ผ่านไปสักพัก สุดท้ายเหยาเยี่ยนอวี่ก็ทำลายบรรยากาศอันเงียบกริบนี้ทันที “เรื่องวันนี้ ต้องขอบคุณท่านแม่ทัพเป็นอย่างยิ่ง”
“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเองก็อยู่ในจวนกั๋วกงพอดี พอเห็นใต้เท้าเหยาดื่มสุราจนเมา ข้าก็ถือว่าแวะมาส่งเขาระหว่างทางกลับจวนเท่านั้น” เว่ยจางจับถ้วยชากระเบื้องลายครามเอาไว้ นัยน์ตาลุ่มลึกคู่นั้นกำลังจับจ้องเหยาเยี่ยนอวี่ เขาไม่อยากคลาดสายตาจากนางแม้แต่นิดเดียว
เหยาเยี่ยนอวี่ถูกเขาจับจ้องเหมือนนางเป็นตัวประหลาด จึงทำให้นางทำตัวไม่ถูก ทว่ากลับมีเหตุผลหลายอย่างที่ไม่สามารถแตกคอกับเขาได้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงก้มหน้าจิบชา
เว่ยจางกลับรู้สึกว่าไม่ง่ายเลยที่ตนจะมาที่นี่ในครั้งนี้ จึงไม่อยากปล่อยให้เรื่องมันจบลงที่นั่น ดังนั้นเขาพูดขึ้นอย่างช้าๆ “คุณหนูเหยา วันนี้ตอนอยู่ในจวนกั๋วกง ท่านกั๋วกงสนทนาเรื่องหนึ่งกับใต้เท้าเหยา”
“อ้อ? เรื่องอะไรหรือ” ทีแรกเหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่ได้อยากรู้ว่าเจิ้นกั๋วกงพูดอะไรกับบิดาของตน แต่ก็ต้องถามพอเป็นพิธี
เว่ยจางจึงพูดขึ้นด้วยท่าทีที่ไม่สะทกสะท้าน แล้วค่อยๆ เอ่ยอย่างชัดเจน “เรื่องงานสมรสของคุณหนูเหยา”
“เอ๋อ?” เหยาเยี่ยนอวี่เงยหน้าขึ้นทันที แล้วมองเว่ยจาง นัยน์ตาเคล้าด้วยความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวที่ไม่อาจบดบังได้
เว่ยจางมองเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วทำสีหน้าที่นิ่งเฉย จากนั้นก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก แค่รอให้นางเอ่ยถาม
ผ่านไปสักพัก เหยาเยี่ยนอวี่จึงแย้มยิ้มพลางส่ายหน้า กลับไม่ได้ถามให้มากความ
แม่นางคนนี้ช่างสงบนิ่งจริงๆ! เว่ยจางลอบถอนหายใจ สุดท้ายก็อดใจไม่ได้ จึงพูดขึ้น “คุณหนูเหยาไม่อยากรู้เลยหรือว่าท่านกั๋วกงพูดอะไร”
เหยาเยี่ยนอวี่สามารถคาดเดาได้บ้าง ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในสวนดอกเหมยในจวนองค์หญิงใหญ่ หันซังเย่ว์พาเว่ยจางปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าตนและหันหมิงชั่น เว่ยจางก็เคยพูดคำพูดเหล่านั้นกับตน ตอนนั้นตนมึนเมา หรือจะบอกได้ว่าตนแกล้งเมา จึงทำเป็นจำอะไรไม่ได้ ทว่าดูๆ แล้วเรื่องมันคงไม่จบเพียงเท่านี้
วันนี้จวนเจิ้นกั๋วกงพูดถึงงานสมรสของตนเองอีกครั้ง และตอนนี้เว่ยจางก็มาส่งบิดาและพี่ชายกลับมา ดูๆ แล้วเจิ้นกั๋วกงและองค์หญิงใหญ่คิดจะจับคู่ตนกับเว่ยจางให้แต่งงานกันแน่นอน!
