ณ ถนนหลัก เมืองหลวงแห่งอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์
อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์เป็นอาณาจักรเล็กๆ ตั้งอยู่ฟากตะวันตกของดินแดนไร้ขอบเขต อาณาจักรนี้ไม่ได้เชื่อมต่อกับอาณาจักรใหญ่อื่นๆ หากแต่สภาพอากาศ รวมทั้งสภาพแวดล้อมล้วนเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์ที่จะอยู่อาศัย
วันนี้เป็นวันที่อากาศสดใส ท้องฟ้ากว้างใหญ่นี้มองดูราวกับผลึกแก้วสีฟ้าขนาดมหึมาไร้จุดด่างพร้อย ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือท้องฟ้าที่ไร้เมฆหมอกแบบนี้มักจะทำให้แสงแดดที่ส่องลงมาแผดจ้าจนตาเกือบบอดได้น่ะสิ!
โชคยังดีที่ถนนเส้นนี้มีต้นมะเดื่ออายุกว่าร้อยปีปลูกเรียงรายไปตามทาง แผ่กิ่งก้านใหญ่โตของพวกมันให้ความร่มเย็นแก่ผู้เดินทางสัญจรไปมา นั่นทำให้ถนนเส้นนี้เป็นถนนหลักที่ทุกคนในเมืองรู้จักกันเป็นอย่างดี เนื่องจากมันทอดยาวเกือบร้อยลี้ไกลเข้าไปยังผืนป่า
อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์มีภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เป็นสองรองใคร สาเหตุก็เพราะเมืองนี้ล้อมรอบไปด้วยป่าขนาดใหญ่มหึมา และเมืองหลวงเกาทัณฑ์สวรรค์แห่งนี้ตั้งอยู่ ณ ใจกลางราวกับเพชรที่ส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิดของพงไพร แม้ว่านครแห่งนี้อาจไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากนัก แต่เมืองหลวงของอาณาจักรนั้นมีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากว่ามันถูกรายล้อมไปด้วยป่าที่มีชื่อว่าป่าดารา สถานที่เพียงแห่งเดียวที่เหล่าต้นดาราสามารถเติบโตให้ดอกผลได้ และแกนของต้นดารานั้นยังสามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับสร้างคันธนูระดับสูงได้ ด้วยทรัพยากรอันมีค่านี้เอง ทุกคนจึงสามารถจินตนาการได้ว่าเมืองนี้จะมั่งคั่งถึงเพียงใด
ในขณะนั้นเอง เด็กหนุ่มที่ดูอายุราว 15-16 ก็ปีกำลังเดินไปตามถนนเส้นนี้พร้อมพึมพำไปมากับตัวเอง
“การเป็นหนุ่มเจ้าสำราญนั้นช่วยขัดเกลาอารมณ์ การมีเล็กมีน้อยคือการฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง การไล่เกี้ยวหญิงงามช่วยชะลอวัย ส่วนการเล่นหูเล่นตานั้นเยียวยาบำบัดโรค การตกหลุมรักบ่งบอกว่าดวงใจเจ้ายังคงเยาว์วัย และไข้ใจนั้นเป็นยารักษาโรคนอนไม่หลับ!
มีคำกล่าวที่ว่า วีรบุรุษยากจะผ่านด่านสาวงามไปได้[1] แต่ว่าวีรบุรุษคนใดจะไม่เป็นเช่นนี้ล่ะ? พวกเขาควรทิ้งสาวงามให้พวกตัวประกอบลิ่วล้อไร้ประโยชน์ทั้งหลายหรือ? แล้วพวกสาวงามล่ะ? พวกนางก็ต้องชมชอบเหล่าวีรบุรุษมากกว่าอยู่แล้วมิใช่หรือ?
หรือบางคนอาจจะกล่าวว่า กระต่ายไม่กินหญ้าใกล้รังตน[2] แต่เหตุใดพวกกระต่ายต้องทำเช่นนั้นด้วยล่ะ? พวกมันควรปล่อยให้กระต่ายตัวอื่นมากินแทนงั้นหรือ? แม้แต่หญ้าเองยังไม่คิดเช่นนั้นเลย เพราะยังไงเสียการถูกกินก็คือการถูกกินนั่นแหละ ดังนั้นใครกินหญ้าจะแตกต่างกันที่ตรงไหน? เหตุใดถึงไม่ให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกว่ากินเสียล่ะ!
ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีคนบางพวกกล่าวว่า มีเงินก็ใช้ผีโม่แป้งได้[3] อย่างไรก็ตาม ผีเองก็คิดว่ามันเป็นสัจธรรมของโลก ท้ายที่สุดแล้วการออกแรงโม่แป้งไม่ควรจะได้สิ่งใดตอบแทนอย่างคุ้มค่าหรอกหรือ? แม้แต่เงินเองก็ยังคิดต่างไปเช่นกัน หากถูกมอบให้ผีอาจจะไม่ทำร้ายผีด้วยกันด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากมันถูกมอบให้กับมนุษย์ สถานการณ์อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้! ฮ่าๆๆๆ”
เด็กหนุ่มมีร่างกายสูงสง่า ไหล่กว้าง มองดูสุขภาพดี เขามีนัยน์ตาสีนิลและผมสีดำขลับนุ่มลื่น สวมเสื้อแขนยาวที่พับขึ้นมาเหนือศอก เผยให้เห็นท่อนแขนแข็งแรง เขามีผิวแทนสีทองแดง ทุกองคาพยพประกอบกันทำให้เขาดูราวกับมีจิตวิญญาณของยอดนักรบผู้กล้าหาญ
เด็กหนุ่มอาจจะไม่ได้เป็นยอดชายที่มีใบหน้างดงาม แต่ก็นับว่าเป็นคนน่ามองผู้หนึ่ง หากมองเพียงรูปลักษณ์ภายนอก สามารถใช้คำว่าเรียบง่ายและเปิดเผยมาอธิบายได้ อย่างไรก็ตาม คำพูดที่โพล่งออกมาจากปากของเด็กหนุ่มนั้นช่างตรงกันข้ามกับคำอธิบายเหล่านั้นเหลือเกิน และแน่นอนว่าเขามักจะเปิดเผยธาตุแท้ออกมาต่อเมื่ออยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
“เฮ้อ…การฝึกปราณสวรรค์ไม่ได้ช่างน่าเศร้านัก ทุกวันนี้ รูปลักษณ์หล่อเหลานั้นไม่มีประโยชน์อันใด มีเพียงการมีปราณสวรรค์และครอบครองมณีสวรรค์เท่านั้นที่สามารถทำให้ขึ้นเป็นราชันได้ อา…สวรรค์! ทวยเทพ! ทำไมต้องเล่นตลกกับชีวิตของข้าเช่นนี้ ไฉนถึงปล่อยให้ข้า โจวเหว่ยชิง เกิดมาพร้อมกับเส้นลมปราณอุดตันแต่กลับมีใบหน้าหล่อเหลาถึงเพียงนี้? การไม่ยอมให้ข้าได้เป็นจ้าวมณีสวรรค์นั้นเป็นเรื่องที่โง่เขลาและเสียของที่สุด เฮ้อ!” แน่นอนว่าใบหน้าหล่อเหลาที่เขากล่าวถึงนั้นเป็นแค่ความเชื่อส่วนตัวของโจวเหว่ยชิง เขากล่าวพลางชูนิ้วกลางขึ้นไปบนฟ้า
แน่นอน โจวเหว่ยชิงไม่ได้เป็นคนประเภทที่โทษเพียงแต่ชะตาฟ้าลิขิต หลังจากที่ชูนิ้วกลางให้สวรรค์แล้วเขาก็กล่าวปลอบใจตนเอง “เอาเถอะ การที่ไม่มีปราณสวรรค์นั้นก็มีข้อดี แค่นี้ตาแก่นั่นก็เข้มงวดกับข้ามากพออยู่แล้ว หากพลังปราณสวรรค์ของข้าตื่นขึ้นมาได้จริงๆ บางทีชีวิตข้าอาจจะแย่กว่านี้เป็นร้อยพันเท่าก็ได้? อย่างน้อยตอนนี้ตาแก่นั่นก็ถอดใจกับข้าแล้ว และการใช้ชีวิตเสเพลแบบบุตรชายขุนนางผู้ร่ำรวยไปวันๆ เช่นนี้ก็ไม่เลวทีเดียว! เอาล่ะ ข้าไปอาบน้ำดีกว่า!” ขณะที่พูดเช่นนั้น ใบหน้าของเด็กหนุ่มก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มร่าเริง แน่นอนว่า ผู้ที่รู้จักเขาจริงๆ ย่อมทราบว่าเบื้องหลังรอยยิ้มที่ดูใสซื่อของโจวเหว่ยชิงนี้คือตัวโกงน้อยจอมก่อเรื่องชัดๆ!
แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะไม่สามารถฝึกปราณสวรรค์ได้ แต่ร่างกายของเขาก็ยังคงหนุ่มแน่นและแข็งแรง เขามีอายุได้เพียง 13 ปี แต่กลับมีรูปร่างราวกับเด็กหนุ่มวัย 15-16 ดังนั้นอย่างน้อยในส่วนนี้เขาก็ยังดำเนินรอยตามบิดาของตนอยู่บ้าง
หลังจากเดินไปบนถนนหลักมุ่งสู่ป่าดารามาไกลกว่า 5 ลี้ โจวเหว่ยชิงก็เลี้ยวลัดเลาะเข้าไปในป่า เขาเติบโตมาพร้อมกับป่าที่นี่ตั้งแต่อายุได้เพียง 8 ขวบ ซึ่งเวลานั้นเด็กหนุ่มได้เข้าทดสอบพลังปราณสวรรค์และพบว่าเส้นลมปราณของเขาอุดตันทำให้ไม่สามารถฝึกปราณสวรรค์ได้ ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากนั้นบิดาของโจวเหว่ยชิงจึงไม่ได้บังคับเขาให้ฝึกต่ออีก โจวเหว่ยชิงชอบเข้ามาวิ่งเล่นในป่าเพียงคนเดียวเนื่องจากป่าดาราแห่งนี้ไม่มีอสูรสวรรค์และมันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในทวีป
หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าสู่ป่าดารา ที่ซึ่งโจวเหว่ยชิงรู้จักทุกซอกทุกมุม จนสามารถปิดตาเดินไปไหนมาไหนได้คล่องแคล่วราวกับพลิกฝ่ามือ เมื่อเดินมาร่วม 1 ชั่วโมง ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงน้ำตก ทำให้รู้ว่าเขาใกล้จะถึงจุดหมายของตนแล้ว ครั้นเมื่อนึกภาพน้ำตกที่เย็นสดชื่นและใสสะอาด โจวเหว่ยชิงก็ค่อยๆ เร่งฝีเท้า เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่อากาศร้อนจัด เขาจึงอยากจะแช่น้ำเย็นผ่อนคลายอารมณ์ที่น้ำตกแห่งนี้เร็วๆ
ไม่ไกลจากทางเดินในป่าดารามีทะเลสาบอยู่ และน้ำพุที่ผุดขึ้นมาในทะเลสาบก็มีต้นกำเนิดมาจากน้ำเยือกแข็งใต้ดิน ทะเลสาบแห่งนี้มีความกว้างเพียง 100 เมตรและล้อมรอบด้วยเหล่าต้นไม้ใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับทะเลสาบแห่งนี้มากนัก แต่โชคดีที่ในอดีตโจวเหว่ยชิงได้ค้นพบที่นี่เข้าโดยบังเอิญ เขาชอบน้ำอยู่แล้วโดยธรรมชาติ และเพราะไม่มีเพื่อน เด็กหนุ่มจึงชอบมาเล่นน้ำและนอนแกร่วอยู่ริมทะเลสาบแห่งนี้เป็นประจำ
หลังจากแหวกผ่านเหล่าต้นไม้ใหญ่เข้ามาก็พบกับทะเลสาบที่เย็นสดชื่นอยู่เบื้องหน้า โจวเหว่ยชิงไม่ได้รีบร้อนกระโจนลงน้ำ เริ่มแรกเขาถอดเสื้อคลุมออกกองไว้ที่ริมทะเลสาบ จากนั้นก็ยื่นหน้าไปดูเงาสะท้อนเหนือผิวน้ำก่อนจะพึมพำกับตนเอง “แหม นี่ข้าหล่อเหล่าขึ้นอีกแล้วงั้นรึ!”
