แผลตรงข้อเท้าของหันซังเกอ ถึงแม้ใกล้จะหายขาดแล้ว ทว่าก็ยังคงไม่ควรเดินออกไปข้างนอกเป็นเวลานาน ดังนั้นเขาจึงตามน้องชายมา แล้วกำชับคำพูดบางอย่างขึ้นอย่างละเอียด หันซังเย่ว์เองก็รับฟังคำสั่งของพี่ชายด้วยความเต็มใจ แน่นอนว่าเขาต้องไม่ขัดขืนอยู่แล้ว
ดังนั้น ในวันที่เหยาหย่วนจือมาเยือนที่จวนติ้งโหว อวิ๋นคุน หันซังเย่ว์ และเว่ยจาง ก็มาเยี่ยมเยียนสหายถึงที่ด้วยความ ‘บังเอิญ’
เฉิงอ๋องซื่อจื่อและเจิ้นกั๋วกงซื่อจื่อมาเยี่ยมเยียนซูอวี้ผิงในจวน ซูกวงฉงต้องรู้สึกดีใจมากอยู่แล้ว จึงสั่งให้ซูอวี้ผิงมาอยู่ร่วมกัน จากนั้นก็ตั้งโต๊ะสองโต๊ะเพื่อจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ขึ้น ทุกคนจึงร่วมพูดคุย เลยทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาหน่อย ฉะนั้นซูอวี้ผิง อวิ๋นคุนและคนอื่นๆ ก็มุ่งหน้าไปยังด้านนอกห้องอักษรของติ้งโหว เหล่าสาวใช้กำลังจัดโต๊ะเก้าอี้ หลังจากนั้น พวกเขาจึงนั่งลงตามลำดับของฐานะและอายุตนเอง
เฟิงฮูหยินน้อยภรรยาของซูอวี้ผิงเพราะเหตุเพิ่งแท้งบุตร สภาพร่างกายจึงไม่สู้ดียิ่งนัก นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากๆ และมีความเป็นไปได้ที่จะสิ้นใจอยู่ตลอดเวลา ซูอวี้ผิงและเฟิงฮูหยินน้อยเป็นสามีภรรยากันมาเกือบเจ็ดปีแล้ว ความสัมพันธ์จึงไม่ธรรมดา วันนี้พอเห็นสภาพที่เหี่ยวเฉาของนาง ก็ต้องรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นเรื่องธรรมดา พอเห็นมิตรสหายญาติสนิทมาเยือน จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเพื่อระบายความทุกข์ออกมา
พอพูดถึงเรื่องของเฟิงฮูหยินน้อย ซูกวงฉงจึงชูจอกเหล้าขึ้นพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณกับเหยาหย่วนจือ “ต้องขอบคุณคุณหนูรองตระกูลเหยาที่ยื่นมือมาช่วยเหลือได้ทันเวลา ทำให้รักษาชีวิตสะใภ้ของผิงเอ๋อร์ไว้ได้ ท่านพี่เหยา ข้าขอคารวะเหล้าจอกนี้แก่ท่านด้วยความเลื่อมใส ขอบคุณที่ท่านสั่งสอนบุตรีออกมาได้ดีเช่นนี้”
เหยาหย่วนจือพลันคลี่ยิ้ม “ท่านโหวเกรงใจเกินไปแล้ว นางก็แค่ช่วยเหลือตามที่ตนเองสามารถทำได้เท่านั้น อีกอย่าง ฮูหยินท่านซื่อจื่อเป็นคนดี สวรรค์ย่อมปกป้องคุ้มครองอยู่แล้ว แล้วยังบรรพบุรุษที่คอยปกปักรักษาองค์หญิงต้าจั่งและจวนโหว ก็ย่อมสามารถเปลี่ยนเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว นี่ไม่ได้เป็นเพราะการช่วยเหลือจากบุตรีของข้าทั้งหมดหรอก”
