บรรยากาศในศาลบรรพจารย์สวนน้ำค้างวสันต์ค่อนข้างจะแปลกประหลาด บางคนอารมณ์หนักอึ้ง ซึ่งก็คือพวกผู้เฒ่าบางคนของสวนน้ำค้างวสันต์ที่เก็บตัวอย่างสันโดษ และยังมีพวกผู้ถวายงาน เค่อชิงของสวนน้ำค้างวสันต์อีกบางส่วน
บางคนมาร่วมวงความครึกครื้น อารมณ์จึงนับว่าไม่เลว ยกตัวอย่างเช่นถังสี่เจ้าของเรือนจ้าวเย่ฉ่าวที่นั่งอยู่ในตำแหน่งรั้งท้ายสุด หญิงชราอาจารย์ผู้มีพระคุณของซ่งหลันเฉียวผู้ดูแลเรือข้ามฟาก เวลานี้นางกำลังมองสบตากับถังสี่ที่ในอดีตมีความสัมพันธ์ที่ชืดชาต่อกัน แล้วสองฝ่ายก็พยักหน้าให้กันเบาๆ ในดวงตาต่างก็ซ่อนอำพรางรอยยิ้ม
บางคนอารมณ์ซับซ้อน ยกตัวอย่างเช่นถานหลิงที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน
เพราะซ่งหลันเฉียวส่งกระบี่บินมาแจ้งแก่ศาลบรรพจารย์ติดต่อกันถึงสองครั้ง จดหมายลับฉบับแรกบอกว่ามีผู้ฝึกตนต่างถิ่นที่ขอบเขตลึกล้ำยากจะคาดเดาคนหนึ่ง คือเทพเซียนที่อยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มชุดขาวพลิ้วไสว หลังจากโดยสารเรือข้ามทวีปของสำนักพีหมามาถึงชายหาดโครงกระดูกก็ไปโยนสมบัติอาคมใส่นครจิงกวานดุจห่าฝน ทั้งเกาเฉิงและหุบเขาผีร้ายต่างก็ไร้ความเคลื่อนไหว ราวกับว่ากริ่งเกรงคนผู้นี้มาก จดหมายลับฉบับที่สองกลับบอกว่าคนผู้นี้บอกว่าตัวเองคือลูกศิษย์ของเซียนกระบี่หนุ่ม เรียกคนหนุ่มแซ่เฉินว่าอาจารย์ทุกคำ มีนิสัยประหลาดยากจะคาดเดา เขาซ่งหลันเฉียวคิดว่าหากต้องเข่นฆ่ากับอีกฝ่ายขึ้นมา ตนย่อมไม่เหลือเรี่ยวแรงให้เอาคืนอย่างแน่นอน
ถานหลิงส่งจดหมายลับสองฉบับให้ทุกคนอ่าน รอจนจดหมายลับกลับมาถึงมือก็เก็บใส่ในชายแขนเสื้อเบาๆ แล้วเปิดปากเอ่ยว่า “ข้าได้ส่งกระบี่บินไปยังภูเขามู่อีสำนักพีหมาเพื่อสอบถามประวัติความเป็นมาของคนผู้นี้แล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้รับจดหมายตอบกลับ ทุกท่าน เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าสวนน้ำค้างวสันต์ของพวกเราควรจะรับมืออย่างไร มีใครมีกลยุทธที่ดีบ้างหรือไม่? พวกเราไม่สามารถฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่สำนักพีหมาได้ เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับภูเขามู่อี อีกอย่างก็คือ ข้าเดาว่าท่านเฉินก็คือผู้ฝึกกระบี่ที่เมื่อปีก่อนร่วมเซ่นกระบี่กับเซียนกระบี่หลิวสำนักกระบี่ไท่ฮุยที่แถบแคว้นฝูฉวี”
ในห้องโถงศาลบรรพจารย์เงียบสงัด หากเข็มหล่นก็คงได้ยินกันทั่ว
สวนน้ำค้างวสันต์ก็ถือว่าเป็นภูเขาระดับบนสุดของกลุ่มอิทธิพลตระกูลเซียนระดับสองของอุตรกุรุทวีป คล้ายคลึงกับเรือนเทพสายฟ้าของภูเขาอิงเอ๋อร์และยอดเขาสิงโตที่ต่างก็มีชื่อเสียง มีมิตรสหายกว้างขวาง อีกทั้งรากฐานยังลึกล้ำ อยู่ห่างจากอักษรตัวจงก็เพียงแค่ว่าขาดผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตหยกดิบที่จะกลายมาเป็นเสาหลักได้เท่านั้น สถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนของสวนน้ำค้างวสันต์ก็อยู่ที่ว่าชีวิตนี้ถานหลิงไม่อาจฝ่าทะลุคอขวดก่อกำเนิดได้ ถูกกำหนดมาแล้วว่าไร้ความหวังจะกลายเป็นห้าขอบเขตบน
ตอนนี้พอเผชิญหน้ากับอาจารย์และศิษย์คู่นั้นจึงตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูกอย่างเห็นได้ชัด
ถานหลิงถามอีกว่า “ถังสี่ เจ้าคิดว่าอาจารย์…เฉินคนนั้นมีนิสัยเป็นอย่างไร?”
