บทที่ 89
เจ้าเปลี่ยนไป
หลินซีเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา นางได้หันหน้าหลบเขาแล้วแอบไปหัวเราะ เดิมทีนางนั้นไม่อยากที่จะทำลายความภาคภูมิใจของซางกวนจิ่น แต่ก็เป็นความผิดของซางกวนจิ่นที่ทำให้นางหัวเราะ
ซีเหยียนที่ข้าพูดมาทั้งหมดเป็นความจริงนะ เจียงหวายเย่น่ะเป็นปีศาจชัดๆเลย” ซางกวนจิ่นกล่าวโดยไม่ลืมที่จะขายตัวเองด้วย “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เจ้าดูข้านะ ข้าน่ะเป็นคนอ่อนโยนเจ้าก็รู้ว่าข้าน่ะทั้งรักและทะนุถนอมดอกไม้ และไม่เคยทำลายดอกไม้เลย”
หลินซีเหยียนจึงกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหวและหัวเราะออกมาเสียงดัง
ซางกวนจิ่นจึงได้บิดริมฝีปากของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ แล้วทำสีหน้าเศร้าหมองออกมา “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ ข้าเป็นห่วงเจ้าจริงๆนะ”
“ก็ได้ข้าผิดไปแล้ว และขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง ข้าขอบใจเจ้ามากจริงๆ” หลินซีเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซางกวนจิ่นก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนแล้วกล่าวอย่างรวดเร็ว “ซีเหยียน ถ้าเจ้าจะขอบคุณข้า เจ้าช่วยอะไรข้าสักอย่างสิ!”
หลินซีเหยียนก็ได้ถอนหายใจออกมา นี่สินะที่เขาว่าไม่มีสิ่งใดที่ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน หลังจากที่นางทานยาหุยชุนของซางกวนจิ่นไปแล้ว จะให้นางปฏิเสธเขาดื้อๆได้อย่างไร? นางจึงได้ตอบกลับไป “เจ้าอยากจะให้ข้าทำอะไรให้เจ้าล่ะ?”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก เอาไว้พรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้าที่นี่อีกแล้วตอนนั้นเจ้าก็จะรู้เอง” ซางกวนจิ่นกล่าวจบก็ได้ลุกขึ้นยืนและรีบวิ่งไป ราวกับว่ามีธุระสำคัญที่ต้องรีบไปทำ
หลินซีเหยียนเองก็คิดที่จะพาเทียนเอ๋อกลับไปที่พระราชวัง แต่ทันทีที่ออกมาจากร้านนางก็พบคนของจวนมหาเสนาบดีมาหานางพอดี
พ่อบ้านของจวนมหาเสนาบดีที่เห็นหลินซีเหยียนเดินออกมาก็ได้รีบต้อนรับนางทันทีและกล่าวอย่างประจบประแจง “คุณหนูขอรับ ท่านมหาเสนาบดีรับสั่งมาว่ามีธุระที่คุยกับคุณหนูขอรับ จึงอยากให้ท่านกลับไปที่จวนน่ะขอรับ”
หลินซีเหยียนนั้นไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรกับจวนมหาเสนาบดีอยู่แล้ว นางจึงยังไม่มีความคิดที่จะกลับไปที่บ้านมหาเสนาบดีเพียงเพราะคำพูดของพ่อบ้านแน่
เมื่อเห็นว่าหลินซีเหยียนนั้นมีท่าทีกำลังเตรียมที่จะขึ้นรถม้ากลับพระราชวัง พ่อบ้านก็ได้ออกมาห้ามหลินซีเหยียนแล้วกล่าวเหมือนกำลังขู่ “คุณหนู ท่านมหาเสนาบดีบอกว่า ขอให้ท่านอย่าลืมว่าท่านยังมีผู้คนอีกมากอยู่ในตำหนักเชียนเหยียน และที่นั่นคือบ้านของท่านขอรับ”
หลินซีเหยียนได้ฟัง ก็ได้หยุดทันทีด้วยสีหน้าที่อึมครึมและกล่าวอย่างประชดประชัน “ท่านมหาเสนาบดีช่างไม่เหมาะสมกับตำแหน่งมหาเสนาบดีเสียจริง ที่ใช้วิธีกำจุดอ่อนคนอื่นไว้ในมือเช่นนี้”
พ่อบ้านก็ได้รีบก้มหน้าหลบทันทีเพราะคำพูดประชดประชันของหลินซีเหยียน
