ตอนที่ 705 คาดไม่ถึง
ภายในห้องของโรงแรมแห่งหนึ่ง
ของที่กระจายอยู่ภายในห้องถูกเก็บลงในกระเป๋าเดินทางอย่างเรียบร้อยและเป็นระเบียบ
ซ่างซินยืนอยู่หน้าเตียงใหญ่ หันไปมองดูบรรยากาศอันคุ้นเคยรอบๆ ห้อง
แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าที่นี่เป็นแค่โรงแรม
บ้านของเธอไม่ได้อยู่ที่นี่
แต่แค่เพราะเรื่องในคืนนั้น ทำเอาเธอแทบไม่อยากจากที่นี่ไปไหน
ในเมืองเอช ที่นี่เป็นที่เดียวที่เธอมีความทรงจำร่วมกับเขา……
เธอเตรียมวีซ่าออกนอกประเทศเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ความร่วมมือกับนักลงทุนเธอก็คุยเสร็จเรียบร้อยแล้ว จิตใจที่รีบร้อนอยากจะไปจากที่นี่ตอนนี้เริ่มรู้สึกสับสน
“ซ่างซิน ดึกมากแล้ว เก็บของเสร็จแล้วก็รีบเข้านอนเถอะ” ผู้จัดการส่วนตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ มองเห็นซ่างซินยืนเหม่ออยู่จึงเอ่ยเตือน
ใกล้จะถึงวันต้องเดินทางออกนอกประเทศแล้ว
แม้ว่าซ่างซินจะไม่ได้บอกออกมา แต่ผู้จัดการก็มองออกว่าเธอกำลังคิดถึงใครอยู่
ผู้จัดการเดินตรงไปข้างหน้า เอื้อมมือไปกอดเธอเอาไว้ เอ่ยบ่นอย่างหงุดหงิด
“ตอนแรกฉันก็ไม่เห็นด้วยที่คุณจะจากไป กลัวว่าคุณจะรู้สึกว่าตัดสินใจผิด แต่ผ่านไปหลายวันขนาดนี้แล้ว เรื่องที่คุณจะไปต่างประเทศคงรู้ถึงหูของเขาตั้งนานแล้ว แต่เขากลับไม่ยอมปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่แคร์คุณเลย คุณยังต้องลังเลอะไรอีก”
“……”
ซ่างซินไม่ได้เอ่ยเถียง แววตาเปลี่ยนเป็นว้าเหว่
พริบตาเดียวก็ส่ายหน้า “ฉันไม่ได้คิดถึงเขา ฉันแค่รู้สึกว่าตัวเองช่างโง่จริงๆ คุณวางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไรพรุ่งนี้ฉันจะไปล่ำราเพื่อนสักหน่อย วันมะรืนเราไปกันได้เลย”
สิ้นคำพูด ผู้จัดการถึงได้วางใจ
ตบไหล่ของหญิงสาวเล็กน้อยเตือนว่าอย่าดื่มมากเกินไป จากนั้นก็หมุนตัวจากไป
ซ่างซินนั่งอยู่บนเตียงคนเดียว มองดูกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ตรงหน้า
ในสมองปรากฏภาพตอนที่เธอกับถังหยวนซือแยกจากกัน
ผู้จัดการของเธอพูดถูกแล้ว
ผ่านไปตั้งหลายวันขนาดนี้ ถ้าเกิดเขาอยากมาหาเธอก็คงมาไปนานแล้ว
บางที การที่เธอจะจากไปอาจเป็นข่าวดีสำหรับเขาก็ได้……
ซ่างซินหลุบตาลง นั่งอยู่คนเดียวพักใหญ่ พอนึกอะไรได้ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหาเหนียนเสี่ยวมู่เพื่อนัดหญิงสาวออกมาเจอ
จากนั้นก็สางโทรศัพท์ลงบนหัวเตียง สอดตัวเข้าไปในผ้าห่ม
วันรุ่งขึ้น
ซ่างซินตื่นขึ้นแต่เช้า
เอื้อมมือไปกดที่หน้าอกของตัวเอง สีหน้าขาวซีดลุกขึ้นนั่งบนเตียง
ผ่านไปไม่กี่วินาที ก็สะบัดผ้าห่มออกวิ่งไปที่ห้องน้ำโดยไม่ใส่แม้แต่รองเท้า
“อ้วกกก” เสียงอาเจียนอย่างทรมานดังออกมาจากห้องน้ำ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานสักเท่าไหร่ เสียงนั้นจึงค่อยๆ เงียบหายไป