คำเรียกขานนี้ทำให้สีหน้าของถานหลิงดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก
ถังสี่ที่นั่งอยู่ติดกับประตูใหญ่ของศาลบรรพจารย์เอาฝ่ามือลูบที่เท้าแขนเก้าอี้เบาๆ ใคร่ครวญหาถ้อยคำที่เหมาะสมอย่างระมัดระวังแล้วเอ่ยเนิบช้าว่า “ตบะสูงหรือต่ำ มองออกได้ไม่ชัดเจน ประวัติความเป็นมาก็ยิ่งเหมือนมีเมฆหมอกบดบัง แต่หากพูดถึงแค่เรื่องของการทำการค้า ท่านเฉินก็พิถีพิถันในเรื่องของความยุติธรรมอย่างมาก”
การปรึกษาหารือกันในศาลบรรพจารย์ของสวนน้ำค้างวสันต์วันนี้ เป็นครั้งแรกที่ถานหลิงสอบถามความเห็นของถังสี่อย่างจริงจัง
หญิงชรายิ้มตาหยีเอ่ยว่า “คุณชายเฉินปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างมีมารยาท เป็นคนหนุ่มที่เคารพกฎเกณฑ์อย่างถึงที่สุด บางทีพวกเจ้าอาจไม่เคยไปมาหาสู่กับเขาจึงไม่รู้ เอาเป็นว่าหญิงแก่อย่างข้าชื่นชอบเขามาก สองครั้งที่คุณชายเฉินมาเยี่ยมเยือนข้าด้วยตัวเอง หญิงแก่อย่างข้าก็ได้รับวัตถุวิเศษชิ้นหนึ่งกับก้อนชากำแพงดำน้อยจากคนเขามาเปล่าๆ ถึงสองครั้ง ตอนนี้ก็ยังกลัดกลุ้มอยู่ว่าครั้งหน้าที่คุณชายเฉินมาเยือน ควรจะเอาของขวัญอะไรตอบแทนเขาดี จะให้คนเขาที่มาเยือนสามครั้งต้องกลับไปมือเปล่าเสียทุกครั้งก็คงไม่ได้ คุณชายเฉินเองก็บอกแล้วว่า ‘เรื่องเดิมไม่ทำซ้ำสาม สะสมเอาไว้’ น่าเสียดายที่หญิงแก่อย่างข้ากำลังทรัพย์น้อย ถึงเวลานั้นยังไม่รู้ว่าจะเดือดร้อนมาถึงสวนน้ำค้างวสันต์หรือไม่ หากของขวัญที่มอบกลับคืนแร้นแค้นเกินไป ก็อาจทำให้สวนน้ำค้างวสันต์เป็นที่ขบขันของผู้คนเอาได้”
คำพูดประโยคนี้ของหญิงชรามีความนัยแอบแฝง ทุกถ้อยคำล้วนเต็มไปด้วยความลี้ลับ
บนใบหน้าของถานหลิงมีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน “ศิษย์น้องหลินไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ วันนี้ศิษย์น้องหลินสามารถเลือกของขวัญชิ้นหนึ่งไปจากศาลบรรพจารย์สวนน้ำค้างวสันต์ได้เลย”
หญิงชราคลี่ยิ้มไม่จริงใจ “ศิษย์พี่ถาน นี่ไม่เท่ากับว่าทำให้สวนน้ำค้างวสันต์ของเราสิ้นเปลืองหรอกหรือ? ไม่ค่อยเหมาะกระมัง? อันที่จริงหากหญิงแก่อย่างข้ายอมทุบหม้อขายเหล็ก แล้วไปยืมเงินเทพเซียนอีกส่วนหนึ่งมาจากลูกศิษย์ที่ไม่ได้ความอย่างซ่งหลันเฉียว ก็ยังพอจะรวบรวมเงินซื้อสมบัติอาคมชิ้นหนึ่งได้”
ถานหลิงยิ้มบางๆ ด้วยสีหน้าเป็นปกติ “ไม่ต้องรบกวนซ่งหลันเฉียว ตลอดหลายปีมานี้ซ่งหลันเฉียวทำการค้าดูแลเรือข้ามฟากแทนสวนน้ำค้างวสันต์อย่างระมัดระวังรอบคอบก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว”
