บทที่ 58 ทุกสิ่งถูกเปิดเผย “แล้วตอนนี้พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกับข้า?” หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เหล่าชายชุดดำด้วยรอยยิ้มและพูดอย่างใจเย็น “แล้วเจ้าไม่กลัวอย่างนั้นเหรอ?” คนในชุดดำกล่าวอย่างชื่นชมในท่าทีของหลินซีเหยียน หลินซีเหยียนยิ้มกรุ้มกริ่ม “กลัวไปก็ไร้ประโยชน์ ยังไงพวกเจ้าก็ไม่ปล่อยข้าไปอยู่ดี” “ถ้าไม่ได้ยืนอยู่ในจุดที่ต่างกัน บางทีข้าก็คงอาจจะชื่นชมพระชายาที่กล้าหาญสู้กับโรคระบาดไปแล้ว” ด้วยเหตุนั้นชายในชุดดำก็ได้สะบัดมือของเขา แล้วคนอื่นๆก็ได้มาจับหลินซีเหยียนไว้ทันที หลินซีเหยียนก็ถูกจับปิดตาแล้วโยนไว้ในห้องห้องหนึ่ง หลินซีเหยียนตั้งสมาธิฟังเสียงการเคลื่อนไหวรอบๆ หลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ นางก็ได้เรียกบัวแดงกับหน่อเขียวแล้วกล่าว “ช่วยข้าปลดเชือกหน่อย” แต่ก็ไม่มีเสียงอันใดตอบกลับมา หลินซีเหยียนจึงคิ้วขมวด “หน่อเขียว บัวแดง?” “เจ้ากำลังพูดถึงใคร?” มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา หลินซีเหยียนก็ได้เม้มปากของนาง “ทำไมเจ้าถึงยังไม่ออกไปอีก? เจ้าคิดจะทำลายชื่อเสียงของข้าด้วยการให้เจ้าอยู่กับข้าในห้องเดียวกันสองต่อสองรึไง?” “อย่างเจ้ายังเป็นห่วงชื่อเสียงของตัวเองอีกเหรอ?” ชายคนนั้นหัวเราะเบาๆราวกับได้ยินเรื่องตลก เดิมทีหลินซีเหยียนนั้นไม่ค่อยสนใจกับการที่คนอื่นล้อเลียนนางเท่าไรนัก แต่ครั้งนี้มันทำให้นางรู้สึกโมโหขึ้นมา “ตลกมากนักเหรอ?” แต่แล้วชายชุดดำก็ได้สลบไปก่อนที่จะได้พูดอะไร หลินซีเหยียนก็ได้ขว้างเชือกที่มัดนางไว้ที่พื้น จากนั้นนางก็ได้เดินไปหาชายชุดดำที่สลบอยู่แล้วแกะผ้าที่ปิดหน้าของเขาออก ก็พบใบหน้าของหลี่เจิ้นฮุยอยู่ตรงหน้านาง “ที่แท้ก็เป็นท่านเจ้าเมืองนี่เอง” หลินซีเหยียนถอนหายใจ ตัดสินคนจากภาพลักษณ์ภายนอกไม่ได้จริงๆ น้ำทะเลนั้นล้ำลึกสุดหยั่งถึง จากนั้นนางก็ได้หยิบยาออกมาเม็ดหนึ่งแล้วป้อนเข้าปากของหลี่เจิ้นฮุย “ต่อไปก็ต้องแอบออกไป” แล้วหลินซีเหยียนก็เหมือนนึกอะไรดีๆออก แล้วก็แสยะยิ้มออกมาที่มุมปากของนาง เมื่อนางออกมาจากห้องนั้น นางนั้นกำลังสวมชุดของท่านเจ้าเมืองอยู่ แน่นอนว่าแค่เสื้อนอกเท่านั้น แต่หลินซีเหยียนก็ไม่ได้เหลือเสื้อผ้าใดๆไว้ให้ท่านเจ้าเมืองในห้องเลย เมื่อนางกลับมาถึงที่ว่าการเมือง นางก็พบอันอี้ที่มีใบหน้ากระวนกระวาย “เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อเขาเห็นนางที่สวมชุดที่ไม่เข้ากับตัวนางแล้ว