ตอนที่ 709 ครั้งหนึ่งไม่ได้ ก็ลองหลายๆ ครั้ง
“ลิ่วลิ่ว? คุณบอกว่าเด็กผู้หญิงที่คุณรู้จักชื่อลิ่วลิ่วเหรอ” เหนียนเสี่ยวมู่อึ้งงัน มองไปทางซ่างซินอย่างไม่อยากเชื่อ
ตอนแรกที่ได้ยินฟ่านอวี่บอกว่าตัวเองชื่อ “ลิ่วลิ่ว” ความจริงในใจของเธอยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
แต่นึกไม่ถึงเลยว่า คนที่สองที่จำเธอได้ก็พูดชื่อเดียวกันออกมา
“แค่ลิ่วลิ่วเหรอ ฉันนามสกุลอะไร คุณรู้หรือเปล่า” เหนียนเสี่ยวมู่ได้สติ สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที จับข้อมือของซ่างซินไว้อย่างตื่นเต้น เอ่ยถามขึ้น
สิ้นคำถาม สีหน้าของซ่างซินก็เปลี่ยนเป็นแย่ลง
นึกอยู่นาน จากนั้นก็ส่ายหน้า “ฉันไม่รู้”
ที่ที่พวกเธอเรียนอยู่คือโรงเรียนเอกชนประจำสำหรับชนชั้นสูง คนที่ไปเรียนที่นั่นได้ ต้องเป็นคนที่มีชาติตระกูลที่ไม่ธรรมดาแทบทั้งนั้น
เพื่อรับประกันว่าที่เวลาเรียนจบออกไป พวกเธอจะไม่ถูกรบกวน ดังนั้นเวลาอยู่ที่โรงเรียนจึงมักจะใช้ชื่อเล่นกันทั้งนั้น
วันนั้น หลังจากเด็กผู้หญิงคนสวยช่วยเธอแล้ว ท่าทางก็ดูเปิดเผยดูไม่เหมือนคนเลวเลยแม้แต่น้อย แต่ลักษณะการพูดของเธอดูสบายๆ แถมรอบตัวเธอยังมีรัศมีของความสูงส่งที่ดูมากกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ
พอเดินออกมาจากห้องอบรม เธอยังหันมาลูบผมของเธอ
“ตัวเล็ก ฉันไปแล้วนะ อย่าคิดถึงฉันล่ะ ครั้งหน้าถ้ามีคนมารังแกเธออีก จำวิธีที่ฉันสอนเธอเอาไว้แล้วก็จัดการพวกนั้นนะ!”
เด็กผู้หญิงคนสวยพูดจบก็เตรียมเดินจากไป
ซ่างซินได้สติจึงรีบตะโกนถามตามหลังไป “ฉันยังไม่รู้เลยว่าเธอชื่ออะไร”
“ลิ่วลิ่ว เธอเรียกฉันว่าลิ่วลิ่วก็พอ”
ลิ่วลิ่วไม่ได้หันหลังกลับมา โบกมือให้แล้วเดินจากไป
ต่อมา พวกเธอก็เจอกันที่โรงเรียนอยู่หลายครั้ง
แม้ว่าจะไม่ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกัน แต่ก็ยังคุยกันได้
เมื่อสนิทกันนานเข้า ซ่างซินจึงค่อยๆ พบว่า ลิ่วลิ่วไม่เหมือนกับที่เธอเจอในวันแรก
เด็กสาวเป็นคนสบายๆ รักความยุติธรรม
รู้เรื่องอะไรมากมาย
เสียแต่ว่า……ตอนต่อยตีค่อนข้างดุดัน
แต่ก็ตามที่เธอเคยพูดเอาไว้นั่นแหละ เทพธิดาโดนบังคับจึงต้องลงมือจัดการกับพวกไม่รู้จักเข็ดหลาบพวกนั้น
โดยสถานการณ์ปกติแล้วจะไม่ไปมีเรื่องชกต่อยกับใคร เพราะมันเป็นการทำลายภาพลักษณ์เทพธิดาของตัวเอง
อือ เทพธิดาที่ชอบต่อยดีให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตัวเองมาก
หากคนอื่นมาพูดกับเธอแบบนี้ ซ่างซินอาจต้องถุยน้ำลายใส่หน้าฝ่ายตรงข้ามก็เป็นได้ แต่เมื่อมันออกมาจากปากของลิ่วลิ่ว เธอไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลย
บางทีอาจเป็นเพราะรัศมีราชินีที่ตัวของหญิงสาว……
สรุป พวกเธอสนิทกันได้อย่างไร ซ่างซินเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
รู้แต่ว่าต่อมาเธอก็เห็นลิ่วลิ่วเป็นเพื่อนของเธอ
การเรียนในโรงเรียนประจำแห่งนี้สำคัญมาก ทุกวันพวกเธอต้องทำบ้านที่มากมายมหาศาล ช่วงเวลาส่วนตัวเลยมีน้อยมาก มีเจอกันบ้างบางครั้ง และซ่างซินก็บ่นเรื่องหัวใจให้เธอฟังตลอด
ช่วงวัยรุ่น เป็นวัยที่เริ่มเปิดเผยเรื่องความรักเป็นครั้งแรก
ซ่างซินในตอนนั้นรู้ตัวแล้วว่าตัวเองชอบถังหยวนซือ เอาแต่คิดว่าจะทำให้เขามาเป็นของตัวเองได้อย่างไร
พูดถึงเรื่องนี้ การตามตอแยไม่ยอมปล่อยแบบนี้ ก็เป็นสิ่งที่ลิ่วลิ่วยัดเยียดสอนเธอเอง
“คุณบอกกับฉันว่า ผู้หญิงจีบผู้ชาย มันมีผ้าบางๆ กั้นอยู่ หากฉีกผ้านั่นออกไปได้ ก็จะจีบเขาติดได้เอง หากเขาไม่ยอม เธอก็ใช้ไม้แข็งหน่อย สรุปก็คือ ครั้งหนึ่งไม่ได้ ก็ลองไปหลายๆ ครั้ง เดี๋ยวเขาก็ยอมเอง!”
เมื่อนึกถึงคำพูดที่เธอสองคนเคยพูดด้วยกัน ใบหน้าของซ่างซินก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้น
แต่ลิ่วลิ่วที่เป็นคนพูดประโยคนี้กับเธอ กลับพูดมันออกมาหน้าตายราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
ตอนที่ 710 คือเขา คือเขานั่นแหละ!
“เธอน่ะ ไม่มีความกล้าเลย ถูกคนรังแกก็ไม่กล้าตอบโต้ ชอบคนคนหนึ่งก็ไม่กล้าจีบ ถ้ายังเป็นแบบเธอต่อไป โลกเราจะมีคนงี่เง่าอีกสักเท่าไหร่นะ”
ซ่างซิน : “……”
ลิ่วลิ่ว : “ฉันไม่เหมือนเธอหรอก ถ้าฉันมีคนที่ชอบจริงๆ ไม่สนว่าเขาจะชอบฉันหรือไม่ ฉันจะรีบลงมือก่อนเลย! ถ้าจีบได้ก็ดีมาก แต่ถ้าไม่ได้ อย่างน้อยฉันก็ได้พยายามแล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียดาย!”
การให้กำลังใจของลิ่วลิ่ว ทำให้เธอกล้ามากยิ่งขึ้น
ไม่เอาแต่เกรงกลัวและหลบหนีอีกต่อไป
ไม่เพียงแต่เรียนรู้ที่จะปกป้องตัวเองได้ในโรงเรียนเท่านั้น หลังจากที่กลับมาแล้วไปสารภาพความรู้สึกกลับถังหยวนซือ ทั้งหมดต่างก็เป็นเพราะเด็กผู้หญิงที่ชื่อ “ลิ่วลิ่ว”
พวกเธออายุเท่ากันแท้ๆ แต่ความก๋ากั่นของลิ่วลิ่ว ทำให้เธอดูเหมือนลูกพี่ใหญ่
“คุณจะบอกว่า คุณรู้แค่ว่าฉันชื่อลิ่วลิ่ว ไม่รู้ชื่อจริงๆ ของฉันเหรอ แล้วชื่อโรงเรียนล่ะ!” ดวงตาของเหนียนเสี่ยวมู่ส่อแววผิดหวังขึ้นมาแวบหนึ่งแล้วก็หายไป จากนั้นก็นึกถึงประเด็นสำคัญขึ้นมาได้อีกประเด็น
ในเมื่อซ่างซินเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันกับเธอ อย่างนั้นขอแค่รู้ชื่อโรงเรียน เธอก็จะสามารถหาข้อมูลตอนเธอเรียนอยู่ที่นั่นได้