หญิงชราแสร้งทำท่ากระจ่างแจ้ง “ถึงอย่างไรศิษย์พี่ก็เป็นผู้ฝึกตนใหญ่ก่อกำเนิด ความจำดีกว่าศิษย์น้องโอสถทองที่ไม่ได้ความอย่างข้ามาก หญิงแก่อย่างข้าเกือบลืมไปแล้วว่าที่แท้ตัวเองก็ยังมีลูกศิษย์โอสถทองที่คอยวิ่งวุ่นอยู่ด้านนอกตลอดทั้งปีอย่างซ่งหลันเฉียวอยู่ด้วย”
พวกจิ้งจอกเฒ่าในศาลบรรพจารย์ทั้งหลายเริ่มกระปรี้กระเปร่ากันขึ้นมาแล้ว ฟังจากน้ำเสียงนี้ หญิงชราผู้นี้คิดจะดึงลูกศิษย์ของตนเข้ามาในศาลบรรพจารย์?
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย
“อย่าพูดถึงลูกศิษย์ที่มีชะตาต้องเหนื่อยยากของข้าคนนั้นเลย เจ้าเด็กนี่เกิดมาก็ไม่มีชะตาจะได้เสวยสุข”
คิดไม่ถึงว่าหญิงชราจะเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างรวดเร็ว ไม่ได้พูดถึงเรื่องเพิ่มเก้าอี้ในศาลบรรพจารย์สักคำเดียว หญิงชราเพียงแค่หันหน้าไปมองถังสี่แล้วเอ่ยเนิบช้าว่า “ผู้ถวายงานถังของเราต่างหากที่ลำบากยิ่งกว่าซ่งหลันเฉียว ไม่เพียงแต่มีคุณความเหนื่อยยาก คุณความชอบก็ใหญ่หลวง เหตุใดถึงยังได้นั่งตำแหน่งที่ใกล้กับประตูที่สุดอีก? กิจการครึ่งหนึ่งของสวนน้ำค้างวสันต์ล้วนมีเรือนจ้าวเย่ฉ่าวเป็นผู้ดูแล หากจำไม่ผิด เก้าอี้ในศาลบรรพจารย์ก็เป็นเรือนจ้าวเย่ฉ่าวที่ออกเงินสร้างขึ้นมาไม่ใช่หรือ คนแก่ๆ ที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเช่นพวกเราควรต้องมีมโนธรรมในใจกันบ้างนะ ตามความเห็นข้า ไม่สู้ให้ข้าเปลี่ยนตำแหน่งกับถังสี่ ย้ายเก้าอี้ของข้าไปตรงหน้าประตู จะได้ไม่ต้องทำให้ศิษย์พี่ถานและทุกคนลำบากใจ”
ถังสี่รีบลุกขึ้นยืนทันที กุมหมัดค้อมเอวเอ่ยเสียงทุ้มหนัก “ไม่ได้เด็ดขาด ข้าผู้แซ่ถังเป็นคนทำการค้า พรสวรรค์ในการฝึกตนย่ำแย่เกินจะกล่าว แม้ว่ากิจการในมือจะไม่เล็ก แต่นั่นก็ต้องอาศัยสวนน้ำค้างวสันต์ถึงจะทำสำเร็จได้ ข้าผู้แซ่ถังรู้ดีว่าตัวเองมีความสามารถแค่ไหน การที่ได้มาปรึกษากับทุกท่านอยู่ในศาลบรรพจารย์ก็ถือว่ายึดเอาคุณความชอบของสวรรค์มาเป็นของตนแล้ว ไหนเลยจะมีความคิดไม่สมควรเช่นนั้นได้”