“พูดเช่นนี้ไม่ได้” ซูกวงฉงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้พลางคิด หากพูดถึงบรรพบุรุษคอยปกปักรักษาจวนโหว แล้วเหตุใดถึงไม่คุ้มครองทารกคนนั้นไว้? วันนี้บุตรชายคนโตของฮูหยินเสียลูกชายไปแล้ว วันข้างหน้าตำแหน่งโหวนี้จะสืบทอดต่อไปได้อย่างไร เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ทำให้ท่านซูโหวรู้สึกเคร่งเครียดที่สุดในช่วงเวลานี้
เหยาหย่วนจือเดาความกังวลในใจของท่านซูโหวออกอยู่แล้ว แค่ว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา ต่อให้ครอบครัวบุตรชายคนโตไม่มีลูกชาย ก็ยังมีครอบครัวบุตรชายคนรอง เหตุใดถึงไม่ตกทอดถึงครอบครัวบุตรชายคนที่สามที่เป็นครอบครัวบุตรีของเขาล่ะ ดังนั้นเขาจึงชูจอกขึ้นแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
และพอเอ่ยถึงเหยาเยี่ยนอวี่ ทันทีที่นางเข้าจวนโหวก็มุ่งหน้าไปยังเรือนฉีเสียงเพื่อพบปะกับเหยาเฟิ่งเกอ เหยาเฟิ่งเกอเห็นนางมาจึงรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก นางเลยสั่งให้ซานหูและหู่พั่วไปยกน้ำชาและขนมทานเล่นมา จากนั้นก็ดึงเหยาเยี่ยนอวี่ไปนั่งพูดคุยเล่นในเรือนอันอบอุ่น
ทั้งสองพี่น้องเพิ่งเสวนากันไปไม่กี่คำ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยที่ดังจากนอกเรือน “คุณหนูรองตระกูลเหยามาที่นี่แล้วใช่หรือไม่”
เหยาเฟิ่งเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วไม่พูดไม่จา เหยาเยี่ยนอวี่ฟังออกว่านั่นเป็นเสียงซุนฮูหยินน้อย ระหว่างที่พูดคุย เหล่าสาวใช้ก็เลิกม่านขึ้น จากนั้นซุนฮูหยินน้อยก็พาบุตรชายซูจิ่นเซวียนเข้ามาในเรือน
เหยาเยี่ยนอวี่พยุงเหยาเฟิ่งเกอลุกขึ้น ซุนฮูหยินน้อยรีบเดินเข้าไปแล้วคลี่ยิ้มพลางพูด “น้องสะใภ้รีบนั่งลงเถอะ เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ห้ามทำให้ตนเองเหน็ดเหนื่อยเด็ดขาด” จากนั้นก็หันไปส่งยิ้มให้เหยาเยี่ยนอวี่ “ได้ยินว่าน้องสาวมาเยือน พี่สาวเองก็มีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากน้องสาว”
“พี่สะใภ้รองมีเรื่องอะไรก็สั่งเยี่ยนอวี่ได้เลยเจ้าค่ะ แล้วยังจะบอกว่ามาขอความช่วยเหลือเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” เหยาเฟิ่งเกอคลี่ยิ้มบางๆ
“ไม่กล้าพูดเช่นนั้นหรอก น้องสาวไม่ใช่คนที่สามารถเรียกใช้งานอย่างกะทันหันได้เสียหน่อย” ซุนฮูหยินน้อยคลี่ยิ้ม แล้วหันไปดึงซูจิ่นเซวียนเอาไว้ จากนั้นพูดขึ้น “เด็กคนนี้ท้องไส้ไม่ดีอย่างกะทันหันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จนถึงเช้าวันนี้ก็ถ่ายไปสี่ครั้ง เจ้าดูสีหน้าของเขาช่างซีดเหลืองยิ่งนัก ดวงตาก็ไร้ชีวิตชีวา จึงอยากจะขอให้น้องสาวช่วยดูอาการว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เหยาเฟิ่งเกอทำสีหน้าที่คละเคล้าด้วยรอยยิ้ม