ตอนที่ 683 ลูกอมเม็ดสุดท้าย
เธอพยายามสุดชีวิตในการทำให้สิงซิงกลายเป็นตัวกาลกิณีก็เพื่ออยากจะปลอบใจตัวเองและบอกคนอื่นๆ ว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้นไม่ใช่ความผิดของเธอ
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะสิงซิงทำให้มันเกิดขึ้น
สิ้นเสียงของเหนียนเสี่ยวมู่ อวี๋เยว่หานกับฟ่านอวี่ก็ตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองพร้อมๆ กัน
กำลังพิจารณาอยู่ว่าการคาดเดาของเหนียนเสี่ยวมู่มีความเป็นไปได้บ้างหรือเปล่า
“คุณชายฟ่าน ตอนนี้พวกนักข่าวอยู่กันที่ด้านล่างจะให้คนไปไล่พวกเขากลับไปไหมครับ” พ่อบ้านไม่ได้รับคำสั่งใดๆ สักที จึงเอ่ยถามขึ้น
สิ้นเสียง ฟ่านอวี่ก็เงยมอง “ไม่ต้อง ฉันจะลงไปดูเอง ถ้าเกิดสิงลี่คิดว่าแค่ภาพๆ เดียวจะทำให้ทุกคนเชื่อง่ายๆ ขนาดนั้น เธอก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
ฟ่านอวี่หันไปมองเหนียนเสี่ยวมู่
“วางใจเถอะ ผมจะอธิบายกับนักข่าวเองว่าคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้……”
“ไม่! ไม่ต้องอธิบาย” เหนียนเสี่ยวมู่รีบจับแขนของชายหนุ่มเอาไว้ แววตาชาญฉลาดปรากฏแววเจ้าเล่ห์ขึ้น
“ไม่เพียงแต่ไม่ต้องอธิบายนะ คุณต้องด่าฉันต่อหน้านักข่าวด้วย!”
“อะไรนะ!” ฟ่านอวี่ตะลึง
มองหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ล้อเล่น ก็หันไปมองทางอวี๋เยว่หานแทน
ด่าเธอต่อหน้าคู่หมั้นของเธอ แบบนี้มันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นะ
ถ้าเกิดพวกเขามาคิดบัญชีในภายหลัง หนึ่งต่อสอง เขาก็เสียเปรียบชัดๆ
แค่มองดูใบหน้าของอวี๋เยว่หานเผินๆ ก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มเจ้าคิดเจ้าแค้น!
“ฉันจริงจังนะ ไม่ได้ล้อคุณเล่น”
เหนียนเสี่ยวมู่เม้มปาก ซ่อนความเจ้าเล่ห์ในแววตาเอาไว้แล้วเอ่ยอธิบาย “สิงลี่คาดหวังอยากให้ทุกคนเกลียดฉัน คิดว่าฉันเป็นตัวกาลกิณีไม่ใช่หรือไง เธอตั้งใจล่อลวงเรามาที่นี่ แล้วก็ยังนัดนักข่าวมาอีก คงอยากจะให้คุณเกลียดฉันด้วย”
“……”
“สิ่งที่คุณต้องทำตอนนี้ก็คือทำให้เธอคิดว่าสิ่งที่เธอวางแผนไว้มันประสบความสำเร็จแล้ว จึงจะมีโอกาสที่เธอจะออกมาเจอคุณ”
แววตาของเหนียนเสี่ยวมู่เปลี่ยนเป็นคมกริบ
พวกเธอไม่มีเวลามากมายที่จะมาเล่นซ่อนหากับสิงลี่
ถ้าเกิดยังปล่อยให้ข่าวในอินเตอร์เน็ตรุนแรงไปเรื่อยๆ เกรงว่าสิงลี่คงจะทำให้ถึงที่สุดเพื่อที่จะทำร้ายเธอ
วิธีที่ดีที่สุดก็คือทำให้เธอคิดว่าแผนที่เธอวางเอาไว้มันสำเร็จแล้ว
ถ้าเป็นตามที่เธอบอกกับฟ่านอวี่ สิงลี่ก็คงจะมาหาฟ่านอวี่ในตอนนั้น……
“คุณคิดจะใช้ผมเป็นเหยื่อล่อ?” ฟ่านอวี่เป็นคนฉลาด รับรู้ได้อย่างรวดเร็ว
ความสงสัยบนใบหน้าค่อยๆ หายไป มุมปากปรากฏรอยยิ้มขี้เล่น
“ค่าตัวผมแพงนะ จ้างผมมาเป็นเหยื่อล่อโดยไม่มีค่าตอบแทนผมไม่ทำหรอก”
พอฟ่านอวี่พูดออกไป เดิมทีชายหนุ่มคิดว่าจะได้เห็นสีหน้าลังเลของเหนียนเสี่ยวมู่
นึกไม่ถึงว่าหญิงสาวจะล้วงหยิบลูกอมออกมาจากกระเป๋าโดยไม่พูดไม่จา จากนั้นก็ยัดใส่มือเขา ราวกับกำลังจัดการกับเด็กน้อยอยู่ “นี่เป็นลูกอมเม็ดสุดท้าย ให้เป็นค่าตอบแทนถือว่าคุณได้กำไรนะ”
ฟ่านอวี่ “???”