หญิงชราบ่นพึมพำ “ถังสี่เจ้ามีลูกสาวอยู่แค่คนเดียว ตอนนี้นางใกล้จะออกเรือนแล้ว สกุลเว่ยจวนเถี่ยชางของราชวงศ์ต้ากวานที่จะดองเป็นญาติกับเจ้า และยังมีฮ่องเต้พระองค์นั้น ก็ไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่เจ้าถังสี่ยังมีที่มีทางอยู่ในศาลบรรพจารย์สวนน้ำค้างวสันต์หรอกหรือ? คำซุบซิบนินทาพวกนั้น เจ้าถังสี่ใจกว้าง ให้อภัยได้ ยอมรับได้ แต่หญิงแก่ที่เป็นคนนอกอย่างข้าฟังแล้วยังรู้สึกไม่ดี รู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ หญิงแก่อย่างข้าไม่มีของขวัญอวยพรอะไรจะมอบให้ ได้แต่สับเปลี่ยนตำแหน่งเก้าอี้กับเจ้าถังสี่เท่านั้น นี่ก็ถือว่าได้ทุ่มเทสุดกำลังน้อยนิดที่มีแล้ว”
อันที่จริงสวนน้ำค้างวสันต์มีบรรพจารย์ที่ดูแลการเงินอยู่ แต่ถังสี่กลับเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วกันของสวนน้ำค้างวสันต์ เมื่อเทียบกับชื่อเสียงของฝ่ายแรกแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าจะบนล่างหรือในนอกสวนน้ำค้างวสันต์ ถังสี่ก็ล้วนได้ใจผู้คนมากกว่า
หญิงชราเรียกคำก็ถังสี่ สองคำก็ถังสี่
นี่ไม่ใช่ความไม่เคารพอะไร แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสนิทสนม
ผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ดูแลคลังสมบัติของศาลบรรพจารย์หน้าเขียว หลุดหัวเราะพรืดเอ่ยว่า “พวกเรากำลังปรึกษาแผนการรับมือที่เหมาะสมกันอยู่ไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงคุยไปถึงเรื่องการแต่งงานของบุตรสาวผู้ถวายงานถังเสียได้? หากวันหน้าศาลบรรพจารย์ที่มีกฎเกณฑ์เข้มงวดแห่งนี้เหมือนคนเหยียบเปลือกแตงโมที่ลื่นไถลไปได้ถึงตรงไหนก็ไปถึงตรงนั้น ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกเราไม่ลองมาคุยถึงเรื่องชาอินเฉินของชายหาดโครงกระดูกว่าอร่อยหรือไม่ไปด้วยเล่า? ศาลบรรพจารย์จะต้องเตรียมไว้หลายๆ จิน คราวหน้าพวกเราก็ดื่มชาพลางพูดคุยเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งไปด้วย คุยนานๆ สักเจ็ดแปดชั่วยามเลยเป็นไง?”
หญิงชรายิ้มบางๆ “หากมาอยู่กับศิษย์พี่เกาที่กุมอำนาจสำคัญอยู่ในมือ การแต่งงานของบุตรีโทนของถังสี่ และมิตรภาพส่วนตัวระหว่างสวนน้ำค้างวสันต์กับราชวงศ์ต้ากวาน แน่นอนว่าต้องเป็นแค่เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งอยู่แล้ว”
บรรพจารย์ผู้ดูแลเงินทองของสวนน้ำค้างวสันต์ตบลงบนที่เท้าแขนเก้าอี้หนักๆ พูดอย่างเดือดดาลว่า “คนแซ่หลิว หยุดพูดจาเหลวไหลชวนให้คนเข้าใจผิดเสียที! เจ้าดีดลูกคิดรางเล็กของตัวเองดังสนั่นหวั่นไหวขนาดนั้น คิดว่าพวกเราทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่หูหนวกตาบอดกันจริงๆ หรือไร?!”