แต่เขาก็ไม่มีเวลาที่จะมาถามนางและกล่าวอย่างกระวนกระวาย “พิษขององค์ชายกำเริบขอรับ” “เป็นไปได้อย่างไร?” หลินซีเหยียนก็ได้รีบรุดเข้าไปในห้องของเจียงหวายเย่โดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า “เสื้อผ้าของเจ้า?” เจียงหวายเย่ที่ถึงพิษจะกำเริบแต่ก็สังเกตเห็นชุดของหลินซีเหยียน ซีเหยียนไม่ตอบอะไรแต่รีบรักษาเขาก่อน ดูเหมือนว่าพิษที่ถูกกดเอาไว้จะเริ่มไปหลอมรวมเข้ากับพิษชนิดใหม่แล้ว ซึ่งผลนี้ทำให้นางประหลาดใจมาก “องค์ชายจำเป็นต้องขับพิษออกโดยด่วนแล้ว ไม่อย่างนั้นมันจะร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วในท้ายที่สุดต่อให้ข้าเป็นยมบาลก็เกรงว่าไม่อาจทำให้ท่านหายได้” หลินซีเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น หลังจากที่นางพูดจบ นางก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่ เดิมทีนางคิดว่าเขานั้นเป็นคนที่รู้จักยับยั้งตัวเองและเอาใจใส่ร่างกายของตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่าเจียงหวายเย่จะไม่ได้ทำเช่นนั้นเลย “องค์ชาย ท่านไม่กลัวตายบ้างรึยังไง?” หลินซีเหยียนถาม เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนแล้วกล่าว “ความตายใครบ้างจะไม่กลัว?” “ถ้าเช่นนั้นก็ถนอมร่างกายของตัวเองหน่อย และต่อจากนี้ข้าไม่อนุญาตให้ท่านใช้ยาต้องห้ามอีกแล้ว” หลินซีเหยียนจ้องไปที่เจียงหวายเย่ ด้วยท่าทีที่โมโหมาก ในฐานะหมอแล้ว นางอาจทนเห็นผู้ป่วยที่ไม่รักตัวเองได้ ถ้าเป็นคนอื่นทำหลินซีเหยียนคงไม่เสียเวลามารักษาด้วยซ้ำ เจียงหวายเย่ก็รู้สึกได้ว่าหลินซีเหยียนนั้นโมโหมาก เขาก็ได้ยิ้มขึ้นมาด้วยริมฝีปากที่ซีดและบางของเขา แล้วพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง “เปิ่นหวางรู้ตัวเองดี เปิ่นหวางไม่ตายง่ายๆหรอก” หลินซีเหยียนก็ได้หยิบเอาเข็มเงินออกมาแล้วปักลงไปที่ตัวของเจียงหวายเย่อย่างรุนแรง เจียงหวายเย่จึงได้ร้องออกมาเบาๆ อันอี้แค่มองดูก็รู้ว่าเจ็บจนถึงกับอ้าปากหวอ เขานั้นอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่ก็พูดออกมาไม่ได้ เขาจึงทำได้แค่รู้สึกผิดต่อองค์ชายในใจของเขา องค์ชายนั้นทานยาต้องห้ามลงไปเมื่อเข้าพบว่าพระชายานั้นได้หายตัวไป แต่ก็ไม่ได้ไปเพราะพิษกำเริบเสียก่อน สุดท้ายหลินซีเหยียนก็ช่วยเจียงหวายเย่ระงับอาการของพิษได้แต่เขาก็ต้องหมดสติไป และการที่เขาจะฟื้นได้นั้นจำเป็นต้องหาสมุนไพรอย่างหนึ่งพบก่อน แต่ทว่าสมุนไพรนั้นมีอยู่เพียงชิ้นเดียวในโลกนี้ และยังอยู่ในโกดังของพระราชวังหลวงด้วย “องค์หญิง เวลานี้เราควรจะทำอย่างไรดีขอรับ?” อันอี้ได้หันไปถามหลินซีเหยียน หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางแล้วพูดออกมา “ปล่อยข่าวออกไป ว่าองค์ชายเย่ป่วยหนักและจะตายในไม่ช้า” อันอี้ก็ได้ลืมตากว้าง “พระชายา มีผู้คนมากมายที่จ้องจะเอาชีวิตขององค์ชาย ข้าเกรงว่า…..” “เราปิดบังไปไม่ได้ตลอดหรอก มีบางคนที่จับตัวข้าไปในวันนี้ และคนคนนั้นก็คือหลี่เจิ้นฮุยเจ้าเมืองชิงโจว ข้าเกรงว่าคงจะมีการแสดงที่ยิ่งใหญ่รอพวกเราอยู่พรุ่งนี้แน่” หลินซีเหยียนพูดอย่างประชดประชัน ถึงแม้ว่านางไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องวุ่นวายของเชื้อพระวงศ์ก็ตามที แต่ใครใช้ให้เจียงหวายเย่กับนางนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาในเวลานี้ อันอี้ก็ได้ผงกหัว เขาคิดว่าแม่นางหลินนั้นคงจะมีแผนอะไรบางอย่างอยู่ วันต่อมาก่อนที่จะรุ่งสาง มีคนจำนวนมากได้มาที่ตำหนักของเจียงหวายเย่ ซึ่งนำมาโดยเจ้าเมืองชิงโจว, หลี่เจิ้นฮุย หลี่เจิ้นฮุยที่เห็นหน้าของหลินซีเหยียนก็ได้สีหน้าไม่ดีขึ้นมาทันที แล้วกระซิบนาง “ส่งยาถอนพิษมา” “ยาถอนพิษ? ยาถอนพิษอะไรข้าไม่รู้เรื่อง?” หลินซีเหยียนมองไปที่หลี่เจิ้นฮุยด้วยสีหน้าที่สับสน หลี่เจิ้นฮุยก็ได้ทำเสียงไม่พอใจแล้วจากนั้นก็พูดออกมาเสียงดัง “ฝ่าบาทได้มีราชโองการมาว่า: ข้าทราบมาว่าน้องสี่ของข้าป่วยหนักมากทำให้ใจของข้าเป็นกังวลมาก จึงได้ทำการส่งหมอหลวงให้มาทำการรักษาโรคระบาดที่เมืองชิงโจว “ขอฝ่าบาทจงอายุยืนหมื่นปีหมื่นๆปี” หลินซีเหยียนก็ได้รับราชโองการมาแล้วจากนั้นก็ให้หมอหลวงเข้ามา จากผลการตรวจของหมอหลวงแล้ว หลินซีเหยียนก็รู้ดีว่ามันถึงเวลาที่โรคระบาดจะหายไปแล้ว ฮ่องเต้นั้นได้สร้างโรคระบาดนี้ขึ้นมาเพื่อหวังฆ่าเจียงหวายเย่ เขาจึงได้ส่งหมอหลวงมาเพื่อยืนยันและยุติโรคระบาดปลอมๆนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะรักษาโรคระบาดนี้แล้วแต่ยังได้ชื่อเสียงอีกด้วย ช่างเป็นแผนการขว้างหินก้อนเดียวได้นกสองตัวที่ดีจริงๆ แต่นางนั้นไม่ยอมให้เขาได้สมหวังง่ายๆแน่ หลังจากที่ส่งหมอหลวงไปแล้ว หลินซีเหยียนจึงได้ส่งอันอี้ให้คอยจับตาดูหมอหลวงไว้ให้ดี “พระชายาขอรับ หมอหลวงออกไปตรวจผู้คนแล้วขอรับ” อันอี้มารายงาน หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วแล้วออกไปขโมยอะไรบางอย่าง นางได้พาอันอี้ไปที่ห้องของหมอหลวง แล้วในที่สุดก็พบยาขวดหนึ่ง หลินซีเหยียนก็ได้เอายานั้นออกมาจากขวดบางส่วนแล้วใส่อย่างอื่นลงไปแทน “เรียบร้อย” หลังจากที่จัดการเรียบร้อยแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ออกไปพร้อมกับอันอี้ ในตอนเที่ยงผู้คนจำนวนมากก็ได้มารวมกันที่หน้าที่ว่าการเมือง แล้วหมอหลวงที่ถูกส่งมาโดยฮ่องเต้นั้นก็ได้ออกไปพบกับผู้คน ผู้คนต่างก็พากันขอบคุณหมอหลวงและฮ่องเต้โดยไม่มีข้อยกเว้น หลินซีเหยียนที่เห็นภาพเช่นนี้ก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปากและมองดูเหตุการณ์นี้อย่างเย็นชา จนกระทั่งถึงเวลาตอนเที่ยง ซึ่งเป็นเวลาที่หมอหลวงได้คาดการณ์เอาไว้ที่พวกเขาจะต้องออกไปรักษาอีกรอบ แต่ทว่าพวกเขากลับถูกผู้คนล้อมเอาไว้จนออกไปไม่ได้ เหล่าหมอมองดูผู้คนที่อยู่รอบๆและคิดว่าคนเหล่านี้คงมาขอบคุณพวกเขา เขาจึงได้จับมือแล้วกล่าว “พวกเจ้าไม่ต้องมาขอบคุณพวกข้าหรอก พวกเขาทำไปตามพระประสงค์ของฮ่องเต้เท่านั้น” “ใครอยากมาขอบคุณพวกเจ้ากัน ข้าดื่มยาของพวกเจ้าเข้าไป แผลพุพองหยุดแพร่กระจายแล้ว แต่กลายเป็นผื่นแดงขึ้นมาแทน” ผู้คนก็มองไปที่หมอหลวงด้วยความโกรธ หมอหลวงก็ได้พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไร? ยานั่นมันคือยาแก้พิษนะ!” “ยาแก้พิษอะไรกัน ดูนี่นะ!” แล้วผู้คนก็พากันถกแขนเสื้อขึ้น แล้วก็พบว่าพวกเขาถูกปกคลุมด้วยผื่นสีแดง
บทที่ 58
ทุกสิ่งถูกเปิดเผย
“แล้วตอนนี้พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกับข้า?” หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เหล่าชายชุดดำด้วยรอยยิ้มและพูดอย่างใจเย็น
“แล้วเจ้าไม่กลัวอย่างนั้นเหรอ?” คนในชุดดำกล่าวอย่างชื่นชมในท่าทีของหลินซีเหยียน
หลินซีเหยียนยิ้มกรุ้มกริ่ม “กลัวไปก็ไร้ประโยชน์ ยังไงพวกเจ้าก็ไม่ปล่อยข้าไปอยู่ดี”
“ถ้าไม่ได้ยืนอยู่ในจุดที่ต่างกัน บางทีข้าก็คงอาจจะชื่นชมพระชายาที่กล้าหาญสู้กับโรคระบาดไปแล้ว” ด้วยเหตุนั้นชายในชุดดำก็ได้สะบัดมือของเขา แล้วคนอื่นๆก็ได้มาจับหลินซีเหยียนไว้ทันที
หลินซีเหยียนก็ถูกจับปิดตาแล้วโยนไว้ในห้องห้องหนึ่ง
หลินซีเหยียนตั้งสมาธิฟังเสียงการเคลื่อนไหวรอบๆ หลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ นางก็ได้เรียกบัวแดงกับหน่อเขียวแล้วกล่าว “ช่วยข้าปลดเชือกหน่อย”
แต่ก็ไม่มีเสียงอันใดตอบกลับมา หลินซีเหยียนจึงคิ้วขมวด “หน่อเขียว บัวแดง?”
“เจ้ากำลังพูดถึงใคร?”
มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา หลินซีเหยียนก็ได้เม้มปากของนาง “ทำไมเจ้าถึงยังไม่ออกไปอีก? เจ้าคิดจะทำลายชื่อเสียงของข้าด้วยการให้เจ้าอยู่กับข้าในห้องเดียวกันสองต่อสองรึไง?”
