ตอนเหยาเยี่ยนอวี่ลุกขึ้นก็ได้ยินประโยคต่อมา หัวใจที่กำลังจะปล่อยวางมันก็กระตุกขึ้นมาอีกครั้ง โดยนางคิดว่า บิดาเพิ่งจะเดินเข้าประตูมาและยังไม่ทันได้กินอาหารเลย ก็ว่ากล่าวสั่งสอนนางขึ้นเสียแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านก็เหนื่อยมาทั้งเช้าแล้ว ตอนนี้อากาศก็หนาวเย็น อาหารเพิ่งจะอุ่นเสร็จ ประเดี๋ยวก็จะหายร้อนอีก ไม่เช่นนั้นพวกเรากินอาหารกันก่อนเถอะ เรื่องของน้องรอง รอกินอาหารเสร็จค่อยว่ากันดีหรือไม่” เหยาเหยียนอี้เอ่ยคำพูดได้ทันเวลา เขากำลังช่วยน้องรองคลี่คลายสถานการณ์ตรงหน้าอยู่
เหยาเยี่ยนอวี่ครุ่นคิดในใจ ดูๆ แล้วสาวใช้รูปงามสองคนนั้นไม่ได้เสียเงินซื้อมาอย่างเปล่าประโยชน์จริงๆ ถึงแม้พี่รองของตนจะชอบทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมบางอย่างจนติดเป็นนิสัย ทว่าเขาก็ถือเป็นคนที่ไว้ใจได้ และรู้จักพูดจาออกหน้าแทนตน
เหยาหย่วนจือคลี่ยิ้มพลางเปรยขึ้น “เช่นนั้นก็ทานอาหารก่อนเถอะ”
“เจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินจึงรีบตอบกลับ “ท่านพ่อเชิญเจ้าค่ะ พี่รองเชิญเจ้าค่ะ”
เหยาหย่วนจือเหยียดกายลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องโถงด้านข้าง เฝิงหมัวมัวกำลังพาปั้นซย่า ไม่ตง อูเหมย และเซียงหรูยกอาหารจานร้อนมาจัดวางบนโต๊ะอาหาร เพราะเหตุที่เห็นเหยาหย่วนจือเดินมา เฝิงหมัวมัวรีบสั่งให้สาวใช้ทั้งสี่วางอาหารในมือลง ทุกคนต่างเดินเข้าไปน้อมทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกัน
“อืม ลุกขึ้นเถอะ” เหยาหย่วนจือผายมือ แสดงท่าทางให้ทุกคนลุกขึ้น จากนั้นก็เดินไปนั่งตรงที่นั่งหลัก แล้วแสดงท่าทางใส่เหยาเหยียนอี้ “นั่งเถอะ”
เหยาเหยียนอี้นั่งลงตรงข้ามเหยาหย่วนจือ เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้คิดจะนั่งลงแต่แรก แค่ยืนอยู่ด้านข้าง และทำตัวเหมือนสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติรับใช้นายของตน
เหยาหย่วนจือเงยหน้ามองบุตรีคนรองเพียงประเดี๋ยว แล้วคลี่ยิ้มบางๆ “เจ้าก็นั่งสิ”
เหยาเยี่ยนอวี่ตะลึงงันไปชั่วขณะ ทว่าก็สามารถตั้งสติได้ในชั่วพริบตา จากนั้นก็ย่อตัวลง และนั่งลงข้างกายเหยาเหยียนอี้