บางที อาจเจอคนอื่นที่รู้จักเธออีกก็เป็นได้……
“แองเจิล โรงเรียนนั้นชื่อว่า แองเจิล เป็นโรงเรียนประจำสำหรับชนชั้นสูงที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ”
และก็ถูกแซวว่าเป็นโรงเรียนมารที่มีชื่อว่า “นางฟ้า”
คนที่เรียนจบมาจากที่นั่น ส่วนใหญ่เป็นคนสำคัญทั้งนั้น
“แองเจิล” เหนียนเสี่ยวมู่ขานชื่อนั้นออกมาอีกครั้ง มีความรู้สึกคุ้นเคยบางชนิดผุดขึ้นในหัวของเธอ
ถ้าหากซ่างซินจำไม่ผิด หากตอนนั้นเธอเคยเรียนอยู่ที่โรงเรียนนั่นจริงๆ อาจารย์ที่โรงเรียนก็ควรจะเคยเจอครอบครัวของเธอบ้าง……
พวกเขา ยังสบายดีไหม
“เสี่ยวมู่มู่ คุณไม่เป็นอะไรนะ” ซ่างซินเห็นว่าสีหน้าของหญิงสาวดูไม่ค่อยดีจึงถามออกมาอย่างเป็นห่วง
“กาแฟของสองท่านค่ะ” พนักงานเดินเสิร์ฟกาแฟและขนมหวานเข้ามา ขัดจังหวะการสนทนาของทั้งคู่ชั่วคราว
ซ่างซินหยิบกาแฟขึ้นจิบ
รสชาติที่เดิมทีเคยชอบ วันนี้พอดื่มกลับรู้สึกคลื่นไส้
นึกว่าเป็นเพราะเธอรู้สึกไม่ค่อยสบายที่กระเพาะ หญิงสาววางแก้วกาแฟลง นึกอะไรขึ้นมาได้จึงมองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่อีกรอบ
“ถ้าพูดถึงชื่อของคุณ ฉันรู้แค่ว่าคุณชื่อลิ่วลิ่ว แต่ถ้าพูดถึงครอบครัวของคุณ……ฉันจำได้ว่าเคยเห็นคนมารับคุณครั้งหนึ่ง แต่ดูจากการแต่งตัวของคนคนนั้นแล้ว ไม่เหมือนพ่อแม่ของคุณ ท่าทางระเบียบจัดแบบนั้นเหมือนจะเป็นพ่อบ้านมากกว่า เขาดูเคารพคุณมาก”
“……” เมื่อได้ยินคำพูดของซ่างซิน เหนียนเสี่ยวมู่ก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ฉันจำลักษณะได้ไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่นัก รู้แค่ว่าเป็นชาวต่างชาติ ในชุดสูทเป็นทางการ ผูกเน็คไทสีดำ ผมมีสีขาวแซมอยู่ อายุน่าประมาณห้าสิบ”
“คนต่างชาติอายุประมาณห้าสิบปี……”
เหมือนว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะนึกอะไรขึ้นมาได้ แววตาปราดเปรื่องเป็นประกายขึ้น
รีบก้มหน้าควานหาโทรศัพท์ของตัวเอง เอารูปภาพของมิสเตอร์คาติที่ได้มาจากบ้านสิงให้ซ่างซินดู
“คุณดูให้ดีๆ ว่าใช่คนๆ หรือเปล่า”
“……”
ซ่างซินตกใจกับปฏิกิริยานั้น จากนั้นก็รับโทรศัพท์มาโดยเร็ว
รูปในโทรศัพท์เป็นรูปที่เธอถ่ายมาจากรูปภาพเก่าของลุงรองสิง เดิมทีภาพนั้นก็เหลืองมากแล้ว พอใช้โทรศัพท์ถ่ายออกมาก็ยิ่งมองไม่ชัดเข้าไปใหญ่
แต่ก็ยังพอมองคนในภาพออกอยู่บ้าง
ซ่างซินเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว “ใช่เขา ตอนนั้นฉันอยู่หน้าประตูโรงเรียน เห็นคนที่มารับเธอก็คือคนแก่ในภาพนี่แหละ!”