หญิงชราร้องโอ้ยหนึ่งที แล้วพูดเย้ยหยันว่า “ที่แท้ก็ไม่ใช่หรอกหรือ”
ถังสี่ยิ้มจืดเจื่อน แล้วเริ่มหลับตาทำสมาธิ พันธมิตรใหม่คนนี้นิสัยหุนหันพลันแล่นไปสักหน่อย เวลานี้หากเขายังราดน้ำมันลงบนกองเพลิงอีกก็จะได้ไม่คุ้มเสียแล้ว ไม่สู้อยู่เงียบๆ รอดูการเปลี่ยนแปลงจะดีกว่า
ถานหลิงโบกมือเบาๆ “แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ล้วนไม่ใช่เรื่องเล็ก รอให้พวกเราจัดการเรื่องด่วนที่เป็นดั่งไฟไหม้ขนคิ้วนี่ได้ก่อน ย่อมต้องคุยกัน อีกทั้งยังจะคุยกันวันนี้ด้วย อันดับแรกพวกเรามาลองยืนยันให้แน่ใจก่อนว่าทั้งสองคนนั้นจะจากไปวันไหน อันดับที่สอง ช่วงเวลาระหว่างนี้จะจัดการปัญหาให้ราบรื่นได้อย่างไร ส่วนข้อที่ว่าจะผูกสัมพันธ์ควันธูปครั้งนี้ได้หรือไม่ ข้าถานหลิงก็ดี สวนน้ำค้างวสันต์ก็ช่าง ไม่คาดหวัง ไม่ฝืนชะตา สุดท้ายใครจะเป็นคนออกหน้า ทุกคนลองปรึกษากันดู แล้วเสนอตัวเลือกมา จะเป็นซ่งหลันเฉียวหรือใครก็ได้ คำพูดไม่น่าฟังเอามาพูดกันก่อน ไม่ว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร จะดีหรือร้าย สวนน้ำค้างวสันต์ก็ควรบันทึกคุณความชอบให้กับคนผู้นี้ หากผลลัพธ์ไม่สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ และถ้าหลังจบเรื่องมีใครกล้าเอาไปวิจารณ์ในทางลบ พลิกบัญชีเก่าออกมาเปิด พูดจาเหน็บแนมเสียดสี ก็อย่าโทษหากข้าถานหลิงจะเอากฎบรรพจารย์ออกมาใช้”
กล่าวมาถึงตรงนี้ถานหลิงก็คลี่ยิ้ม “หากรู้สึกว่าต้องให้ข้าถานหลิงออกหน้าไปพูดคุยด้วยตัวเอง ขอแค่เป็นผลลัพธ์อย่างที่ศาลบรรพจารย์ปรึกษากันออกมาได้ ข้าถานหลิงก็จะถือว่าเป็นหน้าที่รับผิดชอบของข้า แต่หากข้าทำได้ไม่ดี ทุกท่านอยากตำหนิ ต่อให้นับจากวันนี้ไปจะยังกล่าวโทษข้าอยู่ในศาลบรรพจารย์ ข้าถานหลิงในฐานะที่เป็นเจ้าขุนเขาก็ขอน้อมรับไว้ด้วยความจริงใจ”
หนึ่งก้านธูปต่อมา ถังสี่ก็ออกไปจากศาลบรรพจารย์ก่อน
คนที่เหลือที่อยู่ในศาลบรรพจารย์ต่างก็รอฟังข่าวอยู่เงียบๆ
หญิงชรายิ้มพูดกับตัวเองว่า “ใครทำงานเป็น ใครดีแต่ขี้ขลาด แค่มองก็รู้แล้ว”
ประโยคนี้ของนาง
ทำให้ถานหลิงขมวดคิ้ว
ผู้เฒ่าคนนั้นพูดอย่างโกรธเคืองว่า “หลินชว่อเอ๋อร์ เจ้าพูดอีกครั้งสิ?!”
หญิงชราย้อนถาม “หูหนวกรึ?”
ถานหลิงพูดเสียงหนัก “เกาซง หลินชว่อเอ๋อร์ พวกเจ้าหุบปากทั้งคู่!”