นางนั่งลงตรงโต๊ะอาหาร ทว่าก็รู้ตัวว่าตนไม่ควรสนใจแต่เรื่องกิน ฉะนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาฝูหรงให้เหยาหย่วนจือ นางรู้ว่าบิดานั้นชอบกินเนื้อปลา และเนื้อปลาฝูหรงจานนี้เป็นอาหารจานโปรดที่จัดเตรียมให้เขา
“อืม พวกเจ้าก็กินเถอะ” ทีแรกเหยาหย่วนจือที่อารมณ์ดีอยู่แล้ว พอเห็นอาหารจานโปรดของตน ก็ยิ่งทำให้เขาอารมณ์ดีกว่าเดิม
เหยาเหยียนอี้มองเหยาเยี่ยนอวี่พลางแอบยิ้ม ภายในใจกำลังคิดว่า น้องสาวคนนี้ช่างชาญฉลาดเหลือเกิน
รสชาติของเนื้อปลาฝูหรงไม่เลว วันนี้เฝิงหมัวมัวลงครัวด้วยตัวเอง รสชาติอาหารจึงเป็นรสชาติของจวนข้าหลวงใหญ่ปกครองสองเมือง
ข้าหลวงเหยากินอาหารอย่างสบายใจ แน่นอนว่าตอนนี้ใต้เท้าเหยาก็รู้สึกอิ่มมากจริงๆ
อาหารของเรือนพักทางการจัดว่าไม่เลว ทว่าช่วงเวลาที่เฝ้ารอคอยคำสั่งจากฮ่องเต้ ภายในใจของเขาจึงไม่ค่อยมีอารมณ์ลิ้มรสอาหารอะไรมากนัก เพราะไม่รู้ว่าจะตรัสเรียกตัวให้เข้าเฝ้าเมื่อใด หากได้ไปเข้าเฝ้าแล้ว ก็ยิ่งไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะตรัสถามเกี่ยวกับอะไรบ้าง หากเขากำลังตอบคำถามฝ่าบาทอยู่แล้วเกิดรู้สึกปวดเข้าห้องน้ำขึ้นมาทันทีล่ะ แล้วจะทำอย่างไร ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ข้าหลวงเหยาเข้าพักในเรือนพักของทางการ เขาก็แค่ดื่มน้ำแกงโสมไก่ และแทบไม่มีอะไรตกลงท้องเลย
จวบจนถึงเวลานี้ หลังจากที่ได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้เสร็จ อีกทั้งพระองค์ยังทรงพอพระทัยในผลงานของเขา ดวงใจดวงนี้ของข้าหลวงเหยาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที
รวมไปถึงเหยาเยี่ยนอวี่ บุตรีคนนี้ได้สร้างเรื่องเชิดหน้าชูตาให้กับเขา พอนึกถึงเรื่องที่จะได้ถวายสูตรปรุงยา ถึงแม้ว่าฮ่องเต้อาจจะไม่ได้ตบรางวัลอะไรมากมาย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็สามารถช่วยทำให้อนาคตของเขางดงามกว่าเดิม
เหตุนี้ อารมณ์ของข้าหลวงเหยาจึงดียิ่งนัก อีกทั้งพอได้เห็นอาหารที่มีสีสันน่ากินตอนเวลาที่กระเพาะกำลังรู้สึกหิวพอดี ทำให้มื้อนี้เป็นมื้ออาหารที่กินได้อย่างอิ่มเอมใจ
หลังมื้ออาหาร เหยาเยี่ยนอวี่จึงรินน้ำชาหอมกรุ่นให้ด้วยตนเอง
ข้าหลวงเหยาเหลือบมองบุตรีเพียงพริบตา พลางมองบุตรชายแค่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองบุตรีพลางคลี่ยิ้มบางๆ “วันนี้ฮ่องเต้ทรงถามถึงเจ้าด้วย”