ขณะที่เขากำลังพิจารณาเมียงมองเงาสะท้อนใบหน้าด้วยความหลงตัวเองอยู่นั้น เสียงน้ำสาดกระจายพลันดังออกมาจากอีกฝั่งของทะเลสาบ ทำให้โจวเหว่ยชิงต้องรีบหันขวับไปมอง และภาพที่เห็นก็ทำให้เขาอดจะแตกตื่นไม่ได้
ในอีกฝั่งของทะเลสาบมีใครบางคนกำลังกระโดดลงน้ำ ทำให้กระแสน้ำกระเพื่อมไหวอย่างรุนแรง เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องกระทบผิวน้ำเหนือทะเลสาบ แสงสะท้อนเหล่านั้นก็ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ราวกับถูกย้อมไปด้วยแสงสีทอง ใจกลางระลอกคลื่นนั้นปรากฏเส้นผมสีชมพูโดดเด่นกลุ่มหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของโจวเหว่ยชิงไปจนหมดสิ้น
น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ค่อนข้างตื้น มีความลึกเพียงแค่ 1 เมตรเท่านั้น เด็กสาวคนที่กระโดดลงไปเล่นน้ำในทะเลสาบกำลังหันหลังให้โจวเหว่ยชิง และน้ำก็สูงแค่เพียงสะโพกเท่านั้น ทำให้สายน้ำช่วยปกปิดเรือนร่างได้เพียงแค่บั้นท้าย โจวเหว่ยชิงยืนนิ่งงันจ้องมองเอวขอดและรูปร่างอันเย้ายวนใจของหญิงสาวจากด้านหลัง
“นี่มัน…นี่มัน…”
เสียง ปุ เบาๆ ดังขึ้นมา ก่อนเลือดกำเดาสองสายจะไหลออกมาจากจมูกของโจวเหว่ยชิง แม้จะเคยจินตนาการเรื่องทำนองนี้เอาไว้บ้าง แต่เขาก็ยังคงเป็นเพียงเด็กหนุ่มบริสุทธิ์อายุเพียง 13 ปีเท่านั้น การได้มาเห็นร่างเปลือยเปล่าของผู้หญิงในระยะประชิดแบบนี้ทำให้โจวเหว่ยชิงตื่นเต้นจนเลือดกำเดาไหล
“ว้าวว นี่มันโคตรสุดยอดไปเลยนี่หว่า!” โจวเหว่ยชิงรีบยกมือบีบจมูกห้ามเลือดกำเดา แต่สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องไปที่เด็กสาวเบื้องหน้า ลืมไปหมดสิ้นว่าจะอาจจะถูกพบเห็นเข้า ในใจพลางร้องตะโกน หันมาสิ! หันมาสิเฟ้ย!
เด็กสาวผมชมพูหันหน้ามาราวกันได้ยินเสียงร้องเรียกในใจของโจวเหว่ยชิง เธอหันมาอย่างช้าๆ ด้วยท่าทีตื่นตระหนกในขณะที่ยกมือขึ้นมาปกปิดส่วนบนเอาไว้
…………………………………………………………….
[1] วีรบุรุษยากจะผ่านด่านสาวงามไปได้ หมายถึง วีรบุรุษที่เก่งกล้ามักจะหลงกลหญิงสาวที่งดงาม
[2] กระต่ายไม่กินหญ้าใกล้รังตน หมายถึง ไม่ควรทำชั่วใกล้อาณาเขตตน
[3] มีเงินก็ใช้ผีโม่แป้งได้ หมายถึง มีเงินก็สามารถทำได้ทุกอย่าง
Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 1.1 พี่สาว ข้าเกรงว่านี่จะเป็นเรื่องเข้าใจผิด! (1)
Posted by ? Views, Released on September 19, 2021
, Heavenly Jewel Change
Type: Web Novel Author: Tang Jia San Shao, 唐家三少
ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ
มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์
ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม
ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่
ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล
ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!?
ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น…
หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย!
ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา
ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา
มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด!
สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า…
แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ?
ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา
สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!
นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร
Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power.
Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels.
Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters.
Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes.
Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.
Recommended Series
Comment
Facebook Comment