ซ่างซินสีหน้าขาวซีด ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เอนตัวพิงอยู่ตรงอ่างล่างมือ
อาเจียนอยู่นานแต่ก็ไม่มีอะไรออกมาเลย รู้สึกทรมานจนพูดอะไรไม่ออก
เมื่อได้สติก็เปิดก๊อกน้ำ กวักน้ำล้างหน้าตัวเอง
เมื่อล้างหน้าป้วนปากเสร็จเรียบร้อยจึงเดินออกมาจากห้องน้ำ เดินไปตรงโต๊ะเพื่อหายแก้โรคกระเพาะ หญิงสาวหยิบยาออกมาจากแผงสองเม็ดใส่เข้าไปในปาก หยิบน้ำแร่ออกมาแล้วดื่มตามลงไป
ช่วงนี้เธอทานข้าวไม่ตรงเวลา รู้สึกไม่ค่อยสบายกระเพาะสักเท่าไหร่
ยังดีที่ผู้จัดการส่วนตัวเตรียมยาแก้โรคกระเพาะเอาไว้ให้
ซ่างซินไม่ได้คิดอะไรมาก กินยาเสร็จก็หยิบโทรศัพท์ออกมาดู เมื่อเห็นว่าเหนียนเสี่ยวมู่ตอบข้อความของเธอแล้วจึงเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ออกจากโรงแรมไป
ซ่างซินกำลังจะจากไป เหนียนเสี่ยวมู่นึกไม่ถึงมาก่อน
แถมยังจากไปอย่างฉุกละหุกแบบนี้ด้วย
ทั้งสองคนนัดเจอกันที่ร้านกาแฟ เหนียนเสี่ยวมู่เอ่ยถามอย่างทนไม่ไหว “ทำไมจู่ๆ ก็จะไปล่ะ แถมยังบอกอีกว่าคงไม่กลับมาในเร็วๆ นี้ คุณจะไปนานเท่าไหร่”
เมื่อเห็นซ่างซินนิ่งเงียบไป ไม่ยอมตอบคำถาม เหนียนเสี่ยวมู่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ในทันที
“เพราะถังหยวนซือเหรอ”
ตอนที่ 706 เหมือนคนๆ หนึ่งมาก
“ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ฉันตัดสินใจของฉันเอง” เมื่อซ่างซินได้ยินชื่อของชายหนุ่มก็เอ่ยปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
ยิ่งเธอทำแบบนี้ก็ยิ่งเป็นการพิสูจน์ว่าการที่เธอจากไปโดยรีบร้อนแบบนี้เป็นเพราะถังหยวนซือ
คนสองคน ทั้งๆ ที่เป็นห่วงกันและกันแท้ๆ แต่กลับทำร้ายกันเองแบบนี้
เหนียนเสี่ยวมู่นั่งลง ยกถ้วยชาตรงหน้าขึ้นจิบ เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่
ถ้าเป็นเธอ หากชอบผู้ชายคนไหนสักคนล่ะก็ จะดูให้แน่ใจและหาโอกาสลากกลับบ้าน จัดการกินเขาให้เสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยบอกกับเขาว่าต้องรับผิดชอบเธอ……
แค่กๆ!
แม้ว่าการที่เธอคบกับอวี๋เยว่หานจะอยู่เหนือความคาดหมายนิดหน่อย
เธอยังไม่ทันเอ่ยปากบอกให้เขารับผิดชอบ อวี๋เยว่หานก็หาตัวเธอมารับผิดชอบแล้ว
แต่ว่านี่มันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับราชินีอย่างเธอเลยแม้แต่น้อย
ถังหยวนซือเป็นเพื่อนของอวี๋เยว่หาน ตามหลักแล้ว นิสัยน่าจะคล้ายๆ กันสิ ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรอ้อมค้อม
ทั้งๆ ที่แคร์ซ่างซินแท้ๆ แต่ทำไมไม่เดินหน้าเร่งเครื่องกันนะ
เธอยังไม่เข้าใจมาจนถึงตอนนี้ เขามีเรื่องลำบากใจอะไรกันแน่ถึงต้องผลักใสคนที่ตัวเองรักออกไปแบบนี้
ไม่แมนเลยจริงๆ!
