบ และเบาสบายเมื่อมองดู
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวว่า “ถ้าเจ้าวิ่งได้เร็วกว่าข้า ข้าจะบอกเจ้า” แม้ว่าเธอจะโกรธเจ้าอ้วนน้อยโจว แต่หญิงสาวก็ไม่ได้รู้สึกระแวดระวังเขาอย่างใด ในฐานะจ้าวมณีสวรรค์ เธอสามารถตรวจสอบได้ว่าโจวเหว่ยชิงนั้นไม่มีปราณสวรรค์ใดๆเลย
เมื่อได้ยินดังนั้นโจวเหว่ยชิงก็เลิกพยายามหาทางแอบอู้ เขาเร่งฝีเท้าขึ้น แม้ว่านั่นจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับตน แต่ความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับมณีสวรรค์นั้นอยู่เหนือทุกสิ่ง
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวต่อ “จ้าวมณีสวรรค์นั้นแตกต่างจากทั้งจ้าวมณียุทธ และจ้าวมณีธาตุ มันไม่ง่ายเหมือนการครอบครองพลังมณีทั้งสองประเภท เจ้าดูเหมือนจะรู้ข้อมูลพื้นฐานของจ้าวมณียุทธ์และจ้าวมณีธาตุ เช่นนั้นเจ้าบอกได้ไหมว่าพลังของข้าแตกต่างกับทั้งจ้าวมณียุทธ์และจ้าวมณีธาตุอย่างไร?” ขณะที่กล่าว ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็แสดงมณีที่มือขวาของเธอให้ดู
รอบๆ ข้อมือขวาของเธอคือหยกสองดวง ทั้งคู่มีสีเขียวอ่อนเปล่งประกายราวกับมรกตโปร่งแสง
“หยกหินมังกร…บริสุทธิ์?” โจวเหว่ยชิงถามด้วยความแปลกใจ หยกหินมังกรนั้นถือว่าเป็นมณีชั้นสูงสำหรับจ้าวมณีธาตุเพราะว่าพวกมันช่วยเสริมความเร็วให้แก่เจ้าของ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้โจวเหว่ยชิงประหลาดใจที่สุด สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือความบริสุทธิ์ของมณีต่างหาก เห็นได้ชัดว่ามณียุทธ์ของซ่างกวนปิงเอ๋อร์นั้นไม่มีหยกชนิดอื่นๆ ผสมอยู่ด้วยเลย และหยกชนิดเดียวที่เธอมีนั้นคือหยกประเภทเสริมความเร็วอย่างหินมังกรบริสุทธิ์
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าว “มณียุทธ์ของจ้าวมณีสวรรค์นั้นแตกต่างจากมณียุทธ์ของจ้าวมณียุทธ์ธรรมดาในแง่ของความบริสุทธิ์ กล่าวคือจ้าวมณีสวรรค์สามารถเพิ่มทักษะยุทธ์ได้เพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่นของข้าคือความเร็ว อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในการเพิ่มพลังจะมากกว่า 1.5 เท่า ของมณียุทธ์ปกติ ซึ่งความรู้ทั้งหมดนี้ปกติแล้วได้รับการสอนในโรงเรียนสำหรับจ้าวมณี
บริสุทธิ์ มันคือความบริสุทธิ์ของมณีนั่นเอง! โจวเหว่ยชิงพลันรู้แจ้งถึงความแตกต่างระหว่างจ้าวมณีสวรรค์และจ้าวมณียุทธ์ แม้ว่าจะสามารถมีทักษะยุทธ์ได้เพียง 1 อย่าง แต่พลังที่มากว่าปกติ 1.5 เท่าในทุกๆ ระดับขั้นพลังนั้นหมายความว่า ไม่ว่าทักษะยุทธ์ใดๆ ที่จ้าวมณีสวรรค์นั้นครอบครอง จ้าวมณียุทธ์ธรรมดานั้นไม่สามารถต่อกรได้เลย
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวต่อไป “สำหรับมณีธาตุของข้า มันไม่ใช่ทับทิมอย่างที่เจ้าคิด ทักษะธาตุของข้าไม่ใช่ไฟ แต่เป็นลม” ที่จริงแล้วหญิงสาวไม่จำเป็นต้องอธิบายทุกอย่างให้โจวเหว่ยชิงฟังด้วยซ้ำ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกมีความสุขเมื่อได้เห็นใบหน้าตกตะลึงของเจ้าหมอนั่น
“ลม? แต่ว่ามณีธาตุลมควรจะเป็นทุรมาลินสีเขียวไม่ใช่หรือ!” โจวเหว่ยชิงถามอีกครั้งอย่างแปลกใจ
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ในทำนองเดียวกัน มณีธาตุของจ้าวมณีสวรรค์ก็มีความแตกต่างจากจ้าวมณีธาตุทั่วไป มณีธาตุของข้าเป็นทุรมาลินก็จริง แต่มันก็เป็นทุรมาลินที่หายากที่สุดในทุรมาลินทั้งหมด นั่นก็คือ ทุรมาลินสีแดงที่รู้จักกันในนามราชันแห่งทุรมาลินนั่นเอง นี่คือความแตกต่างอีกอย่างระหว่างจ้าวมณีสวรรค์และจ้าวมณีธาตุ แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นธาตุลมเหมือนกัน แต่ทักษะธาตุลมของราชันแห่งทุรมาลินของข้าอยู่ที่ประมาณ 1.5 เท่าของทุรมาลินธรรมดา คุณสมบัติอื่นๆ ก็เหมือนกัน พูดง่ายๆ ก็คือมณีของจ้าวมณีสวรรค์มักจะเป็นมณีชั้นสูงที่สุดของมณีธาตุเสมอ”
…………………………………………………………..
Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 4.3 ความลับของจ้าวมณีสวรรค์ (3)
Posted by ? Views, Released on September 19, 2021
, Heavenly Jewel Change
Type: Web Novel Author: Tang Jia San Shao, 唐家三少
ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ
มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์
ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม
ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล
ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!?
ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น…
หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย!
ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา
ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา
มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด!
สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า…
แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ?
ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา
สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!
นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร
Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power.
Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels.
Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters.
Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes.
Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.
Recommended Series
Comment
Facebook Comment