บทที่ 73
สำเร็จ
เหลียนเอ๋อก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนที่กินยาของนางเข้าและรู้สึกดีใจขึ้นมา แต่นางไม่สามารถแสดงออกมาบนใบหน้าได้ จากนั้นนางก็ได้แกล้งทำเป็นมองไปที่หลินซีเหยียนแล้วกล่าว “พระชายารู้สึกอะไรบ้างไหม?”
หลินซีเหยียนก็ได้พูดอย่างผิดหวังและส่ายหัว “”ยาของท่านหมอเทวดาของเจ้าคงจะไม่ได้เรื่องแล้วล่ะ ข้ายังมองไม่เห็นอะไรเลย”
เหลียนเอ๋อที่ได้ยินนางก็มีแววตาขบขันทันทีแล้วจากนั้นก็ได้ลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้น “ทั้งหมดเป็นความผิดของเหลียนเอ๋อ ทำให้พระชายาต้องผิดหวัง”
“มันเป็นความผิดของเจ้าหมออ่อนหัดนั่นต่างหาก จะเป็นความผิดของเจ้าได้อย่างไร?” หลินซีเหยียนนั่งลงที่เก้าอี้โดยที่ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมา แต่เพราะในเวลานี้นาง”ตาบอด”อยู่นางจึงแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเหลียนเอ๋ออยู่ที่พื้น
หลินซีเหยียนไม่ได้พูดอะไรออกมา เหลียนเอ๋อจึงยังลุกขึ้นมาไม่ได้ เหลียนเอ๋อจึงหลี่สายตาของนางลง และคิดหาวิธีที่จะบอกองค์หญิงอย่างไรดีว่านางยังคุกเข่าอยู่?
แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าหลินซีเหยียนนั้นวางแก้วชาไว้ที่ข้างมือของนาง และหากน้ำชาหกใส่หลินซีเหยียน นางก็จะมีข้ออ้างลุกขึ้นมาได้
แต่น่าเสียดายที่นางพลาดเสียแล้ว เพราะหลินซีเหยียนนั้นตาไม่ได้บอดจริง ดังนั้นหลินซีเหยียนจึงมองเห็นสีหน้าของนางได้อย่างชัดเจน และก่อนที่นางจะได้ลงมือ หลินซีเหยียนก็ได้แกล้งทำเป็น“ไม่ระวังตัว”ทำน้ำชาหกรดใส่เหลียนเอ๋อ
ถึงแม้ว่าน้ำชานั้นจะถูกทิ้งไว้นานแล้วมันจึงไม่ได้ร้อนมาก แต่เหลียนเอ๋อก็ยังร้องออกมาด้วยความตกใจอยู่ดี
พอได้ยินเสียงของนาง หลินซีเหยียนก็ทำหน้าตกใจขึ้นมาแล้วถาม “เกิดอะไรขึ้นแม่นางเหลียนเอ๋อ?”
แล้วจิ่งชุนก็ได้รีบมาแล้วทำการตรวจดูอาการบาดเจ็บของคุณหนูตัวเองก่อนแล้วจึงกระซิบกับหลินซีเหยียน “ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ แค่คุณหนูเหลียนบังเอิญทำน้ำชาหกใส่เจ้าค่ะ”
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัว “ถ้าปล่อยให้เนื้อตัวเปียกเจ้าอาจจะไม่สบายได้นะ จิ่งชุนพาแม่นางเหลียนเอ๋อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที”
จิ่งชุนก็ได้ผงกหัวแล้วจากนั้นก็ได้มองไปที่เหลียนเอ๋อที่กำลังลุกขึ้นยืนแล้วกำลังเช็ดตัวเองที่เปียกแล้วกล่าว “ได้โปรดตามข้าน้อยมาเจ้าค่ะ”
เหลียนเอ๋อคิ้วขมวดและทำให้จิ่งชุนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ถึงแม้นางจะไม่พอใจอย่างมากกับท่าทีของหลินซีเหยียน แต่เมื่อนางนึกอะไรบางอย่างออกได้นางก็ได้อดทนเอาไว้ก่อน
หลังจากที่เหลียนเอ๋อตามจิ่งชุนออกไป เทียนเอ๋อที่นั่งอยู่ข้างๆหลินซีเหยียนก็ได้พูดออกมาอย่างรังเกียจ “ท่านแม่ คนที่หน้าไหว้หลังหลอกเมื่อสักครู่เป็นใครกันขอรับ?”