“เจ้าคะ?” เหยาเยี่ยนอวี่ตะลึงงัน ภายในใจก็คิดว่า ฮ่องเต้อาวุโสผู้สูงส่งปานเทพเซียน คงไม่มีเหตุจำเป็นที่จะมาแยแสสาวน้อยอย่างตนหรอกกระมัง ถูกเขาจดจำได้คงไม่ใช่เรื่องดีแต่อย่างไร
เหยาหย่วนจือมองบุตรีที่กำลังทำสีหน้าประหลาดใจ จึงยิ้มอย่างลุ่มลึกกว่าเดิม “เรื่องที่เจ้าทำการรักษาแผลของเจิ้นกั๋วกงซื่อจื่อ ฮ่องเต้ทรงรู้แล้ว อีกอย่างยังทรงรู้ว่าเจ้ายังเป็นวิชาอะไรนะ…ที่เรียกว่าวิชาการฝังเข็มแบบ…รมยาไท่อี่หรืออย่างไร”
ในใจของเหยาเยี่ยนอวี่กำลังครุ่นคิดว่า ต้องเป็นพระอาจารย์ใหญ่คงเซียงที่กล่าวมากความเรื่องของตนอีกแน่นอน ดูสิ ท่านที่เป็นถึงนักบวช เหตุใดถึงได้ขยันพูดเหมือนสตรีเช่นนี้ล่ะ
เหยาหย่วนจือไม่รู้ว่าภายในใจของบุตรีกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงแค่ยิ้มแล้วพูดต่อ “ฮ่องเต้ยังทรงทราบว่าเจ้าปรุงยาวิเศษที่สามารถห้ามเลือดได้อย่างรวดเร็วและรักษาบาดแผลได้ด้วยใช่หรือไม่ ฮ่องเต้ทรงสนพระทัยในผงยาวิเศษนี้ พ่อรู้สึกว่าฮ่องเต้อยากจะเอาสูตรยานี้ไปใช้เป็นยาสามัญประจำสำนักหมอหลวง อนาคตจะได้เอาไปใช้ในกองกำลังทหารที่ออกรบและกองกำลังในราชสำนัก ดังนั้น พ่อเลยตอบตกลงว่าจะถวายสูตรปรุงยานี้ให้กับฮ่องเต้”
ภายในใจของเหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างฉับพลัน และกำลังคิดว่า สูตรปรุงยาที่ตนได้ทำการค้นคว้ามาอย่างยากลำบาก! และหวังว่ามันจะสามารถทำเงินสร้างรายได้มหาศาลให้กับตนในอนาคต ตอนนี้กลับถูกเอาไปบริจาคโดยไม่ได้รับสิ่งใดตอบแทน เพียงเพราะคำๆ เดียวของบิดาแท้ๆ อย่างนั้นหรือ?!
และเหยาเหยียนอี้เองก็รู้สึกเจ็บปวดใจอยู่เหมือนกัน คุณชายรองตระกูลเหยาไม่รอให้เหยาเยี่ยนอวี่กล่าววาจาใดออกมา จึงถามขึ้นอย่างเร่งเร้าก่อน “ท่านพ่อ สูตรปรุงยาเป็นสูตรลับที่คิดค้นโดยน้องสาว จะให้เอาไปถวายเช่นนี้หรือ”
เหยาหย่วนจือจ้องหน้าเหยาเหยียนอี้ แล้วพูดด้วยเสียงเรียบเฉย “ทุกหนทุกแห่งใต้ผืนฟ้านี้ ไม่มีที่ใดไม่ใช่ผืนแผ่นดินขององค์ฮ่องเต้ ผู้ที่อยู่บนผืนแผ่นดินนี้ไม่มีผู้ใดไม่ใช่ข้าราชบริพารของพระองค์ ไหนๆ ฮ่องเต้ก็ทรงเอ่ยขอ เจ้าจะให้บิดาต่อรองกับฮ่องเต้อีกหรือ เกรงว่าหากบิดาแค่รู้สึกลังเลใจเพียงชั่ววูบ ก็อาจจะถูกกล่าวโทษว่าเป็นขุนนางที่ไม่จงรักภักดี!” กล่าวจบ ข้าหลวงเหยาจึงก่นด่าด้วยความโกรธ “ฮึ่ม! แค่อาศัยคำพูดบ้าๆ ของเจ้า เจ้าก็สมควรจะถูกตบปากแล้ว!”
ภายในใจของเหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกว่าบิดาของตนกล่าวถูก ฮ่องเต้ทรงปรารถนาสิ่งใด มีใครกล้าไม่ให้เล่า ดังนั้นนางจึงถอนหายใจเบาๆ และพูดว่า “ท่านพ่อวางใจเถอะ คืนนี้ลูกจะกลับไปจดสูตรยา เช้าวันรุ่งขึ้นลูกจะเอามาให้ท่านพ่อเอง”
เหยาหย่วนจือได้ยินคำๆ นี้จึงรู้สึกอุ่นใจ แล้วมองท่าทางที่ดูเคารพและเชื่อฟังของเหยาเยี่ยนอวี่ ก็รู้สึกผิดต่อบุตรีคนนี้ของตนทันที ด้วยเหตุนี้จึงพูดขึ้น “สูตรยานี้เป็นน้ำพักน้ำแรงของเจ้า พ่อเองก็ไม่รู้จะทูลฮ่องเต้อย่างไรจริงๆ ทว่าหากเจ้าต้องการอะไรก็ขอให้บอก พ่อจะไม่ยอมปฏิบัติตัวอย่างไม่ยุติธรรมต่อเจ้า”
เหยาเยี่ยนอวี่จึงมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว แต่สุดท้ายก็รู้สึกลังเลใจ
เหยาหย่วนจือมองสีหน้าของนาง แล้วคลี่ยิ้มบางๆ พลางเอ่ยถาม “เจ้ามีอะไรที่ไม่สามารถบอกพ่อและพี่ชายของตนหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่กำลังเรียบเรียงคำพูดในใจ แล้วค่อยๆ พูดออกมา “ท่านพ่อ ลูกไม่มีความปรารถนาอื่นใด แค่หวังว่าลูกจะสามารถตัดสินใจงานสมรสในอนาคตของลูกด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”
“โอ้?” เหยาหย่วนจือตะลึงงัน แล้วคลี่ยิ้มต่อ “เจ้ามีผู้ที่หมายปองภายในใจแล้วหรือ”
“เรียนท่านพ่อ ยังไม่มีเจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วมองตาเหยาหย่วนจือพลางพูดด้วยเสียงเรียบเฉย “เป็นเพราะไม่มี ดังนั้นจึงอยากจะคิดใคร่ครวญอย่างรอบคอบเจ้าค่ะ”
“ได้” เหยาหย่วนจือพยักหน้า “เรื่องนี้พ่อตกลง อนาคตไม่ว่าเจ้าจะหมายปองใคร แค่บอกพ่อคำเดียว พ่อจะให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจเอง”
“ขอบคุณท่านพ่อที่เข้าใจเจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่โน้มตัวต่ำอย่างนอบน้อม
แท้จริงแล้ว สูตรปรุงยาที่นางคิดค้นอย่างยากลำบาก พอต้องถวายออกไปเช่นนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ทว่าพอบิดาให้คำมั่นสัญญาเยี่ยงนี้กับนาง สำหรับเหยาเยี่ยนอวี่แล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามาก
หลังจากกลับเรือนไปในเวลากลางคืน เหยาเยี่ยนอวี่ก็สั่งให้ชุ่ยเวยเตรียมหมึกและกระดาษ จากนั้นนางก็นั่งเขียนสูตรปรุงยาบนโต๊ะหนังสือด้วยท่าทางที่สง่างาม
วันถัดมา เหยาเยี่ยนอวี่ส่งมอบสูตรยาให้กับเหยาหย่วนจือ เหยาหย่วนจือจึงเปิดสูตรปรุงยาแล้วอ่านอย่างละเอียด พอเห็นสมุนไพรยาสองชนิดที่ตนไม่เคยได้ยิน จึงถามขึ้น “ในสูตรปรุงยามีส่วนประกอบของซานชี คิดว่ามูลค่าคงไม่ต่ำ เพียงแต่ว่าหญ้าห้ามเลือดและดักแด้ในดินคืออะไร”
“หญ้าห้ามเลือดคือพืชชนิดหนึ่งในวงศ์หญ้างวงช้าง ออกดอกกลีบเล็กที่คล้ายดวงดาวและมีสีเหลืองอำพัน หลายปีก่อน ลูกบังเอิญเจอสมุนไพรนี้ที่ข้างลำธารในหุบเขา ตอนไปวัดชิงอวิ๋น ตอนนี้จึงนำกลับมาทดลองปลูกในบ้านนา และมันกำลังงอกเป็นต้นกล้าเล็กๆ ส่วนดักแด้ในดิน เป็นแมลงชนิดหนึ่งในดินโคลน เรียกอีกชื่อว่าดักแด้ทอง มีผลต่อการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้ออย่างน่าอัศจรรย์และนี่เป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้เจ้าค่ะ”