“ชิงอวี่, จี๋เฟิงกลับไปที่จวนมหาเสนาบดี” หลินซีเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา และจากนั้นนางก็ขึ้นรถม้าไปด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ห่างออกไปหลายพันลี้ในทางตอนใต้ ไหล่ของเจียงหวายเย่นั้นชุ่มไปด้วยเลือด ที่ด้านหน้าของเขามีอันอี้และพรรคพวกอยู่ แต่พวกเขาเองก็ล้วนแต่บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
ที่ตรงหน้าของพวกเขานั้นมีหมาป่าที่ตัวขาดเป็นสองท่อนนอนระเกะระกะเต็มไปหมด
“องค์ชายท่านถอยไปก่อนเถอะ ดอกบัวทองนั้นให้พวกเราเป็นคนเก็บมาให้เองเถอะขอรับ” ในเวลานี้เสียงของอันอี้นั้นไม่ไร้ซึ่งอารมณ์แล้ว แต่แฝงเอาไว้ด้วยความกระวนกระวาย
เจียงหวายเย่ก็ได้ยักคิ้วที่เหมือนกับกระบี่ของเขาขึ้นเล็กน้อย และร่างกายของเขาก็ดูเหมือนจะหนักอึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ “เปิ่นหวางจะต้องได้ดอกบัวทองคำมาให้ได้ ความยากเล็กน้อยแค่นี้หยุดเปิ่นหวางไม่ได้หรอก!”
ถึงแม้เจียงหวายเย่นั้นจะบอกว่าความยากจิ๊บจ๊อย แต่พวกเขานั้นกำลังเผชิญกับฝูงหมาป่านับสิบตัว! และดอกบัวทองคำที่พวกเขาต้องการนั้นก็อยู่เบื้องหลังของราชาหมาป่าของหมาป่าฝูงนี้
พวกเขาไม่รู้ว่าหมาป่าพวกนี้เป็นผู้พิทักษ์หรือไม่ เพราะตอนที่เจียงหวายเย่กับพรรคพวกได้ส่งคนไปล่อให้พวกมันออกมาจากภูเขา แต่ฝูงหมาป่าเหล่านี้ก็ฉลาดมากพวกมันไม่ยอมอยู่ห่างจากหมู่ดอกบัวทองคำเลย
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่ฝูงหมาป่าปีศาจที่มีดวงตาสีเขียวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วสายตาที่เย็นชาของเขาก็ได้หนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ “อันอี้, อันเอ้อ พวกเจ้าสองคนคอยถ่วงพวกมันเอาไว้ เปิ่นหวางจะไปเอาสมุนไพรนั่นเอง”
อันอี้กับอันเอ้อขานรับและไม่รอช้าพุ่งตัวเข้าไปหาฝูงหมาป่าทันที เจียงหวายเย่ก็ได้มองหาจังหวะเหมาะๆ โดยไม่สนใจเสียงของเสื้อผ้าที่ขาดหรือเสียงร้องของหมาป่าที่ดังเข้ามาในหูของเขาเลย เขาได้ทุ่มสุดตัวบุกเข้าไปข้างหน้า
ในขณะที่เขากำลังจะเก็บดอกบัวที่มีกลีบดอกสีทองอยู่นั้นเอง ก็ได้มีกรงเล็บหมาป่าที่แหลมคมตวัดเข้ามาหา เจียงหวายเย่ก็ได้รีบกลิ้งตัวหลบ เมื่อเขากลับลุกขึ้นมายืนเขาก็พบดวงตาสีเขียวที่กระหายเลือดของราชาหมาป่า
ในเวลานี้อันอี้กับอันเอ้อก็ได้มาอยู่ที่ด้านหลังของ เจียงหวายเย่ซึ่งมีบาดแผลเต็มตัวมากขึ้นไปอีก และพวกเขานั้นเห็นว่าเริ่มไม่สามารถที่จะหยุดพวกมันได้แล้ว จึงได้รีบตะโกนบอกองค์ชาย “องค์ชายรีบถอยก่อนเถอะขอรับ พวกเราจะทานเอาไว้ไม่อยู่แล้ว”
เจียงหวายเย่นั้นได้ฟังแต่ก็ไม่รับรู้ เพราะในเวลานี้เขากำลังยืนจ้องมองคุมเชิงอยู่กับราชาหมาป่า
จากนั้นเจียงหวายเย่ก็ได้บุกเข้าไปพร้อมกับกระบี่ยาวสีเงินในมือของเขา ราชาหมาป่านั้นหลบไม่ทันและถูกฟันเข้าที่ตัวของมันแล้วจากนั้นมันก็ได้หอนออกมาอย่างโมโห
ฝูงหมาป่าที่เหลือก็ขานรับด้วยเสียงหอนแล้วจากนั้นก็ดูเหมือนพวกมันจะมีความคิดเหมือนกันหมดและหยุดโจมตีอันอี้กับอันเอ้อแล้วพากันบุกเข้าใส่เจียงหวายเย่แทน
“องค์ชาย….”