“คาปูชิโน่สองแก้ว แล้วก็ขนมหวานเซ็ตหนึ่ง ขอบคุณค่ะ”
ซ่างซินสั่งอาหารเสร็จก็ส่งเมนูอาหารคืนให้พนักงาน จากนั้นก็มองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่ยิ้มๆ
“ฉันมีเพื่อนที่นี่ไม่เยอะ ก่อนไปเลยอยากจะเจอคุณสักหน่อย จู่ๆ นัดออกมาแบบนี้ไม่ได้รบกวนเวลาใช่ไหมคะ”
สิ้นเสียง ซ่างซินก็เอ่ยพูดต่อ “ฉันได้ยินข่าวลือในอินเตอร์เน็ตแล้ว ความจริงที่ฉันนัดคุณออกมาเจอวันนี้ นอกจากจะบอกลาคุณแล้ว ฉันยังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกคุณ”
น้ำเสียงเคร่งเครียดของซ่างซิน ทำให้เหนียนเสี่ยวมู่นิ่งงันไป
เมื่อพูดถึงข่าวลือในอินเตอร์เน็ต คนแรกที่ปรากกฎขึ้นในสมองของเธอก็คือสิงลี่
ความจริงบ่ายของวันนี้เธอเตรียมจะไปหาสิงลี่ที่สถานีตำรวจเพื่อถามเรื่องพ่อแม่ของเธอ แต่อวี๋เยว่หานมีประชุมด่วนเข้ามาพอดีถึงปลีกตัวออกมาไม่ได้ พอดีกับที่ซ่างซินกำลังจะจากไป เธอจึงรีบมาเจอกับซ่างซินก่อน
นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ ซ่างซินจะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
นึกว่าหญิงสาวจะถามว่าข่าวในอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า เธอจึงรีบเอ่ยอธิบายขึ้นก่อน “ซ่างซิน ความจริงฉันกับสิงลี่……”
“ฉันไม่ได้อยากจะถามคุณเรื่องนี้ ฉันเชื่ออยู่แล้วว่าคุณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของสามีภรรยาตระกูลสิง อีกอย่าง ฉันก็รู้แล้วด้วยว่าคุณเป็นเด็กที่ตระกูลสิงเก็บไปเลี้ยง สื่อต่างๆ แพร่ข่าวเร็วมาก ช่วงหลายวันมานี้ข่าวของคู่หมั้นลึกลับของบริษัทตระกูลอวี๋มีต่อเนื่องไม่หยุดเลย เรื่องชาติกำเนิดของคุณน่าสนใจกว่าบทละครที่แต่งขึ้นมาอีกนะ”
ซ่างซินพูดพลางกุมมือของเหนียนเสี่ยวมู่เอาไว้
หญิงสาวเม้มปากเล็กน้อย ราวกับลังเลอะไรบางอย่าง ครู่ใหญ่จึงเอ่ยพูดขึ้น
“คุณยังจำตอนที่เราเจอกันครั้งแรกได้ไหมคะ”
“……นอกสถานที่ถ่ายทำ ที่คุณแกล้งแต่งตัวเป็นแฟนคลับน่ะเหรอ” เหนียนเสี่ยวมู่นิ่งไป แล้วก็เอ่ยพูดขึ้นยิ้มๆ
เมื่อนึกถึงตอนนั้นเธอรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างโง่
บอกว่าจะไปพูดโน้มน้าวให้ซ่างซินยอมร่วมงานด้วย แต่ซ่างซินยืนอยู่ตรงหน้าเธอแท้ๆ เธอกลับดูไม่ออก
สิ้นคำพูด ซ่างซินก็พยักหน้าแววตาเปลี่ยนเป็นสับสน
“อือ ครั้งนั้นแหล่ะ ที่ฉันพูดกับคุณ รวมถึงเลือกที่จะเชื่อและยอมร่วมงานกับคุณ นอกจากเป็นเพราะพี่เสี่ยวซือแล้ว ยังมีเหตุผลอีกข้อที่ฉันไม่เคยบอกกับคุณเลย”
“อะไรคะ” เหนียนเสี่ยวมู่สบสายตากับซ่างซิน จู่ๆ ในใจก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
เหมือนกับในตอนนี้
ทั้งๆ ที่พวกเธอรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เหมือนว่าเคยเป็นเพื่อนกันมาหลายปี
แค่รู้ว่าซ่างซินจะจากไป เธอก็ร้อนรนขนาดยอมทิ้งทุกอย่างแล้วมาเจอซ่างซินก่อน
“เสี่ยวมู่มู่ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเจอคุณ ฉันก็รู้สึกว่าคุณเหมือนคนๆ หนึ่ง……”