“นั่นคือลูกพี่ลูกน้องของอาจารย์เจ้าน่ะ” หลินซีเหยียนวางแก้วชาไว้ข้างๆเทียนเอ๋อ
เทียนเอ๋อก็จิบชาแล้วกล่าวอย่างครุ่นคิด “ข้ารู้สึกว่านางจะไม่ค่อยถูกกับท่านแม่เท่าไรเลยนะขอรับ”
“ความรู้สึกของเจ้าเฉียบแหลมมาก” หลินซีเหยียนกล่าวพร้อมกับยิ้ม แล้วจากนั้นนางก็ได้วางยาเอาไว้ในมือของเทียนเอ๋อ “เอาไว้แม่จะหาโอกาสจัดการกับนางทีหลัง”
เทียนเอ๋อผงกหัวแล้วหลินซีเหยียนก็ได้กล่าวอย่างจริงจัง “ขอดูสักหน่อยเถอะว่ายานี้จริงๆแล้วคือยาอะไรกันแน่?”
ไม่นานนักจิ่งชุนก็ได้ออกมาพร้อมกับเหลียนเอ๋อที่เปลี่ยนชุดใหม่มาเรียบร้อยแล้ว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เหลียนเอ๋อจึงได้ใส่ชุดของหลินซีเหยียนไปก่อน แต่เพราะหลินซีเหยียนนั้นตัวสูงเหลียนเอ๋อจึงได้ใส่ชุดในสภาพที่หลวงโพรก ซึ่งดูเหมือนเป็นการประชดประชันยิ่งนัก
“ชุดของข้า ท่านใส่พอดีตัวหรือไม่?” หลินซีเหยียนถามและแอบยิ้มเยาะ แต่ปั้นสีหน้าเป็นห่วงใส่นาง
เหลียนเอ๋อก็แววตาดำมืดขึ้นมาหลังจากคำพูดของ หลินซีเหยียน แต่นางก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้ นางจึงทำได้แต่ฝืนยิ้มและกล่าวออกไป “เสื้อผ้าที่องค์หญิงให้มานั้นดูธรรมดาดีมากเจ้าค่ะ”
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังวาจาเชือดเฉือนกันอยู่นั้น เทียนเอ๋อก็ได้ถือเอาแก้วช้ามาแล้วนำไปส่งให้เหลียนเอ๋อ “พี่สาวคนสวย นี่ชาของท่านขอรับ”
เหลียนเอ๋อก็มองไปที่เทียนเอ๋อ ที่ความสูงยังไม่ถึงครึ่งของนางและมีแววตาไตร่ตรองปรากฏขึ้นมา เทียนเอ๋อนั้นเป็นถึงนายน้อยของพระราชวังนี้ และเขายังเป็นที่โปรดปรานของ องค์ชายด้วย ถ้าเกิดนางสร้างความสนิทสนมกับเขาเอาไว้ บางทีนางอาจจะได้ใกล้ชิดกับองค์ชายก็ได้
เมื่อคิดเช่นนี้แล้วนางก็ได้ลูบหัวของเทียนเอ๋อแล้วรับเอาแก้วชาจากมือของเทียนเอ๋อด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน “เทียนเอ๋อนั้นทั้งฉลาดและน่ารักจริงๆ พระชายาช่างโชคดียิ่งนัก”
หลินซีเหยียนก็ได้บิดริมฝีปากของนางแล้วผงกหัวด้วยรอยยิ้ม ในเวลานี้นางเห็นรอยยิ้มแฉ่งของเทียนเอ๋ออย่างชัดเจน อย่างที่คิดเจ้าเด็กตัวแสบนั่นบ้ายอจริงๆ จนลืมหน้าที่ของตัวเองไปแล้ว
“พี่สาวคนสวยช่างสายตาหลักแหลมจริงๆ เทียนเอ๋อชอบพี่นะขอรับ” หลังจากที่พูดจบเทียนเอ๋อก็ได้มองไปที่ชาในมือของเหลียนเอ๋อแล้วกล่าว “พี่สาวคนสวยก็รีบดื่มเถอะขอรับ ไม่อย่างนั้นจะเย็นชืดเสียก่อน”
เหลียนเอ๋อก็รู้สึกตกใจอย่างมาในเวลานี้ นางไม่คิดว่าแค่ชมนิดหน่อยจะสามารถซื้อใจนายน้อยได้เช่นนี้ นางจึงได้ยักคิ้วขึ้นมาแล้วดื่มชาตรงหน้าของเทียนเอ๋อ
หลินซีเหยียนที่เห็นว่านางทานยาเข้าไปแล้ว จากนั้นจึงออกคำสั่งให้คนอื่นออกไปแล้วกล่าวกับเหลียนเอ๋อ “แม่นางเหลียน ตอนนี้ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้ามีอะไรอย่างอื่นจะบอกกับข้าหรือไม่?”
หลินซีเหยียนจึงได้แกล้งทำเป็นหาวพอสมควรหลังจากที่พูดจบ
เหลียนเอ๋อเองก็รู้สึกไม่สะดวกที่จะอยู่ต่อ นางจึงได้ขอลากลับเช่นกัน แต่ก่อนที่นางจะออกไปนางก็ได้จ้องไปที่ หลินซีเหยียนด้วยสายตาแปลกๆ และบ่นพึมพำๆ “หรือว่ายานั่นจะเป็นของปลอม?”