เขาที่เป็นถึงประธานบริษัทตระกูลฟ่าน มีค่าแค่ลูกอมเม็ดเดียวเองเหรอ
แถมลูกอมเม็ดนี้ก็ดูเหมือนจะได้มาฟรีจากการไปทานอาหารที่ร้านอาหารเสียด้วย……
ฟ่านอวี่กัดฟันกรอด ปลอบตัวเองอยู่เงียบๆ ในใจ
อย่างน้อยนี่ก็เป็นลูกอมที่เธอให้ ไม่เหมือนกับลูกอมข้างนอก
หมุนตัวเดินไปถึงหน้าประตู ก็เห็นหญิงสาววิ่งเข้าไปหาอวี๋เยว่หานแล้วก็ล้วงหยิบลูกอมออกมาอีกเม็ด ยิ้มประจบชายหนุ่ม
“เมื่อกี้ฉันโกหกเขา ฉันเก็บไว้ให้คุณเม็ดหนึ่ง”
ฟ่านอวี่ “……”!!
เขายังไม่ทันจะเดินจากไปเลยนะ พูดแบบนี้ต่อหน้าเขาไม่รู้สึกละอายบ้างหรือไงกัน
ฟ่านอวี่หน้าคล้ำ กำลูกอมในมือเอาไว้แน่นแล้วเดินลงไปพบนักข่าว
เอาความโกรธไประบายลงกับพวกนักข่าว
เพิ่งส่งนักข่าวกลับไป โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เขากวาดตามองดูรายชื่อที่ปรากฏ เมื่อจำได้ว่าเป็นเบอร์โทรของสิงลี่ก็รีบกดรับสาย
“ฉันอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ของคุณ”
ตอนที่ 684 แผนซ้อนแผน
สิ่งที่ฟ่านอวี่พูดต่อหน้านักข่าวทั้งหมดเป็นไปตามการกำกับของเหนียนเสี่ยวมู่
พูดตามสคริปต์ที่เตรียมไว้ก่อนแล้วต่อหน้านักข่าวอีกรอบ
ในคำพูดนั้นแม้จะไม่ได้เอ่ยโดยตรงว่าสิงซิงเป็นตัวกาลกิณี แต่ว่าความหมายก็เป็นไปในทำนองนั้น เขาปักใจเชื่อแล้วว่าสิงซิงเป็นฆาตกรตัวจริงที่ทำให้คนตระกูลสิงต้องตาย แถมยังบอกว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสิงซิงทั้งสิ้น
ฟ่านอวี่พูดออกไปว่า “ที่ก่อนหน้านี้ผมปกป้องเธอก็เป็นเพราะความเห็นใจเท่านั้น แต่ดูเหมือนตอนนี้ผมจะปกป้องผิดคนแล้ว ถ้าเกิดผมได้เจอสิงลี่อีกครั้งผมจะเอ่ยขอโทษเธอ” ในตอนที่พูดออกไปนั้น ฟ่านอวี่ก็คิดอยู่ในใจว่าสิงลี่อาจจะปั่นหัวพวกเขาเล่น คงไม่ปรากฏตัวออกมาจริงๆ
แต่ตอนนี้ที่ได้ยินเสียงลึกลับของสิงลี่ดังออกมาจากปลายสาย
เขาก็รู้ได้แน่ชัดแล้วว่าเหนียนเสี่ยวมู่คำนวณได้อย่างถูกต้องที่สุด
สิ่งที่สิงลี่ต้องการไม่ใช่การหาตัวฆาตกรเพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ตระกูลสิง
เธอแค่อยากให้ทุกคนเชื่อในสิ่งที่เธอพูด เชื่อว่าสิงซิงคือตัวกาลกิณีที่จะทำลายทุกคนให้วอดวายไปหมด……
แววตาของฟ่านอวี่เปลี่ยนไป กำโทรศัพท์เอาไว้แน่น “คุณมาก็ดีแล้ว ก่อนหน้านี้ผมโดนสิงซิงหลอก นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ ผมมีเรื่องมากมายอยากจะพูดกับคุณ คุณเข้ามาก่อนเถอะ”
ฟ่านอวี่พูดจบก็ส่งสายตาบอกให้พ่อบ้านออกไปรับคน
เมื่อเห็นว่าสิงลี่ไม่ได้ปฏิเสธ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มก็เป็นประกาย กดวางสาย
พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าอวี๋เยว่หานกับเหนียนเสี่ยวมู่เดินลงมาพอดี
“สิงลี่มาจริงๆ ด้วย!”
