บทที่ 56
ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
จากนั้นเขาก็ได้ออกจากบ้านหลังสีเขียวแล้วกลับไปที่ว่าการเมือง
“นายท่านขอรับ” เมื่อหลี่เจิ้นฮุยกลับมาที่ว่าการเมือง ผู้คนต่างก็เรียกเขาว่า “นายท่าน” ตลอดทาง ซึ่งทำให้เขาเชิดหัวขึ้นสูงและมองคนอื่นๆด้วยจมูก
“ท่านเจ้าเมืองไปไหนมารึ?”
หลี่เจิ้นฮุยก็ตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่เย็นชา เขาจึงได้รีบก้มหัวแล้วมองไปที่องค์ชายที่กำลังนั่งรถเข็นอยู่ตรงหน้าเขาแล้วกล่าว “องค์ชายขอรับ ข้าออกไปตรวจความเสียหายในเมืองมาน่ะขอรับ”
เจียงหวายเย่ก็ได้ผงกหัว แล้วหน้าบนใบหน้าของเขาก็ได้สะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ “เหนื่อยหน่อยนะท่านหลี่”
“เทียบมิได้กับองค์ชายที่ต้องทุกข์ทรมานหรอกขอรับ ท่านมาที่นี่เพื่อบรรเทาทุกข์ แต่ไม่คิดเลยว่าโรคระบาดจะแพร่กระจายกะทันหันเช่นนี้ แม้แต่องค์ชายก็ยังติดโรคไปด้วย” หลี่เจิ้นฮุยได้บีบใบหน้าอ้วนๆของเขาแล้วแสดงความสงสารต่อทุกสรรพสิ่ง
หลินซีเหยียนก็ได้ออกมาพบกับเจียงหวายเย่ และเมื่อนางพบกับหลี่เจิ้นฮุย เพราะนางไม่เคยพบกับเขามาก่อน หลินซีเหยียนจึงได้มองไปที่เจียงหวายเย่ด้วยความสงสัย
เจียงหวายเย่จึงได้แนะนำตามมารยาท “นี่คือเจ้าเมือง ชิงโจวชื่อว่าหลี่เจิ้นฮุย”
หลินซีเหยียนก็ได้เรียกว่าท่านหลี่อย่างนอบน้อม
หลี่เจิ้นฮุยที่พอจะเดาตัวตนของหลินซีเหยียนได้ ก็ได้รีบคำนับแล้วกล่าว “ช่างเป็นเกียรติของผู้น้อยยิ่งนักที่ได้พบกับพระชายา”
“เอาเป็นว่าก็รู้จักกันแล้วนะ ท่านหลี่ก็ไปทำงานของท่านเถอะ หากท่านมีปัญหาอะไรอยากให้ข้าช่วยก็บอกกับข้ามาได้เลย” เจียงหวายเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเช่นเคย
หลี่เจิ้นฮุยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกราวกับว่าเขานั้นได้รับอภัยโทษแล้วรีบจากไปทันที
หลังจากที่ยืนยันได้ว่าหลี่เจิ้นฮุยลับตาไปแล้วนั้น หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่แล้วกล่าวอย่างเบาๆ “ชายคนนี้เองก็ติดโรคด้วยเช่นกัน”
เจียงหวายเย่ผงกหัว “ก็ชาวบ้านเกือบทั้งหมดในเมือง ชิงโจวก็ติดโรคกันหมดนั่นแหละ”
คนที่ไม่ทราบเรื่องนี้ก็คงจะตื่นตระหนกมาก ข้าเองก็กำลังศึกษาหายาแก้พิษและเส้นทางขนส่งอยู่ ข้าเชื่อว่าน่าจะพบวิธีได้ในไม่ช้า” หลินซีเหยียนกล่าวสัญญา
หลังจากที่พูดจบ นางก็มองไปที่เจียงหวายเย่ “องค์ชายข้าขอออกไปข้างนอกหน่อยนะ”
เจียงหวายเย่รู้ดีว่านางคงมีเหตุผลของนาง แต่เพราะความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของนาง เจียงหวายเย่จึงกล่าว “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
“ไม่มันสะดวกสำหรับท่านที่จะเคลื่อนย้ายไปมา ข้าสามารถทำคนเดียวได้ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” หลินซีเหยียนกล่าวและจากไป
เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องไปที่ด้านหลังของหลินซีเหยียน แล้วจากนั้นก็มีคนโผล่ออกมาด้านหลังของเจียงหวายเย่จากในความมืด “องค์ชาย ท่านหลี่นั้นไปพบกับชายคนหนึ่ง ซึ่งชายคนนั้นได้ขอให้ท่านหลี่วางยาพระชายาและทำให้นางป่วยขอรับ”
เจียงหวายเย่ได้ยินเช่นนี้ก็มีแววตาที่เย็นชาออกมาจากดวงตาของเขา “ในเมื่อเขาคิดจะล่วงเกินกับเปิ่นหวาง ก็ฆ่าเขาเสีย!”