ทว่าภายในนัยน์ตากลับเปล่งประกายความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย น้องสาวของนางเพิ่งจะมาเยี่ยมเยียนพี่สาวในวันนี้ นางไม่ใช่หมอหลวงที่หาเลี้ยงตนด้วยการอาศัยรายได้จากการรักษาผู้ป่วยเสียหน่อย แค่เด็กน้อยคนหนึ่งท้องไส้ไม่ดีก็มาหาถึงที่เช่นนี้ นี่นางใช่ทำเกินไปหรือไม่ เหยาเฟิ่งเกอแม้รู้สึกขุ่นเคืองใจทว่ากลับไม่สามารถสื่อออกมาผ่านดวงหน้าได้ จึงทำได้เพียงคลี่ยิ้มอ่อนๆ “เช่นนั้นก็ให้น้องรองดูอาการหน่อยเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่กลับเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร นางดึงมือเล็กๆ ของซูจิ่นเซวียนมาจับชีพจร แล้วก็ให้เขาอ้าปากแล้วมองฝ้าของลิ้น หลังจากนั้นจึงพูดขึ้น “เป็นเพราะม้ามและกระเพาะรับพิษเย็นเข้าไป แล้วยังกินอาหารที่ย่อยยาก ทว่าไม่ได้ร้ายแรงอะไร ม้ามและกระเพาะของเด็กน้อยไม่ดีก็ไม่ต้องกินยาสมุนไพร ฮูหยินน้อยรองแค่กลับไปแล้วเอาโกฐรูปแท่งรมยาตรงจุดจงหว่าน จุดจู๋ซานหลี่และจุดกวนหยวน[1] สามจุดนี้ และใช้เวลาหนึ่งจุดต่อหนึ่งเค่อก็พอ จากนั้นก็รมยาติดต่อกันสองสามวันก็จะดีขึ้นเอง ช่วงนี้อากาศเหน็บหนาว จึงอย่าให้เขากินของเย็นและของมัน”
ซุนฮูหยินน้อยได้ยินคำพูดนี้ จึงถามด้วยรอยยิ้มที่แปลกใจ “โกฐรูปแท่งสามารถเตรียมไว้ได้ ทว่าจุดสามจุดที่น้องสาวพูดถึงอยู่แห่งใดกันแน่ น้องสาวช่วยบอกข้าที ข้าจะได้จดจำเอาไว้”
เหยาเยี่ยนอวี่ครุ่นคิดสักพัก แล้วพูดขึ้น “หากเป็นเช่นนั้น ข้ารมยาให้เขาหนึ่งครั้งก่อน เยี่ยงนี้จะได้ทำให้ฮูหยินน้อยรอง แม่นมและคนอื่นจดจำเอาไว้”
ซุนฮูหยินน้อยคลี่ยิ้ม “เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก เพียงแต่ว่าน้องสะใภ้สามจะสูดดมกลิ่นของโกฐรูปแท่งได้หรือไม่”
เหยาเฟิ่งเกอคลี่ยิ้ม “ข้าไม่ชอบกลิ่นของธูปควันเช่นนี้อยู่แล้ว ทว่าเพื่อทำการรักษาอาการป่วยของเซวียนเอ๋อร์ ข้าสามารถทนได้ ไม่เป็นไร”
“เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่! ข้าไม่อยากจะทำให้หลานชายใหญ่ในครรภ์ของเจ้าต้องลำบากเพราะบุตรชายของข้า” ซุนฮูหยินน้อยคลี่ยิ้ม “อย่างไรเรือนของพวกเราก็ใกล้กัน ไม่เช่นนั้นก็รบกวนน้องสาวไปที่เรือนของข้าทีเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่หันไปมองเหยาเฟิ่งเกอ เหยาเฟิ่งเกอขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น “ไหนๆ พี่สะใภ้รองก็พูดออกมาแล้ว เช่นนั้นก็ไปเถอะ” กล่าวจบ ก็สั่งการหลี่หมัวมัว “เจ้าติดตามคุณหนูรองไปคอยปรนนิบัติรับใช้นาง”