อันอี้กับอันเอ้อนั้นคิดที่จะเข้าไปช่วย แต่ทันทีที่พวกเขารีบลุกขึ้นเพื่อเข้าไปช่วยก็เกิดความมึนงงเข้าเล่นงานพวกเขา แล้วพวกเขาก็ได้แต่มองดูแขนของเจียงหวายเย่ถูกหมาป่ากัดเข้าที่แขนโดยที่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้
เจียงหวายเย่ก็ได้ยกกระบี่ของเขาขึ้นมาตอบโต้ ด้วยสีหน้าราวกับว่าไม่รู้สึกบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
และใช้เวลาไม่นานนักก่อนฝูงหมาป่าเหล่านั้นไม่ถูกฆ่าตายก็บาดเจ็บสาหัส
ราชาหมาป่าเองก็ตกใจกับการตายที่อยู่เบื้องหน้ามัน และเริ่มรู้สึกหวาดกลัวเจียงหวายเย่ขึ้นมา มันจึงได้หอนด้วยเสียงเบาๆ แล้วจากนั้นเหล่าฝูงหมาป่าก็ได้พากันถอยไป ส่วน เจียงหวายเย่ก็ได้ทรุดลงไปที่ดอกบัวที่กำลังบาน และกำลังเบ่งบานขณะที่ตัวดอกก็เปื้อนไปด้วยเลือด
หลังจากนั้นไม่นานดอกบัวทองคำก็ได้กลายเป็นดอกบัวสีเลือดแทน เขามองไปที่ดอกบัวทองคำแล้วดวงตาสีดำของ เจียงหวายเย่ก็ได้มีแววตาเปล่งแสงออกมา “เหยียนเอ๋อ เปิ่นหวางทำสำเร็จแล้ว”
เมื่ออันอี้กับอันเอ้อเห็นว่าองค์ชายทำสำเร็จแล้วพวกเขาก็ได้ยิ้มขึ้นมา จากนั้นก็รีบเข้าไปหาองค์ชาย แล้วพวกเขาทั้งสามก็ได้พากันประคองตัวออกจากป่ากันอย่างช้าๆ
หลินซีเหยียนนั้นยังไม่ทราบถึงความเสียสละของ เจียงหวายเย่ นางในเวลานี้ได้กลับไปที่จวนของมหาเสนาบดี เมื่อนางพบว่าที่ตำหนักเชียนเหยียนนั้นว่างเปล่า ซึ่งทั้งแม่นมของนาง, จิ่งชุน, รั่วฉุ่ยและแม่ครัวต่างก็หายไปหมด
แต่ก่อนที่นางจะได้ไปพบกับมหาเสนาบดีกับฮูหยินอวี้นั้น พวกเขาก็ได้มาหานางด้วยตัวเองเสียก่อน หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางลงและกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าหากว่าพวกท่านทำอะไรพวกเขาแม้แต่น้อย ข้าจะทำให้พวกท่านต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต”
“ในเย็นก่อนอย่าเพิ่งโมโห! ทั้งท่านพี่กับข้านั้นเห็นว่าเจ้าไม่ได้อยู่ที่จวนมหาเสนาบดีนานมากแล้ว ข้าจึงได้ดูแลพวกเขาให้เจ้า” ฮูหยินอวี้กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
หลินซีเหยียนนั้นอยากที่จะบุกเข้าไปแล้วฉีกกระชากใบหน้าที่น่าขยะแขยงตรงหน้าของนางทิ้งเสีย แต่เพื่อผู้คนที่อยู่ในตำหนักของนางแล้ว นางไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
“ถ้าอย่างนั้นก็มาตกลงกัน ว่าพวกท่านต้องการอะไรถึงจะยอมปล่อยพวกเขาออกมา?” หลินซีเหยียนได้พยายามสงบสติตัวเองลง