เหยาเยี่ยนอวี่คิดถึงเรื่องพวกนี้ สีหน้าจึงนิ่งเฉยกว่าเดิม แล้วเอ่ยถาม “ที่ผ่านมาเรื่องงานสมรสก็มีบิดามารดาเป็นผู้ตัดสินใจ หากข้ารู้แล้วจะอย่างไร หากข้าไม่รู้แล้วจะอย่างไร”
เว่ยจางจ้องหน้าเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วค่อยๆ เอ่ยถามขึ้น “ทว่าใต้เท้าเหยาบอกว่า ตั้งแต่เด็กจนโตเจ้าก็ถูกฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลเจ้าเลี้ยงดูมาอย่างรักใคร่ตามใจ และงานสมรสของเจ้า เจ้าจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจ? ไม่ทราบว่าเรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่”
เหยาเยี่ยนอวี่นิ่งงันไป ภายในใจจึงคิดว่า บิดาช่างเป็นคนรักษาคำมั่นสัญญา เจิ้นกั๋วกงมาสู่ขอถึงเช่นนี้แล้ว เขากลับไม่ได้ตอบตกลงในทันที ถึงแม้ว่าจะสรรหาเหตุผลที่น่าขบขันเล็กน้อย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการตอบตกลงของเรื่องนี้ ทว่าอย่างน้อยเขาก็ถือว่ารักษาคำพูดที่เคยให้กับตน พอเห็นเช่นนี้ บิดาคนนี้ของตนก็ไม่ใช่ไม่เคยให้ความสำคัญกับเรื่องของตนเสียเลย
ไหนๆ บิดาก็ไม่ได้ตอบตกลง เหยาเยี่ยนอวี่เองก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาทันที ดังนั้นจึงคลี่ยิ้มอ่อน แล้วเอ่ยถามอีกครั้ง “เหตุใดแม่ทัพเว่ยถึงอยากจะถามเรื่องนี้เช่นนี้ ท่านจำต้องจับผิดพ่อลูกอย่างพวกเราถึงจะรู้สึกสบายใจใช่หรือไม่”
“เปล่า ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” เว่ยจางพลันโบกมือปฏิเสธ แล้ววางถ้วยชาลงบนโต๊ะสูงด้านข้าง จากนั้นก็ลุกขึ้นพลางค่อยๆ เดินไปตรงหน้าชั้นวางที่อยู่ข้างๆ แล้วเอาจอกเหล้าสำริดจีนโบราณมาเล่น “คุณหนูเหยายังจำคำพูดครั้งก่อนที่ข้าเคยบอกเจ้า ตอนที่ได้เจอกันตรงสวนดอกเหมยในจวนองค์หญิงใหญ่ได้หรือเปล่า”
เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกว่าหัวใจถูกบีบรัดขึ้นมาทันที กำลังครุ่นคิดว่า หมอนี่ช่างหน้าด้านเหลือเกิน ยังอยากจะสารภาพรักกับตนเป็นครั้งที่สองหรือไร
ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ปล่อยให้เขาเอ่ยอย่างเรื่อยเปื่อยก่อนค่อยว่ากัน! เหยาเยี่ยนอวี่ตัดสินใจเสร็จ ก็ค่อยๆ ลุกขึ้น พลางน้อมคำนับให้เว่ยจาง “วันนั้นข้าดื่มสุราจนมึนเมา เรื่องบางเรื่องข้าก็จำไม่ได้ ท่านแม่ทัพได้โปรดเห็นใจ”
“ไม่เป็นไร ไหนๆ คุณหนูเหยาก็เมาสุราในวันนั้น จึงไม่ได้ตั้งใจฟัง คืนนี้ข้าจะพูดกับเจ้าอีกครั้ง” เว่ยจางหันหลังกลับไป แล้วมองเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยความนิ่งสงบ นิ้วมือของเขาเอาตุ้มหูหยกอันหนึ่งออกมา แล้วค่อยๆ พูดขึ้น “ตั้งแต่วันนั้นที่เดินทางกลับเมืองหลวง ตอนที่ได้รับต่างหูของคุณหนูที่ตกลงมาบนถนนเสวียนอู่ ข้าเว่ยจางก็ได้จดจำคุณหนูไว้ในใจ ทุกครั้งที่ได้เจอ ก็ยิ่งทำให้ข้ามั่นใจว่าคุณหนูเป็นแม่นางที่ข้าหมายปอง ครั้งนี้ท่านกั๋วกงทรงเอ่ยถึงเรื่องงานสมรสของคุณหนูกับบิดาของคุณหนู ทว่าบิดาของคุณหนูกลับบอกว่าเรื่องงานสมรส คุณหนูจะเป็นคนตัดสินใจเอง ดังนั้น วันนี้ข้าจึงอยากจะถาม คุณหนูเหยา ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เจ้าถึงจะยอมสมรสเป็นภรรยาของข้า”
เหยาเยี่ยนอวี่มองต่างหูที่อยู่ที่มือของเว่ยจาง ต่างหูเล็กๆ ที่ห้อยลงมาเหมือนหยดน้ำกำลังถูกนิ้วมืออันเรียวยาวจับเอาไว้ แสงเทียนส่องลงบนหยกเขียว ทำให้ประกายแสงออกมาอย่างสวยงาม เหยาเยี่ยนอวี่มองแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย
การสารภาพรักเช่นนี้ แท้จริงแล้วเป็นการสารภาพที่เรียบเฉยยิ่งนัก เหมือนเขาแค่พูดความจริงออกมาเพียงไม่กี่คำ ไม่ใช่คำพูดที่สวยหรู ยิ่งไม่มีคำพูดที่ให้คำมั่นสัญญาว่าเขาจะรักจนชั่วฟ้าดินสลาย แม้นมหาสมุทรไร้ธารา แม้นภูผาพังทลาย ก็จะรักนางชั่วนิรันดร์
ทว่าเพียงคำพูดเรียบง่ายไม่กี่คำ กลับทำให้เหยาเยี่ยนอวี่ที่มีชีวิตมาสองชาติยังรู้สึกหวั่นไหวในใจ
เวลานั้น คำพูดที่ตอบตกลงแทบจะหลุดออกจากปาก ทว่านางกลับพยายามอดกลั้นไว้ไม่ให้พูดออกมา สำหรับเรื่องหลายเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากวันนั้น ทุกครั้งที่เหยาเยี่ยนอวี่นึกย้อนถึงสถานการณ์ในคืนนั้น นางก็จะรู้สึกปลาบปลื้มยินดีในสติปัญญาของตน
“ท่านแม่ทัพเว่ยกล่าวจริงจังเกินไปแล้ว!” เหยาเยี่ยนอวี่พยายามละสายตาออกจากต่างหูข้างนั้น แล้วเม้มปากพลางพูดขึ้นต่อ “ข้ายังไม่คิดที่จะออกเรือนในตอนนี้”
“คำพูดนี้ความหมายว่าอะไร หรือว่าคุณหนูเหยาไม่อยากจะออกเรือนไปชั่วชีวิต” เว่ยจางไม่เข้าใจ แท้จริงแล้วตอนที่แม่นางผู้นี้มองตน นัยน์ตาก็เจือไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ ทว่านางกลับปากแข็ง
เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้มบางๆ “หากสตรีสามารถยืนด้วยขาของตนเอง แล้วจะออกเรือนไปเพื่ออะไรกัน ในมุมมองของข้า การหาบุรุษคนหนึ่งก็เท่ากับว่าหาเรื่องหาปัญหาใส่ตัว เทียบไม่ได้กับการอยู่ตัวคนเดียว ไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องคอยคิดคำนึงถึงใคร ชีวิตเป็นอิสระมากกว่า”
เว่ยจางหัวเราะด้วยเสียงแผ่วเบา กลับไม่พูดไม่จา แค่ยกมือแล้วกำต่างหูข้างนั้นไว้ในฝ่ามือ
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง
เหยาเยี่ยนอวี่ยืนไปสักพัก ก็รู้สึกเมื่อยขา เว่ยจางก็ไม่คิดจะนั่งลง นางเองก็คงไม่กล้านั่งลง ทั้งสองคนไม่พูดไม่จา จึงทำให้รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก สุดท้ายจึงต้องทำลายความเงียบสงบนี้ “ท่านแม่ทัพได้โปรดให้อภัย บิดาและพี่ชายยังคงมีอาการเมาสุรา เยี่ยนอวี่ไม่ไว้วางใจจริงๆ จึงอยากจะเข้าไปดูอาการของพวกเขาหน่อย”
เว่ยจางหัวเราะขึ้นทันใด ไม่ใช่การหัวเราะด้วยเสียงแผ่วเบา ทว่ากลับเป็นการหัวเราะด้วยเสียงดัง
เหยาเยี่ยนอวี่ถูกคนผู้นี้หัวเราะจนต้องหยุดชะงักไป ไม่รู้ว่าเขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมา
เว่ยจางหัวเราะไปสักพัก ก็สาวเท้ามาอยู่ตรงหน้าเหยาเยี่ยนอวี่ จากนั้นก็มองตานาง แล้วเอ่ยคำพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำและแหบพร่าเล็กน้อย อีกทั้งยังมีกลิ่นอ่อนๆ ของสุราที่กำลังกระทบลงบนใบหน้าของเหยาเยี่ยนอวี่ “คุณหนูเหยา เจ้าบอกว่าเจ้าไม่อยากจะออกเรือนในตอนนี้ เช่นนั้นข้าจะรอเจ้าไปสักระยะ รอให้เจ้าอยากจะออกเรือนเมื่อใด ข้าจะให้แม่สื่อมาสู่ขอเจ้าถึงที่ ดีหรือไม่”
“…” เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกคล้ายสำลักเหมือนมีเลือดค้างอยู่ในลำคอ จากนั้นก็จ้องหน้าบุรุษผู้นี้อย่างหงุดหงิดโมโห แล้วหันข้างเดินหลบไปสองก้าว
เว่ยจางหัวเราะออกมาเสียงดังอีกครั้ง แต่กลับไม่ได้เอ่ยมากความ แค่หันหลังเดินไปตรงประตู แล้วจากไปเพียงลำพัง
เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจออกมา พยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็สั่งการบ่าว “ไปปิดประตูและเฝ้าประตูใหญ่ไว้ให้ดี ไม่ว่าใครจะมาเยือน ก็บอกว่านายท่านกำลังพักผ่อน ไม่สะดวกที่จะรับแขก”
บ่าวรับใช้ที่อยู่นอกประตูขานรับ เหยาเยี่ยนอวี่หันหลังแล้วเดินไปที่เรือนด้านหลัง