ซุนฮูหยินน้อยคลี่ยิ้มแล้วดึงมือเหยาเยี่ยนอวี่ จากนั้นก็กล่าวกับเหยาเฟิ่งเกอ “เช่นนั้นข้าพานางไปก่อน”
เหยาเฟิ่งเกอคลี่ยิ้ม “ไปเถอะ อาหารเที่ยงก็วานให้ท่านช่วยจัดเตรียมให้นางที”
เหยาเยี่ยนอวี่มองสะใภ้ทั้งสองคนนี้พูดคุยหยอกล้อกันไปมา ท่าทางดูมีความสุขยิ่งนัก ภายในใจจึงแอบครุ่นคิด คนพวกนี้เหตุใดจึงแสดงละครตบตาเก่งถึงเพียงนี้! ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบัน ทุกคนก็คงจะเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม
ซุนฮูหยินน้อยพาเหยาเยี่ยนอวี่กลับไปที่เรือนอันจวูของตน หลังจากเข้าประตูไป ซุนฮูหยินน้อยจึงสั่งการสาวใช้ของตนชิงซิ่ง “ไปบอกท่านแม่ให้คนส่งชาหยุนลู่มาให้คุณหนูเหยาที”
ชิงซิ่งจึงขานตอบแล้วรีบไปชงน้ำชาทันที
เหยาเยี่ยนอวี่รีบเอ่ยขึ้น “รักษาอาการป่วยของเซวียนเกอเอ๋อร์ก่อนเถอะ ดูจากท่าทางเช่นนี้ของเขาช่างน่าสงสารยิ่งนัก เกรงว่าคงจะรู้สึกไม่สบายท้อง”
“น้องสาวช่างมีจิตใจงดงามยิ่งนัก” ซุนฮูหยินน้อยพูดคุยไปด้วยและดึงเหยาเยี่ยนอวี่เข้าไปในเรือนนอน จากนั้นก็หันหลังสั่งการแม่นมของซูจิ่นเซวียนให้พาซูจิ่นเซวียนเข้ามา
แม่นมจึงขานรับ แล้วจูงมือเล็กๆ ของซูจิ่นเซวียนเข้าประตูไป อุ้มเขาไปนอนลงบนตั่งไม้ และคุกเข่าลงถอดรองเท้าของเขาออก ต่อมาก็คลายขากางเกงออก จากนั้นก็พับกางเกงทรงเล็กที่เป็นผ้าต่วนขึ้น เผยให้เห็นถึงน่องขาเด็กเล็ก
คนเผาโกฐรูปแท่งด้านในนานแล้ว เหยาเยี่ยนอวี่หาตำแหน่งจู๋ซานหลี่และชี้ให้แม่นมของซูจิ่นเซวียนดู จากนั้นก็ใช้โกฐรูปแท่งรมยาให้กับซูจิ่นเซวียน หลังจากหนึ่งเค่อผ่านไป เหยาเยี่ยนอวี่ก็ให้คนเปิดเสื้อของซูจิ่นเซวียนออก เผยให้เห็นถึงท้องน้อย แล้วก็ชี้ตำแหน่งจงหว่านและกวนหยวนให้กับแม่นมดู พร้อมกับกำชับขึ้น “ระวังความร้อนของโกฐรูปแท่ง อย่าให้ประกายไฟไปโดนท้องของเด็กน้อย แล้วก็ให้ระวังเรื่องเวลาด้วย เวลารมยาก็อย่างน้อยต้องหนึ่งเค่อ หากจะนานกว่านี้ก็ไม่เป็นอันใด”
ซุนฮูหยินน้อยมองแม่นมคอยรมยาให้กับบุตรชายของตน จากนั้นก็ดึงเหยาเยี่ยนอวี่ไปนั่งลงข้างๆ พร้อมกับสั่งให้สาวใช้ยกน้ำอุ่นมาให้เหยาเยี่ยนอวี่ล้างมือ แล้วพูดด้วยความเกรงใจ “น้องสาว ดื่มชาก่อนเถอะ นี่เป็นชาพระราชทานจากวังหลวง ข้างนอกไม่มีให้ดื่มนะ”
เหยาเยี่ยนอวี่กล่าวขอบคุณ แล้วรับชาอันหอมกรุ่นมา เป็นจริงดังที่กล่าว ชานี้ไม่มีชาอื่นใดมาเทียบเทียมได้เลย คงเป็นชาชั้นดี แค่เสียดายที่นางไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับชา ปกติก็ดื่มเพียงน้ำอุ่นเสียเป็นส่วนมาก
[1] จุดจงหว่าน จุดจู๋ซานหลี่และจุดกวนหยวน เป็นจุดฝังเข็มที่เพิ่มพลังม้ามและไต