คำถามนี้นั้นไม่นานก็ได้คำตอบเพราะนางรู้สึกได้ว่าทั้งตัวของนางมีอาการเป็นไข้ขึ้นมาหลังจากที่เดินออกไปไม่กี่ก้าว ในตอนแรกนางคิดว่านางแค่อาจจะป่วย แต่หลังจากนั้นการตอบสนองของร่างกายนางก็ได้บอกนางว่านางได้กินยานั้นเข้าไป
นางนั้นไม่มีเวลาที่จะคิดว่าทำไมยาที่นางได้ให้ หลินซีเหยียนไปนั้นถึงได้ย้อนกลับมาทำร้ายตัวนางได้ นางจึงได้รีบที่จะออกไปจากที่นี่เพราะนางรู้ดีว่ายานั้นคือยาอะไร?
ยาตัวนี้ไม่ส่งผลถึงแก่ชีวิต แต่ทำให้เสียสติราวกับเป็นคนบ้าไป
หลินซีเหยียนมองดูด้านหลังของเหลียนเอ๋อที่กำลังงุนงงด้วยรอยยิ้มที่ดูถูกที่มุมปากของนาง แล้วจากนั้นก็มองไปที่จี๋เฟิงที่อยู่ด้านหลังของหลินซีเหยียนตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ “องค์ชายเย่กลับมาถึงแล้วเหรอ?”
จี๋เฟิงผงกหัว “องค์ชายกำลังจะมาถึงที่หน้าประตูในไม่ช้าขอรับ”
ทันทีที่จี๋เฟิงพูดจบ หลินซีเหยียนก็มองไปที่เหลียนเอ๋อที่กำลังพุ่งเข้าไปที่อ้อมแขนของเจียงหวายเย่โดยบังเอิญ แต่ในขณะที่นางคิดว่าเจียงหวายเย่จะรับนางเอาไว้นั้น เขากลับขยับรถเข็นเบี่ยงตัวหลับออกมาเล็กน้อย แล้วมองดูเหลียนเอ๋อที่ล้มไปกองกับพื้นเช่นนั้น
“อันอี้ ทำไมเจ้าถึงไม่ช่วยไปประคองแม่นางเหลียนอีก?” เจียงหวายเย่กล่าว และมองไปที่นางที่ล้มตัวชาอยู่ข้างหน้าเขาอย่างคิ้วขมวด
อันอี้จึงได้รีบเดินไปข้างหน้าเพื่อประคองตัวแม่นางเหลียนขึ้นมา แต่ก่อนที่เจียงหวายเย่จะได้พูดอะไร แม่นาง เหลียนเอ๋อก็ได้วิ่งไปหาเจียงหวายเย่ และเรียกหาแต่องค์ชาย
เจียงหวายเย่ก็ไม่ได้ให้นางมีโอกาสทำได้แม้แต่น้อย และทำการควบคุมรถเข็นถอยหลบอย่างรวดเร็ว อันอี้จึงได้รีบทำการดึงตัวของแม่นางเหลียนเอาไว้
“ท่านพี่ ท่านรู้ไหมว่า? เหลียนเอ๋อรักท่านมาก รักท่านจริงๆ” เหลียนเอ๋อที่พยายามขัดขืนแต่ไม่อาจสู้แรงของอันอี้ได้ จึงทำได้แค่มองไปที่เจียงหวายเย่ด้วยสีหน้าเศร้าๆ และดวงตาก็เต็มไปด้วยน้ำตา
เจียงหวายเย่ก็ได้หรี่สายตาลงแล้วกล่าว “อันเอ้อ แม่นางเหลียนมีอาการไม่ค่อยดี เจ้าไปตามหมอมาดูอาการนาง”
อันเอ้อจึงได้รับคำสั่งแล้วรีบออกไป
เหลียนเอ๋อในเวลานี้ไม่เหลือซึ่งความสง่างามและเพียบพร้อมอีกแล้ว ตัวนางในเวลานี้เอาแต่พร่ำคำว่ารักและจะปกป้องเจียงหวายเย่
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยดวงตาที่ดำเข้ม หลินซีเหยียนที่รู้สึกได้ถึงดวงตานั้นก็ได้ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ เป็นเชิงบอกว่านางเองช่วยอะไรไม่ได้
จากนั้นเขาที่คืนสติกลับมาได้ก็มองไปที่เหลียนเอ๋อแล้วพูดอย่างจริงจัง “เปิ่นหวางนั้นได้อาศัยความสามารถทางการทหารของพ่อของนางช่วยเอาไว้ ซึ่งหลังจากที่เขาตายลงลูกสาวของเขาจึงไม่มีใครดูแล ดังนั้นเปิ่นหวางจึงได้ให้นางเข้ามาอยู่ในพระราชวังด้วยโดยไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นเลย