“อย่างเจ้ายังเป็นห่วงชื่อเสียงของตัวเองอีกเหรอ?” ชายคนนั้นหัวเราะเบาๆราวกับได้ยินเรื่องตลก
เดิมทีหลินซีเหยียนนั้นไม่ค่อยสนใจกับการที่คนอื่นล้อเลียนนางเท่าไรนัก แต่ครั้งนี้มันทำให้นางรู้สึกโมโหขึ้นมา “ตลกมากนักเหรอ?”
แต่แล้วชายชุดดำก็ได้สลบไปก่อนที่จะได้พูดอะไร
หลินซีเหยียนก็ได้ขว้างเชือกที่มัดนางไว้ที่พื้น จากนั้นนางก็ได้เดินไปหาชายชุดดำที่สลบอยู่แล้วแกะผ้าที่ปิดหน้าของเขาออก ก็พบใบหน้าของหลี่เจิ้นฮุยอยู่ตรงหน้านาง
“ที่แท้ก็เป็นท่านเจ้าเมืองนี่เอง” หลินซีเหยียนถอนหายใจ ตัดสินคนจากภาพลักษณ์ภายนอกไม่ได้จริงๆ น้ำทะเลนั้นล้ำลึกสุดหยั่งถึง จากนั้นนางก็ได้หยิบยาออกมาเม็ดหนึ่งแล้วป้อนเข้าปากของหลี่เจิ้นฮุย
“ต่อไปก็ต้องแอบออกไป” แล้วหลินซีเหยียนก็เหมือนนึกอะไรดีๆออก แล้วก็แสยะยิ้มออกมาที่มุมปากของนาง
เมื่อนางออกมาจากห้องนั้น นางนั้นกำลังสวมชุดของท่านเจ้าเมืองอยู่ แน่นอนว่าแค่เสื้อนอกเท่านั้น แต่หลินซีเหยียนก็ไม่ได้เหลือเสื้อผ้าใดๆไว้ให้ท่านเจ้าเมืองในห้องเลย
เมื่อนางกลับมาถึงที่ว่าการเมือง นางก็พบอันอี้ที่มีใบหน้ากระวนกระวาย “เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเขาเห็นนางที่สวมชุดที่ไม่เข้ากับตัวนางแล้ว แต่เขาก็ไม่มีเวลาที่จะมาถามนางและกล่าวอย่างกระวนกระวาย “พิษขององค์ชายกำเริบขอรับ”
“เป็นไปได้อย่างไร?” หลินซีเหยียนก็ได้รีบรุดเข้าไปในห้องของเจียงหวายเย่โดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า
“เสื้อผ้าของเจ้า?” เจียงหวายเย่ที่ถึงพิษจะกำเริบแต่ก็สังเกตเห็นชุดของหลินซีเหยียน
ซีเหยียนไม่ตอบอะไรแต่รีบรักษาเขาก่อน ดูเหมือนว่าพิษที่ถูกกดเอาไว้จะเริ่มไปหลอมรวมเข้ากับพิษชนิดใหม่แล้ว ซึ่งผลนี้ทำให้นางประหลาดใจมาก
“องค์ชายจำเป็นต้องขับพิษออกโดยด่วนแล้ว ไม่อย่างนั้นมันจะร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วในท้ายที่สุดต่อให้ข้าเป็นยมบาลก็เกรงว่าไม่อาจทำให้ท่านหายได้” หลินซีเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
หลังจากที่นางพูดจบ นางก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่ เดิมทีนางคิดว่าเขานั้นเป็นคนที่รู้จักยับยั้งตัวเองและเอาใจใส่ร่างกายของตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่าเจียงหวายเย่จะไม่ได้ทำเช่นนั้นเลย
“องค์ชาย ท่านไม่กลัวตายบ้างรึยังไง?” หลินซีเหยียนถาม
เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนแล้วกล่าว “ความตายใครบ้างจะไม่กลัว?”