ผู้เฒ่าและหญิงชรา คนหนึ่งโมโห คนหนึ่งยิ้มร่า แต่สุดท้ายก็ยอมหยุดต่อปากต่อคำกัน
ถานหลิงถอนหายใจอยู่ในใจ ศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักที่เกือบจะได้กลายเป็นคู่รักเทพเซียนคู่นี้ บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเขาแถลงไม่กระจ่าง ตัดไม่ขาดแล้วยังพัวพันกันวุ่นวาย
เค่อชิงคนหนึ่งของสวนน้ำค้างวสันต์พลันเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าขุนเขาถาน จะใช้วิชาอภินิหารมองภูเขาสายน้ำผ่านฝ่ามือไปตรวจสอบเหตุการณ์ที่หน้าผาอวี้อิ๋งหรือไม่? หากถังสี่ทำเสียเรื่อง พวกเราก็จะได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าก่อน”
หญิงชรายิ้มกล่าว “คนหูหนวกมี คราวนี้ก็มีคนตาบอดมาเพิ่มอีก”
ถานหลิงและเค่อชิงผู้นั้นต่างก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดเหน็บแนมของหลินชว่อเอ๋อร์ ถานหลิงส่ายหน้าเอ่ยว่า “ทำแบบนั้นไม่เหมาะ อย่างน้อยที่สุดอีกฝ่ายก็มีคนหนึ่งที่เป็นก่อกำเนิด และมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นผู้อาวุโสขอบเขตหยกดิบคนหนึ่ง ก่อกำเนิดยังนับว่าดีหน่อย แต่หากเป็นขอบเขตหยกดิบ ต่อให้ข้าจะระวังแค่ไหนก็ยังจะต้องถูกคนผู้นี้สาวเบาะแสมาจนเจออยู่ดี ถ้าอย่างนั้นการที่ถังสี่ไปเยือนหน้าผาอวี้อิ๋งครั้งนี้ก็จะมีอันตรายรายล้อมแล้ว”
หญิงชราพูดเสียงแปร่งระคายหู “ถังสี่เป็นคนนอกของสวนน้ำค้างวสันต์มาโดยตลอดไม่ใช่หรือ? คนที่ละโมบอยากได้กิจการของเขา ในศาลบรรพจารย์แห่งนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย หากถังสี่ตายไปอย่างอยุติธรรม ใช้กิจการของถังสี่มาเป็นการจ่ายเงินฟาดเคราะห์ ไม่เพียงแต่คลี่คลายความไม่สบอารมณ์ของคุณชายเฉินกับลูกศิษย์ของเขา ไม่แน่ว่าสวนน้ำค้างวสันต์อาจจะยังได้กำไรอีกด้วย”
เค่อชิงผู้นั้นได้แต่ยิ้มจืดเจื่อน
ถานหลิงโมโหสุดขีด นางลุกขึ้นยืน ถลึงตาจ้องมองหญิงชราที่ทุกถ้อยคำอำมหิตดุจมีดบาดใจอย่างเดือดดาล “หลินชว่อเอ๋อร์! เจ้ายังอยากจะช่วยให้ซ่งหลันเฉียวมีพื้นที่อยู่ในศาลบรรพจารย์อยู่อีกหรือไม่?!”
หญิงชราหัวเราะหึหึ “ไม่พูดแล้วๆ ก็เมื่อก่อนหญิงชราอย่างข้าไม่มีสิทธิ์ได้พูด วันนี้อยู่ดีๆ พระอาทิตย์ก็ขึ้นทางทิศตะวันตก ข้าก็แค่อดไม่ไหวพูดมากนิดหน่อยไม่ใช่หรือ ขอแค่ลูกศิษย์คนนั้นของข้าได้เข้ามาอยู่ในศาลบรรพจารย์ ต่อให้ซ่งหลันเฉียวจะได้แค่ยืนถือม้านั่งตัวเล็กพิงอยู่ตรงกรอบประตู ทำหน้าที่เป็นเทพทวารบาลที่คอยดูต้นทาง ข้าหลินชว่อเอ๋อร์ก็กล้ารับประกันตรงนี้เลยว่า เมื่อก่อนข้าทำตัวเป็นคนใบ้อย่างไร วันหน้าก็จะยังคงทำอย่างนั้น”
หญิงชราพูดประโยคเหล่านี้จบก็มองไปทางนอกประตูใหญ่ของศาลบรรพจารย์
เดิมทีถานหลิงคิดจะตวาดสั่งสอนอย่างเดือดดาลอีกสักสองสามคำ หลีกเลี่ยงไม่ให้วันหน้าหลินชว่อเอ๋อร์ได้คืบแล้วจะเอาศอก แต่พอเห็นใบหน้าแห้งตอบของหญิงชรา นางก็ตัดใจดุด่าไม่ลง
แล้วนับประสาอะไรกับที่สวนน้ำค้างวสันต์ก็ควรจะมีคนที่ยินดีลงมือทำงานอย่างจริงจังปรากฏตัวได้แล้ว
ถังสี่แห่งเรือนจ้าวเย่ฉ่าว ซ่งหลันเฉียวที่ดูแลเรือข้ามฟากมานานหลายปี บวกกับหลินชว่อเอ๋อร์ที่วันนี้ได้เอ่ยคำสัญญาไปแล้ว สามฝ่ายเป็นพันธมิตรกัน การปรากฏตัวของภูเขาเล็กลูกนี้ในสวนน้ำค้างวสันต์ ถานหลิงคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องร้ายไปเสียทั้งหมด