อันอี้รับคำสั่งแล้วก็หายไป แล้วเจียงหวายเย่ที่นั่งอยู่ที่รถเข็นนั้น ที่มุมปากของเขาก็ได้แสยะยิ้มออกมา พี่ชายของเขานั้นทำทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตของเขา! แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ปล่อยให้ทำเช่นนั้นแน่
“อันซาน เข็นพาข้ากลับไปที่ห้องที” เจียงหวายเย่รวบรวมความเยือกเย็นของเขากลับคืนมาเป็นดังเดิมแล้วกล่าว
ส่วนหลินซีเหยียนก็ได้เดินไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย ถนนที่กว้างใหญ่นี้บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของที่นี่ในอดีต แต่ในเวลานี้กลับชำรุดทรุดโทรมและอ้างว้าง
“ดูนั่นสิ คนคนนั้นไม่ป่วยล่ะ” ผู้คนที่นอนอยู่ข้างถนนก็ได้มองมาที่หลินซีเหยียนด้วยสายตาแปลกๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่
เดิมทีผู้คนก็แค่มองเฉยๆ แต่มีใครก็ไม่รู้ตะโกนขึ้นมา “นั่นคือพระชายาขององค์ชายเย่ที่ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป”
มองไปที่สายตาของผู้คนที่ในเวลานี้ไม่ใช่สายตามองหาอะไรอีกแล้ว แต่กลายเป็นความเกลียดชังแทน หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดและนึกได้ว่านางยังไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีเลยนะ
ในขณะที่นางกำลังไขว้เขวอยู่นั้น ก็มีไข่เน่าโยนมาที่นาง หลินซีเหยียนก็ได้โยกหลบทันที แล้วไข่ก็ตกลงที่พื้นและส่งกลิ่นเน่าเหม็นออกมา
“ดาวแห่งหายนะ ออกไปจากชิงโจวเดี๋ยวนี้นะ เป็นเพราะองค์ชายเย่กับเจ้าที่นำพาโรคร้ายนี้มา”
เมื่อมีคนเปิดคนอื่นๆก็เริ่มมีความกล้าขึ้นมา แล้วพวกเขาก็เริ่มขว้างทุกสิ่งทุกอย่างที่มี พร้อมกับตะโกนไล่ไปด้วย
เมื่อของเหล่านี้โยนมา ก็มีบางอย่างที่หลินซีเหยียนหลบได้ ส่วนที่หลบไม่ได้ก็โดนเข้ากับตัวของนาง หลังจากนั้น หลินซีเหยียนก็รู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งนาง และมีความรู้สึกเหมือนมีของเหลวไหลจากหน้าผากของนางบ่งบอกหลินซีเหยียนว่านางนั้นหัวแตก
ในขณะที่นางคิดจะตอบโต้ ก็มีชายคนหนึ่งที่ได้ทรุดลงไปกับพื้น และไม่มีใครที่คิดจะออกมาช่วยเขา กลับกันผู้คนก็ได้พาเอาตัวถอยห่างจากเขาด้วยสีหน้าที่เสียใจบนใบหน้า
หลินซีเหยียนก็ได้เช็ดเลือดที่หน้าผากของนาง แล้วเดินเข้าไปหาคนที่ล้มลงไปเมื่อสักครู่ แล้วจากนั้นก็ลงไปช่วยคนคนนั้นนอนราบลงกับพื้น แล้วเผชิญหน้ากับบาดแผลที่เน่าเปื่อยและเต็มไปด้วยหนอง หลินซีเหยียนนั้นไม่ได้คิ้วขมวดเลยตั้งแต่ต้นยันจบ
ฝูงชนก็ได้พากันมองเหตุการณ์นี้อย่างเงียบๆ แล้วจากนั้นก็มีคนพูดขึ้นมา “นางกำลังช่วยคนอยู่?”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น” อีกคนก็ได้ตอบกลับมา
“นางไม่กลัวจะติดโรคบ้างหรือยังไง?”