คำพูดง่ายๆ ประโยคเดียว แววตาของคนทั้งสามคนก็เปลี่ยนไป……
คฤหาสน์ส่วนตัวของฟ่านอวี่ใหญ่มาก
ตอนที่พ่อบ้านพาสิงลี่เดินเข้ามา ภายในห้องรับแขกมีฟ่านอวี่ยืนอยู่คนเดียว
ร่างสูงโปร่งยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ในมือถือไวน์แดงอยู่แก้วหนึ่ง
สายตาเหงาหงอยมองไปยังแสงจันทร์ที่อยู่ด้านนอก
พรระจันทร์เต็มดวง ราวกับจะมีความเหงาของเขาปนเปื้อนอยู่ด้วย
เพียงแค่มองอยู่ไกลๆ ก็ทำเอาคนมองใจกระตุก
อยากเข้าไปกอดเขาเอาไว้ หรือไม่ก็เอ่ยปลอบโยน
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ฟ่านอวี่จึงหมุนตัวกลับมา เมื่อเห็นว่าเป็นสิงลี่จริงๆ แววตาสีน้ำตาลเข้มก็เกิดประกายขึ้น แต่ก็ปกปิดอารมณ์ของตัวเองเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“คุณมาแล้ว”
ฟ่านอวี่โบกมือให้พ่อบ้านถอยไปก่อน แววตาอบอุ่นมองทอดไปยังสิงลี่
สิงลี่สวมชุดเดรสสีเรียบๆ ผมยาวสีดำปล่อยกระจายปกปิดใบหน้าครึ่งซีกของตัวเองเอาไว้
ข้อมือที่ปรากฏให้เห็นไม่มีรอยบาดเจ็บใดๆ ทั้งสิ้น
ไม่มีร่องรอยของการฆ่าตัวตายแม้แต่น้อย
ภาพพวกนั้นเป็นภาพปลอมจริงๆ ด้วย……
มือที่ถือไวน์อยู่ของฟ่านอวี่กำแน่นขึ้น มุมปากมีรอยยิ้มเยาะตัวเอง
“ทุกคนรู้แค่ว่าผมชอบมองพระจันทร์ คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมผมถึงชอบมองพระจันทร์”
“……ทำไม” สิงลี่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มก็เอ่ยถามออกไปโดยสัญชาตญาณ
แววตาที่มองดูฟ่านอวี่ แม้จะพยายามปกปิดสักเพียงไหนแต่ก็ปกปิดร่อยรอยแห่งความรักนั้นเอาไว้ไม่ได้
สิ่งพวกนี้ เธอไม่เคยคาดหวังมาก่อน
แต่แม้ว่าเธอจะพูดกับตัวเองสักกี่หมื่นครั้งว่า ชายหนุ่มผู้สูงส่งแบบนี้ไม่มีทางมารักผู้หญิงที่หน้าเสียโฉมแบบเธอหรอก
แม้ว่าในใจจะรู้ดีว่าเขาไม่ใช่ของเธอ แต่เธอก็ควบคุมความรักของตัวเองเอาไว้ไม่ได้
นี่คือความรักที่เธอฝังลึกอยู่ในใจมาตลอดสิบกว่าปี……
แต่เธอเกลียด เกลียดที่สายตาของเขามีแต่สิงซิง ไม่เคยมองดูคนอื่นเลยแม้แต่น้อย!
“ที่ผมชอบดูพระจันทร์ก็เพราะมีคนเคยบอกกับผมไว้ว่า ไม่ว่าจะอยู่ไกลกันสักแค่ไหนขอแค่เงยหน้ามองดูพระจันทร์ดวงเดียวกัน ก็เหมือนว่าเราได้อยู่ด้วยกันแล้ว……” เสียงของฟ่านอวี่เหมือนกับเสียงของน้ำตกบนภูเขา ไหลรินอยู่ข้างลำหู
น้ำเสียงน่าดึงดูนั้นไพเราะมาก
ทำให้คนใจสั่น