“ถ้าเช่นนั้นก็ถนอมร่างกายของตัวเองหน่อย และต่อจากนี้ข้าไม่อนุญาตให้ท่านใช้ยาต้องห้ามอีกแล้ว” หลินซีเหยียนจ้องไปที่เจียงหวายเย่ ด้วยท่าทีที่โมโหมาก
ในฐานะหมอแล้ว นางอาจทนเห็นผู้ป่วยที่ไม่รักตัวเองได้ ถ้าเป็นคนอื่นทำหลินซีเหยียนคงไม่เสียเวลามารักษาด้วยซ้ำ
เจียงหวายเย่ก็รู้สึกได้ว่าหลินซีเหยียนนั้นโมโหมาก เขาก็ได้ยิ้มขึ้นมาด้วยริมฝีปากที่ซีดและบางของเขา แล้วพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง “เปิ่นหวางรู้ตัวเองดี เปิ่นหวางไม่ตายง่ายๆหรอก”
หลินซีเหยียนก็ได้หยิบเอาเข็มเงินออกมาแล้วปักลงไปที่ตัวของเจียงหวายเย่อย่างรุนแรง เจียงหวายเย่จึงได้ร้องออกมาเบาๆ
อันอี้แค่มองดูก็รู้ว่าเจ็บจนถึงกับอ้าปากหวอ เขานั้นอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่ก็พูดออกมาไม่ได้ เขาจึงทำได้แค่รู้สึกผิดต่อองค์ชายในใจของเขา องค์ชายนั้นทานยาต้องห้ามลงไปเมื่อเข้าพบว่าพระชายานั้นได้หายตัวไป แต่ก็ไม่ได้ไปเพราะพิษกำเริบเสียก่อน
สุดท้ายหลินซีเหยียนก็ช่วยเจียงหวายเย่ระงับอาการของพิษได้แต่เขาก็ต้องหมดสติไป และการที่เขาจะฟื้นได้นั้นจำเป็นต้องหาสมุนไพรอย่างหนึ่งพบก่อน แต่ทว่าสมุนไพรนั้นมีอยู่เพียงชิ้นเดียวในโลกนี้ และยังอยู่ในโกดังของพระราชวังหลวงด้วย
“องค์หญิง เวลานี้เราควรจะทำอย่างไรดีขอรับ?” อันอี้ได้หันไปถามหลินซีเหยียน
หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางแล้วพูดออกมา “ปล่อยข่าวออกไป ว่าองค์ชายเย่ป่วยหนักและจะตายในไม่ช้า”
อันอี้ก็ได้ลืมตากว้าง “พระชายา มีผู้คนมากมายที่จ้องจะเอาชีวิตขององค์ชาย ข้าเกรงว่า…..”
“เราปิดบังไปไม่ได้ตลอดหรอก มีบางคนที่จับตัวข้าไปในวันนี้ และคนคนนั้นก็คือหลี่เจิ้นฮุยเจ้าเมืองชิงโจว ข้าเกรงว่าคงจะมีการแสดงที่ยิ่งใหญ่รอพวกเราอยู่พรุ่งนี้แน่” หลินซีเหยียนพูดอย่างประชดประชัน ถึงแม้ว่านางไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องวุ่นวายของเชื้อพระวงศ์ก็ตามที แต่ใครใช้ให้เจียงหวายเย่กับนางนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาในเวลานี้
อันอี้ก็ได้ผงกหัว เขาคิดว่าแม่นางหลินนั้นคงจะมีแผนอะไรบางอย่างอยู่
วันต่อมาก่อนที่จะรุ่งสาง มีคนจำนวนมากได้มาที่ตำหนักของเจียงหวายเย่ ซึ่งนำมาโดยเจ้าเมืองชิงโจว, หลี่เจิ้นฮุย
หลี่เจิ้นฮุยที่เห็นหน้าของหลินซีเหยียนก็ได้สีหน้าไม่ดีขึ้นมาทันที แล้วกระซิบนาง “ส่งยาถอนพิษมา”
“ยาถอนพิษ? ยาถอนพิษอะไรข้าไม่รู้เรื่อง?” หลินซีเหยียนมองไปที่หลี่เจิ้นฮุยด้วยสีหน้าที่สับสน