ผู้คนต่างก็มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยใบหน้าที่จริงจัง แล้วค่อยๆเริ่มมีความหวังขึ้นมาในใจของพวกเขา บางทีพวกเขาและครอบครัวก็อาจจะช่วยได้ เมื่อคิดเช่นนี้พวกเขาก็ได้พากันเดินมาหาหลินซีเหยียน
ไม่นานนักหลินซีเหยียนกับชายคนนั้นก็ถูกล้อมรอบ ผู้ที่เห็นว่าหลินซีเหยียนนั้นทำการบีบเอาเลือดกับหนองออกอย่างชำนาญมาก และทำการให้ยาและพันผ้าพันแผลให้ผู้ป่วย การกระทำอย่างต่อเนื่องนี้เป็นไปได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุดแสดงให้เห็นว่านางมีความสามารถมาก
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ลุกขึ้นยืนและมองไปรอบๆแล้วกล่าว “โรคระบาดนี้ไม่ใช่ความผิดขององค์ชายเย่ เดิมทีองค์ชายถูกสั่งให้มาที่นี่เพื่อปราบกบฏเท่านั้น เขาเองก็ไม่คิดว่าจะมาเจอโรคระบาดที่นี่เช่นกัน แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังติดโรคไปด้วย และองค์ชายนั้นครั้งหนึ่งก็เป็นถึงเทพสงคราม”
แล้วผู้คนรอบๆก็ได้กล่าวอย่างไม่พอใจ “แล้วทำไม องค์ชายถึงไม่ช่วยพวกเราบ้าง แล้วปล่อยให้พวกเราต้องถูกขังอยู่ในบ้านรอความตายด้วยเล่า”
หลินซีเหยียนก็ได้บอกด้วยสีหน้าที่จริงจัง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่างองค์ชายไม่ช่วยเจ้า? ท่านได้ส่งจดหมายไปหาเมืองหลวงไม่นานหลังจากที่มีโรคระบาด และขอให้องค์ชายสิบสี่ขนเอาอาหารและสมุนไพรมาให้ อีกทั้งยังพาหมอมาด้วยมากมาย”
“จริงรึ?” มีบางคนพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่เชื่อ
“ถ้าไม่ใช่ แล้วข้ามาทำอะไรที่นี่ล่ะ? ข้านั้นเป็นคนส่งสารที่มาก่อนเพื่อบอกให้องค์ชายส่งทหารไปรับเสบียง” หลินซีเหยียนอธิบายอย่างอดทน
มีบางคนในฝูงชนนั้นที่เห็นท่าว่าไม่ดีและแอบที่จะหนีออกมา ใครจะรู้ว่าทันทีที่เขาเดินเข้ามาในตรอกแคบๆนั้น เขาก็พบกับคนที่ห่อหุ้มด้วยผ้าดำเข้า
“เจ้าเป็นใครหลีกไปเดี๋ยวนี้ อย่ามาขวางทางข้า” คนคนนั้นต้องการที่จะหลบหนีอย่างร้อนรนและมองไปที่ชายชุดดำแล้วกล่าว
ชายชุดดำก็เหมือนกับไม่ได้ยินที่พูดแล้วเดินเข้าไปหาเขา ชายคนนั้นที่เห็นท่าว่าไม่ดีและอยากที่จะหนี แต่ทว่าก็ถูกคว้าคอเอาไว้เสียก่อน แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้ส่งตัวเขาให้อันเอ้อ แล้วจากนั้นเขาก็เดินไปมองหลินซีเหยียนจากไกลๆ
ฟังหลินซีเหยียนที่อุตส่าห์ช่วยเขาแก้ไขชื่อเสียงที่ไม่ดีของเขาแล้ว สายตาของเจียงหวายเย่ก็ได้อ่อนโยนลงมา
ในขณะที่ผู้คนยังสงสัยอยู่นิดหน่อยว่าที่หลินซีเหยียนพูดมานั้นเรื่องจริงหรือเปล่า? ก็ได้มีข่าวดีปรากฏออกมา
“ชิงโจวรอดแล้ว ทั้งข้าว, สมุนไพร, และหมอมาถึงแล้ว”
“เห็นไหม? ที่ข้าพูดเป็นจริงใช่ไหมล่ะ!” หลินซีเหยียนก็ได้เผยรอยยิ้มออกมา เมื่อรวมเข้ากับใบหน้าที่น่าหลงใหลของนาง ก็ได้ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องตกตะลึงทันที
แล้วแววตาดำมืดก็ได้ปรากฏในดวงตาของเจียงหวายเย่ แล้วเขาก็รู้สึกอยากที่จะเก็บซ่อนเสี่ยวเหยียนเอ๋อเอาไว้ขึ้นมา