หลี่เจิ้นฮุยก็ได้ทำเสียงไม่พอใจแล้วจากนั้นก็พูดออกมาเสียงดัง “ฝ่าบาทได้มีราชโองการมาว่า: ข้าทราบมาว่าน้องสี่ของข้าป่วยหนักมากทำให้ใจของข้าเป็นกังวลมาก จึงได้ทำการส่งหมอหลวงให้มาทำการรักษาโรคระบาดที่เมืองชิงโจว
“ขอฝ่าบาทจงอายุยืนหมื่นปีหมื่นๆปี” หลินซีเหยียนก็ได้รับราชโองการมาแล้วจากนั้นก็ให้หมอหลวงเข้ามา
จากผลการตรวจของหมอหลวงแล้ว หลินซีเหยียนก็รู้ดีว่ามันถึงเวลาที่โรคระบาดจะหายไปแล้ว ฮ่องเต้นั้นได้สร้างโรคระบาดนี้ขึ้นมาเพื่อหวังฆ่าเจียงหวายเย่
เขาจึงได้ส่งหมอหลวงมาเพื่อยืนยันและยุติโรคระบาดปลอมๆนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะรักษาโรคระบาดนี้แล้วแต่ยังได้ชื่อเสียงอีกด้วย ช่างเป็นแผนการขว้างหินก้อนเดียวได้นกสองตัวที่ดีจริงๆ
แต่นางนั้นไม่ยอมให้เขาได้สมหวังง่ายๆแน่ หลังจากที่ส่งหมอหลวงไปแล้ว หลินซีเหยียนจึงได้ส่งอันอี้ให้คอยจับตาดูหมอหลวงไว้ให้ดี
“พระชายาขอรับ หมอหลวงออกไปตรวจผู้คนแล้วขอรับ” อันอี้มารายงาน
หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วแล้วออกไปขโมยอะไรบางอย่าง
นางได้พาอันอี้ไปที่ห้องของหมอหลวง แล้วในที่สุดก็พบยาขวดหนึ่ง หลินซีเหยียนก็ได้เอายานั้นออกมาจากขวดบางส่วนแล้วใส่อย่างอื่นลงไปแทน
“เรียบร้อย” หลังจากที่จัดการเรียบร้อยแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ออกไปพร้อมกับอันอี้
ในตอนเที่ยงผู้คนจำนวนมากก็ได้มารวมกันที่หน้าที่ว่าการเมือง แล้วหมอหลวงที่ถูกส่งมาโดยฮ่องเต้นั้นก็ได้ออกไปพบกับผู้คน ผู้คนต่างก็พากันขอบคุณหมอหลวงและฮ่องเต้โดยไม่มีข้อยกเว้น
หลินซีเหยียนที่เห็นภาพเช่นนี้ก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปากและมองดูเหตุการณ์นี้อย่างเย็นชา
จนกระทั่งถึงเวลาตอนเที่ยง ซึ่งเป็นเวลาที่หมอหลวงได้คาดการณ์เอาไว้ที่พวกเขาจะต้องออกไปรักษาอีกรอบ แต่ทว่าพวกเขากลับถูกผู้คนล้อมเอาไว้จนออกไปไม่ได้
เหล่าหมอมองดูผู้คนที่อยู่รอบๆและคิดว่าคนเหล่านี้คงมาขอบคุณพวกเขา เขาจึงได้จับมือแล้วกล่าว “พวกเจ้าไม่ต้องมาขอบคุณพวกข้าหรอก พวกเขาทำไปตามพระประสงค์ของฮ่องเต้เท่านั้น”
“ใครอยากมาขอบคุณพวกเจ้ากัน ข้าดื่มยาของพวกเจ้าเข้าไป แผลพุพองหยุดแพร่กระจายแล้ว แต่กลายเป็นผื่นแดงขึ้นมาแทน” ผู้คนก็มองไปที่หมอหลวงด้วยความโกรธ
หมอหลวงก็ได้พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไร? ยานั่นมันคือยาแก้พิษนะ!”
“ยาแก้พิษอะไรกัน ดูนี่นะ!” แล้วผู้คนก็พากันถกแขนเสื้อขึ้น แล้วก็พบว่าพวกเขาถูกปกคลุมด้วยผื่นสีแดง